x close

เที่ยวมัลดีฟส์แบบประหยัด 3 วัน 2 คืน ราคา 16,XXX บาท


Maldives


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ Deckpack สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

          ถึงจะเป็นประเทศที่มีขนาดเล็ก แต่ความงดงามของท้องทะเลรวมถึงธรรมชาติต่าง ๆ ทำให้เกาะเล็ก ๆ อย่าง "มัลดีฟส์" (Maldives) มีชื่อเสียงไกลไปทั่วโลก อาจเพราะล้อมรอบด้วยท้องทะเลและท้องฟ้าสีคราม เหมือนดั่งสรวงสรรค์บนมหาสมุทร จนได้รับฉายาว่า...ไข่มุกแห่งมหาสมุทรอินเดีย วันนี้เราเลยจะพาเพื่อน ๆ ไปเที่ยวมัลดีฟส์ผ่านบันทึกการเดินทางของ คุณ Deckpack สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่ได้ไปเยือนมัลดีฟส์และแชร์ประสบการณ์ต่าง ๆ ให้ทราบกัน กับมินิรีวิว แบกเป้เที่ยวมัลดีฟส์แบบประหยัด 3 วัน 2 คืน รวมค่าตั๋วเครื่องบิน ราคา 16,XXX บาท อ๊ะ ๆ ถ้าอยากรู้ว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไร ก็ตามเรามาเที่ยวกันเลยจ้า

+++++++++++++++++++++++

          สวัสดีครับ เมื่อช่วงสงกรานต์ผมได้มีได้ไปเที่ยว Gili Islands, Lombok, Indonesia มา [CR]Gili Island, ลอมบอก/อินโดนีเซีย-เกาะสวรรค์ธรรมชาติที่ใกล้ ๆ แต่ไม่ไกลเกินเอื้อม ถ้าสนใจลองอ่านดูได้ครับ และเมื่อหยุดยาวเข้าพรรษาที่ผ่านมาก็ได้ก็ได้แบกเป้ตะลุยมัลดีฟส์ต่อ ซึ่งพอกลับมาก็ไม่ได้อยากจะมารีวิวเท่าไหร่ เนื่องจากไม่ค่อยได้ถ่ายรูปมาเยอะ พอไปถึงที่นั่นก็ลืมการได้รูปไปเลย มัวแต่ตื่นเต้นกับทะเล กระทู้นี้จะรีวิวแบบคร่าว ๆ ละกันนะครับ เผื่อจะเป็นข้อมูลกับคนที่อยากแบ็คแพ็กไปมัลดีฟส์ดูบ้าง

          ทำความเข้าใจกับประเทศมัลดีฟส์กันก่อน (ถ้าผิดพลาดตรงไหนแย้งได้นะครับ ^^)

          ประเทศมัลดีฟส์ เป็นที่ในฝันของคนหลาย ๆ คน ซึ่งประกอบไปด้วยนับพันเกาะ ซึ่งเกาะแต่ละเกาะก็มีความแตกต่างกันไป เช่น กลุ่มเกาะที่มีชาวบ้านอาศัยอยู่, กลุ่มเกาะที่มีแต่รีสอร์ท (ส่วนใหญ่จะ 1 เกาะ 1 รีสอร์ท) และกลุ่มเกาะที่ไม่มีใครอาศัยอยู่ ซึ่งจะเล็กมาก โดยการจะมามัลดีฟส์เราต้องศึกษาเกาะที่เราอยู่ว่ามีปะการังหรือสภาวะแวดล้อมเป็นอย่างไร ไม่แน่คุณอาจจะเสียเงินคืนละ 1X,XXX+ เพื่อนอนบังกะโลน้ำ แต่เมื่อลงดำใต้น้ำแล้วกลับไม่เจอปะการังเลย หรือแค่เห็นแค่เป็นหย่อม ๆ แล้วจะมาพูดว่า...มันก็เท่านั้นมัลดีฟส์ ซึ่งมันไม่ใช่ เพราะมีหลาย ๆ เกาะที่มีแนวปะการังแต่ไม่ได้ติดกับที่พักเลย ต้องออกไปไกล (คนส่วนใหญ่ไปมาแล้วไม่ประทับใจกับเรื่องปะการัง) ซึ่งในเมื่อคุณพักที่นั่นแล้วคุณอยากเห็นปะการังสวย ๆ บางทีคุณก็ต้องซื้อทัวร์ไปสน็อกเกิลที่แนวปะการังอื่น หรือต้องว่าย/พายคายักไปไกล ๆ ถึงจะเห็น

          สำหรับการเช็กปะการังที่รีสอร์ทที่มัลดีฟส์ สามารถเช็กได้ที่เว็บ www.mondomaldive.com (แต่ตอนนี้เข้าไม่ได้ ไม่รู้ว่าเป็นอะไรเหมือนกันแฮะ)

          ทุกอย่างที่มัลดีฟส์ค่าใช้จ่ายค่อนข้างแพง ในเมื่อมาก็ต้องศึกษาข้อมูลให้เยอะ ๆ ในเรื่องค่าใช้จ่ายในการไปรีสอร์ท เช่น ถ้าพักกับบางรีสอร์ทห่างกับตัวเมืองมาเลแค่ 11 กิโลเมตร เราต้องเสียค่าสปีดโบ๊ทไป-กลับ 3,700 บาท แต่ถ้าไกลกว่านี้อีกก็เสียขึ้นไปเรื่อย ๆ อีกทางเลือกหนึ่ง คือ Seaplane หรือเครื่องบินน้ำ แต่ราคาก็จะแพงกว่าสปีดโบ๊ทมากกว่าหลายเท่าตัว เช่น รีสอร์ทหนึ่งอยู่ห่างจากมาเล 70 กิโลเมตร เราต้องจ่ายค่าซีแพลนไปกลับ 16,000 บาท  (แพงกว่าค่าตั๋วไป-กลับกรุงเทพฯ อีก ถ้าเป็นช่วงไฮซีซั่นก็จะเพิ่มอีก 3-600 บาท) ฉะนั้น การแบกเป้เที่ยวมัลดีฟส์ให้ประหยัดที่สุดไม่ใช่เรื่องยาก ถ้ามีการเตรียมหาข้อมูลให้ดีและแน่น แค่นี้ก็อาจจะทำให้คุณฟินกว่าการไปจ่ายแพง ๆ ให้กับรีสอร์ทต่าง ๆ ก็ได้

Maldives

          แน่นอนครับกับค่าใช้จ่ายทั้งหมด 16,xxx กว่า ๆ บาท เป็นไปได้เพราะตั๋วเครื่องบินได้มาถูกครับ จากโปรโมชั่นแลกแต้ม Flyerbonus กับ Bangkok Airways ที่ทำให้ผมจ่ายแค่ภาษีต่าง ๆ ในราคา 5,330 บาทต่อคน ซึ่งทำให้ทริปนี้ประหยัดลงไปเยอะมาก

          เงินท้องถิ่นมัลดีฟส์หรือที่เรียกว่าสกุล รูฟียา - Maldives Rufiyaa (MVR)

          1 MVR = 2 บาท (ประมาณ)
          15 MVR = 1 ดอลลาร์

          ที่นู่นเราสามารถใช้เงินดอลลาร์แทนเงินท้องถิ่นได้ทั้งหมด แนะนำอย่าไปแลกเงิน MVR เนื่องจากมีจุดแลกเงินเพียงจุดเดียว คือ ขาเข้าสนามบิน และขาออกไม่สามารถแลกคืนได้ ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน ตอนผมแลกคืนเจ้าหน้าที่ส่ายหัวบอกไม่รับแลกลูกเดียว มีป้ายบอกว่าถ้าจะแลกคืนต้องไปแลกที่จุดขาเข้าสนามบิน ซึ่งผมผ่าน ตม. มาเรียบร้อยเตรียมเข้าเกทบินกลับกรุงเทพฯ อยู่แล้ว จะออกไปยังไงได้ เลยจำใจต้องใช้ซื้อข้าวกับของที่ระลึกในสนามบินเอา

          สนามบินมัลดีฟส์ หรือ Ibrahim Nasir International Airport จะเป็นเกาะ ๆ หนึ่งซึ่งไม่ได้อยู่บนเกาะเมืองหลวง เราสามารถนั่งเรือจากสนามบินไปยังมาเล (Male = เมืองหลวงของมัลดีฟส์) ได้ในราคา $1 สำหรับเรือธรรมดา 10-15 นาทีถึง และถ้าต้องการไวหน่อย $2 สำหรับเรือสปีดโบ๊ท 5 นาทีถึง การขึ้นเรือเราสามารถเดินออกจากสนามบินแล้วมองหาจุดจำหน่ายตั๋วหน้าสนามบินได้เลย แต่ถ้าคุณไปพักกับรีสอร์ทต่าง ๆ จะมีเจ้าหน้าที่ของรีสอร์ทมารับที่หน้าทางออกสนามบินอยู่แล้ว แค่มองหาชื่อรีสอร์ทที่เราพัก แล้วก็เดินเข้าไปติดต่อได้เลย แต่ถ้าคุณยังไม่มีที่พักข้างหน้าก็จะมีเจ้าหน้าที่ของรีสอร์ทต่าง ๆ นั่งเรียงรายให้คุณเลือกสรร

          ตอนแรกที่ผมเห็นท่าเรือสนามบินก็แทบฟินแล้ว อารมณ์นั้นแทบอยากจะกระโดดลงไปว่ายน้ำ แค่ท่าเรือสนามบินยังใสขนาดนี้ ถึงที่หมายจริง ๆ จะเป็นไงบ้าง รูปตอนนั้นแทบไม่ได้ถ่าย แชะมาแค่รูปเดียวแล้วก็ออกเดินทางต่อแล้วครับ

Maldives

          ที่มัลดีฟส์เราสามารถเลือกพักได้หลายแบบ ตั้งแต่เกสต์เฮ้าส์ราคาถูก-บังกะโล-โรงแรม-รีสอร์ทราคาแพง ที่ผมเลือกพัก คือ เกสต์เฮ้าส์แห่งหนึ่งซึ่งอยู่บนเกาะไปทางตอนตะวันตกเฉียงใต้ของมาเล ชื่อเกาะว่า "Mahibadhoo"

          Mahibadhoo อยู่ห่างจากมาเล 77 กิโลเมตร ค่าสปีดโบ๊ทมาเกาะใช้เวลา 2 ชั่วโมง ค่าเดินทางเที่ยวละ $20 (660 บาท) ซึ่งจะเห็นว่าถูกกว่าเรือขึ้นเรือของรีสอร์ทมาก เพราะเป็นเรือรับส่งชาวบ้าน (รีสอร์ทผูกขาดการเข้าเกาะ จึงสามารถกำหนดราคาเองได้ ซึ่งเรืออื่นไม่สามารถเข้าไปได้ ถ้าไม่มีการขออนุญาต) และที่นี่ก็เป็นเกาะที่มีชาวบ้านอาศัยอยู่ สภาพแวดล้อมรอบเกาะแถวนี้มีฉลามวาฬ Manta แนวปะการังที่สมบูรณ์เยอะ ให้ดู และมีเกาะเล็กเกาะน้อยที่ไม่มีคนอยู่อีกมากมาย จึงทำให้หมู่เกาะแถวนี้เป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ในใจผม

