โบสถ์ร้าง วัดสังกระต่าย เตรียมขึ้นเป็นโบราณสถาน
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ข่าวสด
อธิบดีกรมศิลปากร เตรียมจดทะเบียนโบสถ์ร้าง วัดสังกระต่าย จ.อ่างทอง ขึ้นเป็นโบราณสถานแห่งใหม่ของจังหวัดอ่างทอง
เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2557 นายเอนก สีหามาตย์ อธิบดีกรมศิลปากร ได้เดินทางมาตรวจสอบโบสถ์ร้าง ที่วัดสังกระต่าย หมู่ที่ 4 ต.ศาลาแดง อ.เมือง จ.อ่างทอง หลังมีเสียงร่ำลือถึงความสวยงามของโบสถ์แห่งนี้ โดยได้สั่งให้เจ้าหน้าที่เก็บข้อมูลเตรียมขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแห่งใหม่ ทั้งนี้ นายเอนก กล่าว่า ด้านการบูรณะนั้นคงปล่อยไว้ตามธรรมชาติ กรมศิลปากรคงจะดูแลรอบ ๆ โบสถ์ให้ดูดีขึ้น และถ้าขุดได้คงจะขุดดินรอบโบสถ์ด้านนอกเพื่อให้เห็นถึงด้านล่างของโบสถ์
ปัจจุบัน โบสถ์ร้าง วัดสังกระต่าย อยู่ในการดูแลของสำนักงานเทศบาลศาลาแดง พื้นที่บริเวณวัดเหลือแต่ตัวโบสถ์ที่คงให้เห็นอยู่ ที่บริเวณโคนต้นโพธิ์เป็นโบสถ์ร้างโบราณ ที่สร้างเป็นห้องไว้ จำนวน 3 ห้อง ประตูโบสถ์อยู่ด้านข้าง ภายในห้องแรกมีพระบูชา คือ หลวงพ่อแก่น เมื่อเข้ามาในห้องใหญ่มีพระประธานองค์ใหญ่ 1 องค์ คือ หลวงพ่อวันดี และอีก 2 องค์มีขนาดย่อมลงมา คือ หลวงพ่อศรี และหลวงพ่อสุข ส่วนห้องสุดท้ายเป็นห้องว่าง
สำหรับประวัติของวัดสังกระต่าย จากการบอกเล่าต่อ ๆ กันมา ทราบว่า เดิมมีชื่อว่า วัดสามกระต่าย แต่ได้มีการเรียกชื่อผิดเพี้ยนกันมาเรื่อย ๆ จนกลาย เป็นวัดสังกระต่าย โดยมี ทวดนิ่ม จันทนเสวี เป็นผู้สร้าง ตั้งแต่สมัยก่อนกรุงศรีอยุธยา ในสมัยก่อนมีพระภิกษุสงฆ์ที่มาจำพรรษาได้ทะเลาะวิวาทกันตลอด จนชาวบ้านเชื่อว่าสาเหตุน่าจะมาจากเรื่องของเจ้าที่ที่สิงสถิตในบริเวณวัดแรงทำให้พระสงฆ์ไม่สามัคคีกัน ต้องแยกย้ายกันไป และชาวบ้านก็เริ่มเสื่อมศรัทธาไม่มาทำบุญ ประกอบกับไม่มีพระสงฆ์จำวัด เลยกลายเป็นวัดร้างดังกล่าว
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก