x close

พาแม่เที่ยวกรุงเทพฯ ตะเวนไหว้พระ พร้อมทัวร์สถานที่ต่าง ๆ

พาแม่เที่ยว

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          วันแม่ 2557 ใครที่ยังไม่รู้ว่าจะพาแม่ไปเที่ยวไหนดี วันนี้เรานำเอาโปรแกรมพาแม่เที่ยวแบบชิล ๆ ไม่เหนื่อยมาก แถมยังราคาไม่แพงมาฝากกันค่ะ กับการ "พาแม่เที่ยวกรุงเทพฯ" ตระเวนไหว้พระ ชิมและช้อปเพลิน ๆ ที่ตลาดน้ำชื่อดัง พร้อมพาทัวร์ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ เอาล่ะ...มาเริ่มพาแม่เที่ยวกันเลยดีกว่า

พาแม่เที่ยวกรุงเทพฯ ไหว้พระขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์


          เริ่มวันกันที่การไหว้พระ 9 วัด เพื่อเป็นสิริมงคล ซึ่งจริง ๆ แล้วนอกจาก 9 พระอารามหลวง แล้วมีวัดอื่น ๆ ให้ได้ไปกราบไหว้อีกมากมาย เลือกที่สะดวกทั้งคุณแม่และคุณลูกจะดีกว่าค่ะ อีกทั้งไม่จำเป็นต้องไหว้ 9 วัด ก็ได้นะคะ สำหรับวัดที่เราแนะนำ คือ

          1. ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร : ไหว้หลักเมืองขอพรชัยให้ชีวิตมีหลักมั่นคง โดยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ทรงโปรดให้มีพระราชพิธีฝังเสาหลักเมืองขึ้น ภายหลังจากที่ได้มีการสถาปนากรุงเทพมหานครขึ้นเป็นราชธานี ตามโบราณราชประเพณี เพื่อความเป็นสิริมงคลและความเป็นปึกแผ่นของแผ่นดิน นับจากนั้นมาศาลหลักเมืองก็เป็นที่เคารพสักการะอย่างไม่เสื่อมคลาย ในฐานะที่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นหลักของความมั่นคงของพระนคร และเป็นที่พึ่งของชาวไทยทุกคน ซึ่งหากมีโอกาสได้มาไหว้พระหลักเมืองแล้ว ควรจะเข้าไปสักการะเทวดาสำคัญ ผู้รักษาพระนครทั้งห้าที่ประดิษฐานอยู่ในหอเทพารักษ์ด้วย คือ พระเสื้อเมือง พระทรงเมือง พระกาฬไชยศรี เจ้าพ่อเจตคุปต์ และเจ้าพ่อหอกลอง เพื่อขอพรบารมีให้ท่านช่วยปกปักรักษา ทั้งนี้ ในบริเวณศาลหลักเมืองมี “พระเสี่ยงทาย” ให้ตั้งจิตอธิษฐานถามถึงสิ่งที่ปรารถนา การยกพระเสี่ยงทายนั้นต้องทำสองครั้ง ครั้งแรกขอให้ยกขึ้น ส่วนครั้งที่สองขอให้ยกไม่ขึ้น หากเป็นดังนั้นเชื่อว่าจะสมหวังในสิ่งที่ต้องการ

          2. วัดพระราม 9 กาญจนาภิเษก : เป็นวัดพระอารามหลวงประจำรัชกาลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ซึ่งได้มีพระราชดำรัสให้จัดสร้างขึ้นให้เป็นวัดขนาดเล็กที่เรียบง่าย มุ่งเน้นประโยชน์ใช้สอยสูงสุด เพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนในลักษณะ 3 ประสาน คือ บ้าน วัด โรงเรียน หรือที่เรียกว่า "บวร"

วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร
ภาพจาก ททท.

          3. วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร : ตั้งอยู่ที่ถนนเจริญกรุง (ใกล้หัวลำโพง) เดิมชื่อว่า "วัดสามจีน" ภายในวัดมีพระพุทธรูปปูนปั้นองค์หนึ่ง เมื่อคราวเปลี่ยนที่ตั้งปูนที่หุ้มอยู่ได้กะเทาะออกเห็นภายในเป็นพระพุทธรูปทองคำ ลักษณะองค์พระเป็นศิลปะสุโขทัย จึงได้ถวายพระนามว่า "พระสุโขทัยไตรมิตร" เป็นพระพุทธรูปทองคำที่มีส่วนผสมของทองคำสูงมาก เรียกว่า "ทองเนื้อเจ็ดน้ำสองขา"  มีขนาดหน้าตักกว้าง 6 ศอก 5 นิ้ว สูง 7 ศอก 1 คืบ 9 นิ้ว โดยทางวัดได้จัดสร้างพระมหามณฑป 4 ชั้น เพื่อประดิษฐานหลวงพ่อทองคำที่ชั้นบนสุด ส่วนบริเวณชั้นที่ 3 จัดแสดงนิทรรศการหลวงพ่อทองคำ และบริเวณชั้น 2 จัดทำเป็นศูนย์ประวัติศาสตร์เยาวราช จัดแสดงเรื่องราวของไชน่าทาวน์เยาวราชในรูปแบบนิทรรศการที่ทันสมัย มีโรงภาพยนตร์ฉายวีดิทัศน์เล่าเรื่องเยาวราชในอดีต แบบจำลอง 3 มิติ ของถนนเยาวราช หอเกียรติยศแสดงภาพบุคคลที่มีชื่อเสียงของชุมชนเยาวราช เป็นต้น ทั้งนี้ สอบถามเพิ่มเติม โทรศัพท์ 0 2623 3329, 0 2623 1227 หรือ www.wattraimitr-withayaram.com

          4. วัดยานนาวา : ตั้งอยู่ที่ถนนเจริญกรุง แขวงยานนาวา เขตสาทร มีพระเจดีย์ฐานเป็นสำเภาขนาดเท่าสำเภาจริง ซึ่งสร้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 เป็นพระอารามหลวง ชั้นตรี ชนิดสามัญ เดิมชื่อว่า วัดคอกควาย หรือวัดคอกกระบือ เป็นวัดโบราณมีมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา ไม่ปรากฏนามผู้สร้าง โดยภายในวัดมีสิ่งที่น่าสนใจ ได้แก่ สำเภาเจดีย์  พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริเห็นว่า พระอุโบสถวัดคอกกระบือทรุดโทรมลงมาก จึงทรงสร้างเจดีย์มีฐานเป็นสำเภาเท่าขนาดเรือสำเภาจริง ส่วนยาวของสำเภาตลอดลำ วัดแต่หงอนข้างบนถึงท้ายบาหลีได้ 21 วา 2 ศอก ส่วนยาวตลอดลำ วัดจากพื้นดินได้ 18 วา 1 ศอกเศษ ส่วนกว้างตอนกลางลำ 4 วา 3 ศอก ส่วนสูงตอนกลางลำ 2 วา 3 ศอก มีพระเจดีย์อยู่ในสำเภา 2 องค์ องค์ใหญ่มีฐานย่อมุมไม้ 25 ฐานล่างกว้าง 3 วา 1 ศอกเศษ สูงจากพื้นบนถึงยอด 8 วา องค์เล็กมีฐานย่อมุมไม้ 16 ฐานล่างกว้าง 7 ศอกเศษ สูงจากพื้นบนถึงยอด 6 วาถ้วน ซึ่งมีอยู่แห่งเดียวในประเทศไทย โดยมีพระราชดำรัสว่า "คนภายหน้าอยากจะเห็นเรือสำเภาเป็นอย่างไรจะได้มาดู" และทรงพระราชทานนามวัดใหม่เป็น "วัดยานนาวาราม" และพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ประดิษฐานอยู่บริเวณหน้าเจดีย์รูปเรือสำเภา ฯลฯ ทั้งนี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทรศัพท์ 0 2672 3216

วัดราชนัดดาราม

          6. วัดราชนัดดาราม : อยู่ที่ถนนมหาไชย สร้างเมื่อ พ.ศ. 2389 เป็นวัดที่รัชกาลที่ 3 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแด่พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าโสมนัสวัฒนาวดี มีเจ้าพระยายมราชเป็นแม่กองออกแบบ เจ้าพระยาศรีพิพัฒน์เป็นแม่กองสร้างโลหะปราสาท วัดนี้แปลกกว่าวัดอื่น คือ โปรดเกล้าฯ ให้สร้างธรรมเจดีย์ปราสาทแทนการสร้างพระเจดีย์ (นับเป็นแห่งที่ 3 ของโลก) มีความสูง 36 เมตร ประกอบด้วย เจดีย์ล้อมรอบ 37 องค์ เพื่อให้เท่ากับ "โพธิปักขียธรรม 37 ประการ" ปัจจุบันโลหะปราสาทแห่งนี้เหลืออยู่เพียงแห่งเดียวในโลก เนื่องจากโลหะปราสาทที่ประเทศอินเดียและศรีลังกาได้ปรักหักพังไปหมดแล้ว

          7. วัดราชบพิธ : วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร หรือที่เรียกกันติดปากว่า วัดราชบพิธ นับเป็นพระอารามหลวงสุดท้ายที่พระมหากษัตริย์ทรงสร้างตามโบราณราชประเพณี ที่มีการสร้างวัดประจำรัชกาล 5 และยังเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 7 คือ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว อีกด้วย เนื่องจากในสมัยรัชกาลที่ 7 มิได้ทรงสร้างวัดประจำรัชกาล แต่ได้รับพระราชภาระในการทำนุบำรุง และทรงโปรดเกล้าฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ซึ่งเป็นวัดของพระราชบิดา คือ รัชกาลที่ 5 จึงเสมือนเป็นวัดประจำรัชกาลของพระองค์เช่นกัน โดยอยู่ที่ถนนเฟื่องนคร เป็นวัดที่มีเสมาขนาดใหญ่ทำเป็นเสาศิลาสลักรูปเสมาธรรมจักรอยู่บนเสาตั้งอยู่ที่กำแพงวัดทั้ง 8 ทิศ บริเวณวัดนี้เดิมเป็นวังของพระบรมวงศ์เธอกรมหลวงบดินทร ไพศาลโสภณ ก่อนที่ พ.ศ. 2412 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเป็นวัดประจำรัชกาล โดยสร้างเลียนแบบ 2 วัด คือ วัดพระปฐมเจดีย์ กับ วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม ซึ่งเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 4 และภายในวัดแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ เขตพุทธาวาส เขตสังฆาวาส และเขตสุสานหลวง สร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2413

 พระบรมบรรพตภูเขาทอง

          8. วัดสระเกศและภูเขาทอง : อยู่นอกกำแพงเมือง ริมคลองมหานาค ตรงที่บรรจบกับคลองบางลำพู อยู่ในเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เดิมเป็นวัดเก่าชื่อว่า "วัดสะแก" ได้รับการสถาปนาขึ้นใหม่ทั้งพระอารามในสมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก และพระราชทานนามว่า "วัดสระเกศ" ส่วนเจดีย์ภูเขาทองนั้นเริ่มสร้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยทรงเลียนแบบมาจากภูเขาทองในสมัยกรุงศรีอยุธยา แล้วเสร็จในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้รับพระราชทานนามว่า "สุวรรณบรรพต" มีความสูง 77 เมตร บนยอดสุวรรณบรรพตเป็นที่ตั้งของพระเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ที่ขุดค้นพบที่เมืองกบิลพัสดุ์ และพิสูจน์ได้ว่าเป็นของพระสมณโคดมซึ่งเป็นส่วนแบ่งของพระราชวงศ์ศากยราชเพราะมีคำจารึกอยู่ พระองค์เจ้าปฤษฎางค์ขณะนั้นกำลังทรงผนวชอยู่ที่ประเทศอินเดีย ได้ส่งพระบรมสารีริกธาตุเข้ามาถวายในฐานะที่พระมหากษัตริย์ไทยทรงเป็นกษัตริย์เพียงพระองค์เดียวที่เป็นพุทธมามกะอยู่ในขณะนั้น

วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ราชวรวิหาร

          9. วัดเบญจมบพิตร : หรือชื่อทางการ คือ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ราชวรวิหาร ตั้งอยู่ที่ถนนศรีอยุธยาเขตดุสิต เป็นวัดที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสถาปนาขึ้น โดยมีสมเด็จพระบรมวงศ์เธอกรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์เป็นผู้ออกแบบ ก่อสร้างศิลปะสถาปัตยกรรมไทยโบราณที่มีความวิจิตรงดงามและเป็นระเบียบ ได้รับการยกย่องว่าเป็นวัดที่มีการวางแปลนแผนผังที่ดีที่สุดวัดหนึ่ง ทั้งยังประดับด้วยหินอ่อนที่ดีที่สุดจากประเทศอิตาลี เป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปในหมู่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในชื่อ "Marble Temple" พระประธานของวัดจำลองมาจากพระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ เมืองพิษณุโลก บริเวณพระระเบียงด้านหลังพระอุโบสถเรียงรายด้วยพระพุทธรูปโบราณปางต่าง ๆ 52 องค์ ซึ่งสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพได้ทรงรวบรวมมาจากหัวเมืองต่าง ๆ และต่างประเทศ

พาแม่เที่ยวกรุงเทพฯ ชม ชิม ช้อป ตลาดน้ำ

          หลังจากไหว้พระกันเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาพาคุณแม่ไปเดินช้อป เดินชิม ของอร่อยที่ตลาดน้ำในกรุงเทพฯ กันแล้ว ใครใกล้แถวไหนก็ลองดูนะคะ โดยเริ่มกันที่ ตลาดน้ำขวัญเรียม ตั้งอยู่ระหว่างซอยเสรีไทย 60 และซอยรามคำแหง 187 หรือที่รู้จักกันดีว่า วัดบำเพ็ญเหนือ และวัดบางเพ็งใต้ ถึงแม้ว่าสองฝั่งคลองจะเป็นถนนที่ผู้คนพลุกพล่าน แต่ตลาดน้ำแห่งนี้ก็ยังคงมีความสงบในวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม มีกิจกรรมต่าง ๆ ให้เลือกทำมากมาย ทั้งการย้อนอดีตชมวิถีชีวิตริมคลองแสนแสบ เลือกชิมอาหารอร่อยจากทั่วทุกภาค เลือกซื้อสินค้า OTOP ติดไม้ติดมือกลับบ้าน ชื่นชมกับสถาปัตยกรรมแบบไทย ๆ และเรือโบราณมากมาย ที่คนรุ่นก่อนพร้อมใจกันมาแสดงให้ลูกหลานดูอย่างเต็มใจ

ช้อป ชิมทัวร์ 5ตลาดน้ำย่านตลิ่งชัน
ภาพจาก Lisa

          ตลาดน้ำคลองลัดมะยม โดยจากถนนบรมราชชนนีมุ่งหน้าไปทางถนนกาญจนาภิเษก แล้วเข้าสู่ถนนจรัญสนิทวงศ์ 13 ขับไปเรื่อย ๆ จะเจอถนนบางระมาดตรงข้ามสมาคมชาวปักษ์ใต้ แล้วตรงไปอีกหนึ่งกิโลเมตรก็จะถึงตลาดน้ำคลองลัดมะยม ซึ่งหากตั้งใจมากินละก็ให้ตรงดิ่งเข้าตลาดฝั่งที่มีหลักกิโลเมตรตั้งเด่นอยู่ทาง เข้า ด้านหน้าเน้นขายผักผลไม้ทั้งสด ๆ และแปรรูป ส่วนด้านในจะละลานตาไปด้วยของกินสารพัดทั้งของคาวของหวาน ตามด้วยเสื้อผ้า ของเล่น ของใช้ ส่วนตลาดอีกฟากเน้นของแต่งบ้าน เครื่องปั้นดินเผาลายน่ารัก และร้านขายต้นไม้นานาชนิด

          ตลาดน้ำวัดไทร ตั้งอยู่ในเขตจอมทอง ฝั่งธนบุรี เคยเป็นแหล่งเที่ยวชมวิถีชีวิตทางน้ำที่เคยรุ่งเรืองในอดีต แต่ได้ถูกทิ้งร้างให้ซบเซาเนื่องจากมีถนนหลายสายเกิดขึ้นในพื้นที่ ปัจจุบันได้รับการฟื้นฟูให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวร่วมสมัยที่สวยงามอีกครั้งหนึ่ง นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางท่องเที่ยวไปตามทางน้ำเส้นทางสายประวัติศาสตร์ ที่คลาคล่ำไปด้วยเรือขายสินค้าจากสวนและการซื้อขายสินค้าบนบกริมฝั่งคลองสนามชัยหน้าตลาดน้ำวัดไทร โดยเฉพาะในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ และแวะชมตำหนักทอง หอกลองเก่า สถาปัตยกรรมสมัยอยุธยาในวัดไทร เก๋งจีนที่ประทับรัชกาลที่ 3 ตุ๊กตาจีนล้ำค่า ในวัดราชโอรส นมัสการพระพุทธรูปทรงเครื่องจักรพรรดิและภาพเขียนเรื่องสามก๊กที่วัดนางนอง นมัสการหลวงปู่เฒ่าวัดหนัง และชมการแสดงสาธิตการจับงูที่สวนงูริมฝั่งคลองด่าน

ช้อป ชิมทัวร์ 5ตลาดน้ำย่านตลิ่งชัน
ภาพจาก Lisa

          ตลาดน้ำตลิ่งชัน อยู่บริเวณหน้าสำนักงานเขตตลิ่งชัน เป็นตลาดกึ่งชนบทผสมผสานระหว่างชีวิตริมน้ำกับธรรมชาติ มีเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลาประมาณ  07.00-17.00 น. พ่อค้าแม่ค้าก็คือชาวสวนในพื้นที่จะเริ่มนำผลผลิตจากสวน ซึ่งมีทั้งพันธุ์ไม้ ผักสด ผลไม้ ปลา และอาหารต่าง ๆ มาจำหน่ายเหมือนตลาดสดทั่วไป แต่ผลผลิตจะเปลี่ยนไปตามฤดูกาล นอกจากนี้ ยังมีร้านอาหารบนแพริมน้ำและมีเรือทัวร์ของเอกชนพาชมคลอง ชมสวน ซึ่งจะได้เห็นชีวิตความเป็นอยู่ริมน้ำของชาวตลิ่งชัน

ช้อป ชิมทัวร์ 5ตลาดน้ำย่านตลิ่งชัน
ภาพจาก Lisa

          ตลาดน้ำวัดตลิ่งชัน ตั้งอยู่ริมคลองชักพระเชื่อมต่อกับคลองตลิ่งชันและอยู่ในวัดตลิ่งชัน โดยออกจากสำนักงานเขตตลิ่งชันหรือตลาดน้ำตลิ่งชันให้เลี้ยวขวา แล้วตรงไปเรื่อย ๆ ประมาณ 100 เมตร ก็จะเจอทางเข้าวัดตลิ่งชันอยู่ทางซ้ายมือ ที่นี่มีอาหารการกินก็มีให้เลือกหลายอย่าง เช่น ก๋วยเตี๋ยวหมูต้มยำสูตรโบราณ, ขายกาแฟโบราณ, ร้านขนมจีน-น้ำยาปักษ์ใต้, ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน และขนมไทย ๆ มากมาย

ช้อป ชิมทัวร์ 5ตลาดน้ำย่านตลิ่งชัน
ภาพจาก Lisa

          ตลาดน้ำวัดสะพาน ซึ่งวัดสะพานเป็นวัดเก่าแก่สมัยกรุงศรีอยุธยา จากการค้นพบพระพุทธรูปหินทรายและศาสนสถานสมัยนั้น เมื่อมาเที่ยวตลาดน้ำแห่งนี้จึงไม่ควรพลาดไปนมัสการพระพุทธรูปหินทรายและพระ พุทธรูปสามองค์ คือ หลวงพ่อโต หลวงพ่อกลาง และหลวงพ่อดำ ประดิษฐานอยู่ภายในวิหารโถง ไหว้พระเสร็จแวะไปให้อาหารปลาหน้าวัดแล้วค่อยเดินเล่นในตลาดน้ำเล็ก ๆ ของชุมชนชาววัดสะพานที่พายเรือมาขายของอร่อย ๆ กันแต่เช้าตรู่ มีไม้ดอกไม้ประดับและพืชผักผลไม้จากสวนให้ซื้อกลับบ้าน บรรยากาศใต้ต้นไม้ริมคลองเย็นสบาย นั่งกินก๋วยเตี๋ยว ผัดไทย หอยทอด หรือหมูสะเต๊ะร้อน ๆ

พาแม่เที่ยวกรุงเทพฯ ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ

กรุงเทพฯ

          อ๊ะ ๆ แต่สำหรับคนที่ไม่อยากพาคุณแม่ไปเดินเล่นตลาดน้ำ เพราะกลัวท่านจะอิ่มซะจนทานอาหารมื้อเย็นสุดพิเศษที่คุณเลือกสรรร้านอาหารดี ๆ ไว้ให้ท่านไม่ได้แล้วละก็ เรามีอีกหนึ่งโปรแกรมมาแนะนำ ก็คือ การไปเที่ยวชมพระราชวัง โบราณสถานต่าง ๆ หรือพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ เริ่มที่ นิทรรศน์รัตนโกสินทร์ ตั้งอยู่ในอาคารเก่าแก่บนถนนราชดำเนินกลาง ติดกับลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ เป็นศูนย์การเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรมของยุครัตนโกสินทร์ที่สมบูรณ์แบบและทันสมัย โดยแบ่งการจัดนิทรรศการเป็น 7 ห้อง มีชื่อคล้องจองกัน ได้แก่ รัตนโกสินทร์เรืองโรจน์, เกียรติยศแผ่นดินสยาม, เรืองนามมหรสพศิลป์, ลือระบิลพระราชพิธี, สง่าศรีสถาปัตยกรรม, ดื่มด่ำย่านชุมชน และเยี่ยมยลถิ่นกรุง ชั้นบนสุดสามารถชมทิวทัศน์ของเกาะรัตนโกสินทร์ได้สวยงามมาก โดยเปิดให้บริการทุกวัน (ยกเว้นวันจันทร์) วันอังคาร-ศุกร์ เวลา 11.00-20.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 10.00-20.00 น. เปิดให้เข้าชมเป็นรอบ ทุก ๆ 20 นาที ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 50 บาท สอบถามเพิ่มเติม โทรศัพท์ 0 2621 0044, 0 2226 5047-8

          บ้านศิลปิน คลองบางหลวง : คลองบางหลวง คือ ที่ตั้งเมืองบางกอกแห่งแรกนับตั้งแต่สมัยอยุธยา เมื่อราว 500 ปีมาแล้ว ซึ่งต่อมากลายเป็นถิ่นฐานบ้านขุนนางในสมัยกรุงธนบุรีและรัตนโกสินทร์ ปัจจุบันสถานที่แห่งนี้ได้ถูกปรับปรุงบ้านนี้ให้เป็นสถานที่สร้างสรรค์และแสดงงานศิลปะ ศิลปิน เป็นบ้านของคนรักศิลปะ ที่นี่ทุกคนสามารถสร้างสรรค์ผลงานของตัวเอง และยังอิ่มเอมกับงานศิลป์อีกหลายแขนง สำหรับหุ่นละครเล็กคลองบางหลวง คณะทำนาย เป็นหนึ่งกลุ่มศิลปินที่สร้างสีสันให้บ้านหลังนี้ ถือกำเนิดเกิดขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 9 เดือน 9 ปี 2010 ด้วยมีแนวคิดเดียวกันในการมุ่งหวังที่จะร่วมเผยแพร่ อนุรักษ์ศิลปะการแสดงหุ่นละครเล็ก ซึ่งปัจจุบันได้จัดทำการแสดง ณ บ้านศิลปิน คลองบางหลวง โดยได้รับความเมตตาจาก คุณชุมพล อักพันธานนท์ เจ้าของบ้านศิลปิน ปรับพื้นที่บางส่วนภายในบริเวณบ้านให้เป็นลานวัฒนธรรม เพื่อจัดการแสดงหุ่นละครเล็ก และเปิดให้ชมฟรีทุกวัน วันละ 1 รอบ เวลา 14.00 น. (การแสดงหยุดทุกวันพุธ) ส่วนการเดินทางถ้าเข้าทางซอยจรัลสนิทวงศ์ 3 สุดซอย (ไม่มีที่จอดรถ) เดินขึ้นสะพานข้ามคลอง ลงสะพานแล้วเลี้ยวซ้ายไปตามทางเดินเลียบคลองจนสุดทาง หรือเข้าทางซอยเพชรเกษม 28 มาที่วัดคูหาสวรรค์ (มีลานจอดรถ) แล้วเดินเลียบคลองมาทางขวาจนสุดทาง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทรศัพท์ 0 2868 5279

          พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร : เดิมสถานที่นี้เป็นวังหน้าของกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ที่โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นพร้อมกับวังหลวง มีพระที่นั่งที่สำคัญ ได้แก่ พระที่นั่งศิวโมกขพิมาน พระที่นั่งพุทไธศวรรย์ พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย ต่อมาในสมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติขึ้นที่ศาลาสหทัยสมาคม เรียกว่า "มิวเซียม" แล้วจึงย้ายมาไว้ที่วังหน้าของกรมพระราชวังบวรฯ ซึ่งบางส่วนกลายเป็นมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และบริเวณข้างเคียงมีโรงเรียนช่างศิลป์ วิทยาลัยนาฏศิลป์ และโรงละครแห่งชาติอยู่ในบริเวณเดียวกัน สิ่งที่น่าสนใจนอกจากพิพิธภัณฑ์แล้วยังมีวัดบวรสถานสุทธาวาส ตั้งอยู่ภายในบริเวณวังหน้าใกล้กับโรงเรียนช่างศิลป์ วัดนี้เรียกกันว่า "วัดพระแก้ววังหน้า" พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจัดแสดงศิลปโบราณวัตถุต่าง ๆ มากมาย อันเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของไทยและชาติเพื่อนบ้าน เปิดให้เข้าชมทุกวัน เว้นวันจันทร์ อังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 09.00-16.00 น. สอบถามรายละเอียด โทรศัพท์ 0 2224 1370, 0 2224 1333 หรือ

พิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
ภาพจาก ททท.

          พิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ : ตั้งอยู่ ณ หอรัษฎากรพิพัฒน์ ในพระบรมมหาราชวัง จัดตั้งขึ้นตามพระราชประสงค์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงมุ่งหวังให้เป็นแหล่งความรู้ที่ยั่งยืนเกี่ยวกับผ้าตลอดจนประวัติศาสตร์เครื่องแต่งกาย อันเป็นเอกลักษณ์ของชาติตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นจนถึงปัจจุบัน สะท้อนผ่านเครื่องแต่งกายในราชสำนักยุคต่าง ๆ รวมทั้งฉลองพระองค์ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ นอกจากจะเป็นแหล่งรวบรวมความรู้เกี่ยวกับผ้าไทยแล้ว พิพิธภัณฑ์ผ้าฯ ยังเป็นศูนย์กลางในการจัดเก็บรักษาผ้าไทย และเอกสารที่เกี่ยวข้อง รวมถึงจัดแสดงงานหัตถศิลป์อันทรงคุณค่าทั้งของราชสำนัก และผ้าพื้นเมืองจากท้องถิ่นต่าง ๆ เพื่อเป็นการสืบสานสมบัติทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าให้คงอยู่สืบไป โดยเปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 09.00-16.30 น. ปิดจำหน่ายบัตรเวลา 15.30 น. อัตราค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 150 บาท ผู้สูงอายุ (65 ปีขึ้นไป) 80 บาท นักเรียน/นักศึกษา 50 บาท เด็กอายุ 12-18 ปี 50 บาท เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปีเข้าชมฟรี (โปรดแสดงบัตรประจำตัว) สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 0 2225 9420, 0 2225 9430

          มิวเซียมสยาม พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ : ตั้งอยู่ถนนสนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง บริเวณอาคารกระทรวงพาณิชย์เดิม ตัวอาคารหลังนี้ได้รับรางวัลอนุรักษ์ศิลปะสถาปัตยกรรมดีเด่น ประจำปี พ.ศ. 2549 จากคณะกรรมาธิการอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรม สมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นแหล่งเรียนรู้ทางด้านชาติพันธุ์วิทยา มานุษยวิทยาและสาขาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสังคมไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อสร้างสำนึกรักและเข้าใจในประวัติความเป็นมาของผู้คน บ้านเมือง วัฒนธรรมและท้องถิ่นของตน ตลอดจนเชื่อมโยงความสัมพันธ์ในลักษณะเครือญาติกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยใช้วิธีการจัดแสดงแบบใหม่ ผ่านสื่อเครื่องมือต่าง ๆ ที่ทันสมัย ทำให้ผู้เข้าชมสามารถมีส่วนร่วม เรียนรู้และเข้าใจเรื่องราวประวัติศาสตร์ของชาติไทยได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ยังมีการจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อการเรียนรู้สำหรับเยาวชนและผู้สนใจรักด้านพิพิธภัณฑ์ โดยเปิดทุกวันอังคาร-วันอาทิตย์ เวลา 10.00-18.00 น. (ไม่เว้นวันหยุดราชการ) ปิดวันจันทร์ นักเรียน นักศึกษา อายุ 15 ปีขึ้นไป 50 บาท ผู้ใหญ่คนไทย 100 บาท ผู้ใหญ่ชาวต่างชาติ 300 บาท สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทรศัพท์ 0 2225 2777 ต่อ 123

พระบรมมหาราชวัง

          พระบรมมหาราชวัง : พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงสร้างขึ้นพร้อมสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อแรกสร้างประกอบด้วย 3 ส่วน คือ พระมหาปราสาท พระราชมณเฑียรสถาน และวัดพระศรีรัตนศาสดาราม มีเนื้อที่ 132 ไร่  ในอดีตพระบรมมหาราชวังเป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์ ลักษณะแบบแผนการก่อสร้างคล้ายคลึงกับพระบรมมหาราชวังเก่าในสมัยกรุงศรีอยุธยา คือ มีวัดพระศรีรัตนศาสดารามอยู่ในบริเวณวังเหมือนกับวัดพระศรีสรรเพชญ์ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 4 และรัชกาลที่ 5 เริ่มรับอิทธิพลจากตะวันตกทำให้สถาปัตยกรรมมีลักษณะผสมผสานกับทางตะวันตกมากขึ้น หมู่พระที่นั่งที่สำคัญ ได้แก่ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท, พระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท, พระที่นั่งพิมานรัตยา และพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท

          นอกจากนี้ยังมี วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้ว เป็นพระอารามหลวง ตั้งอยู่ตรงมุมด้านตะวันออกเฉียงเหนือของพระบรมมหาราชวัง เป็นที่ประดิษฐานพระมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) และใช้เป็นที่ประกอบพระราชพิธีทางศาสนาที่สำคัญ และศาลาเครื่องราชอิสริยยศและเหรียญกษาปณ์ จัดแสดงเหรียญกษาปณ์และเงินตราที่ใช้ในประเทศไทยรวมทั้งเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของสำนักฝ่ายใน เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30-16.00 น. ค่าเข้าชม 10 บาท สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ส่วนจัดแสดง โทรศัพท์ 0 2222 5864 ต่อ 18

          ทั้งนี้ พระบรมมหาราชวังเปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30-16.00 น. (ห้องจำหน่ายบัตรเข้าชมปิดเวลา 15.30 น.) ค่าเข้าชม ชาวไทยไม่เสียค่าเข้าชม, ชาวต่างชาติท่านละ 500 บาท  ซึ่งรวมบัตรเข้าชมศาลาเครื่องราชอิสริยยศและเหรียญกษาปณ์ และพระที่นั่งวิมานเมฆ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 0 2623 5500 ต่อ 3100, 0 2224 3273 (โปรดแต่งกายสุภาพ)

          ถือเป็นกิจกรรมดี ๆ ที่คุณลูกสามารถพาคุณแม่ไปเที่ยวพักผ่อนในกรุงเทพฯ ได้อย่างสบาย ๆ เอาเป็นว่าใครยังไม่มีโปรแกรมก็ลองเลือกดูเผื่อเป็นไอเดียดี ๆ ค่ะ แล้วอย่าลืมพาแม่ไปเที่ยวกันนะคะ




ขอขอบคุณข้อมูลจาก
  และ   



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
พาแม่เที่ยวกรุงเทพฯ ตะเวนไหว้พระ พร้อมทัวร์สถานที่ต่าง ๆ อัปเดตล่าสุด 18 กรกฎาคม 2557 เวลา 15:52:12 8,364 อ่าน
TOP