          การมา Mahibadhoo ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ นึกจะมาวันไหนก็มาได้ เนื่องจากเรือมีวิ่งเป็นเวลาของมัน เรือวิ่งจากมาเล จอด 3 ป้าย คือ เกาะ Hangnaameedhoo, Omadhoo และ Mahibadhoo ตามลำดับ การเดินทางมีเรือทั้ง 3 แบบ คือ เรือเฟอร์รี่ที่ขึ้นที่ท่า Mtcc (Mtcc Dhoni) ราคา $4 (132 บาท), เรือเฟอร์รี่แบบขึ้นที่ท่าส่วนตัว (Private Dhoni) ราคา $7 (231 บาท) และสปีดโบ๊ทราคา $20 (660 บาท) โดยที่เฟอร์รี่ใช้เวลาเดินทาง 4.30-5 ชั่วโมง ส่วนสปีดโบ๊ทใช้เวลาเดินทาง 1.30-2 ชั่วโมง

          ตารางการเดินทางตามนี้ครับ ซึ่งจะแบ่งเป็นวัน ๆ แต่ละวันก็จะมีเรือและเวลาแตกต่างกันไป

          Male -> Mahibadhoo

          Saturday 09.00 am Mtcc dhoni
          Saturday 04.00 pm Speedboat
          Saturday 11.30 pm private dhoni
          Monday 09.00 am Mtcc dhoni
          Monday 04.00 pm speedboat
          Tuesday 04.00 pm speedboat
          Wednesday 09.00 am Mtcc dhoni
          Wednesday 11.30 pm private dhoni
          Thursday 04.00 pm speedboat

          Mahibadhoo -> Male

          Saturday 02.30 am private dhoni
          Saturday 07.00 am speedboat
          Sunday 10.30 am Mtcc dhoni
          Monday 07.00 am speedboat
          Tuesday 07.00 am speedboat
          Tuesday 10.30 am Mtcc dhoni
          Wednesday 02.30 am private dhoni
          Thursday 07.00 am speedboat

          สปีดโบ๊ทนั่งได้ 30 คน ไม่มียืนครับต้องบุ๊กที่นั่งก่อนจ่ายเงินบนเรือ หรือไม่ก็จ่ายเงินกับคนบุ๊กก็ได้ครับแล้วแต่ตกลง การมาเรือสปีดโบ๊ท 2 ชั่วโมง นั้นสิ่งที่ทรมานมาก เพราะในวันที่ผมเดินทาง (โลว์ซีซั่น) คลื่นค่อนข้างสูง เรือก็แล่นด้วยความเร็ว (มากกกกกกกกกก) ไม่ชะลออะไรเลย ฝ่าคลื่นลูกเดียว เรือขึ้นและตกจากคลื่นสูงบ่อยมาก อารมณ์เหมือนเล่นรถไฟเหาะระยะเวลา 2 ชั่วโมง ต่างตรงที่มันไม่ได้ตีลังกาก็แค่นั้น ผมและเพื่อนแทบจะพุ่งกันหลายที เข็ดการนั่งเรือไปอีกนานเลยครับ

          รูปเรือสปีดโบ๊ทที่ผมเดินทางมาครับ

Maldives

          บนเกาะ Mahibadhoo เป็นเกาะที่มีชาวบ้านอาศัยอยู่ไม่ได้ใหญ่มาก บนเกาะค่อนข้างเงียบสงบ มีเกสต์เฮ้าท์ไม่กี่ที่ ผมพักเกสต์เฮ้าส์หนึ่งในราคาคืนละ $125 (4,125 บาท) ซึ่งรวมอาหาร 3 มื้อ+น้ำ แต่ผมไปกัน 3 คน ทางเกสต์เฮ้าส์จึงคิด Extra Bed เพิ่มคืนละ $30 (990 บาท) ผมพักไป 2 คืน 3 คน เสียไป $310 (10,230 บาท ตกคนละ 3,410 บาท) (ซึ่งยังถือว่าแพงสำหรับผมนะ)

          ที่มัลดีฟส์ทางรัฐบาลจะเก็บโรงแรมและรีสอร์ทค่าภาษีเตียงนอน หรือที่เรียกว่า Bed Tax ออกจากราคาห้อง คนละ $8 ต่อคน/ต่อคืน

          Wi-Fi ที่นี่ไม่มีนะครับ ถ้าเราจะใช้งานต้องบอกเจ้าของที่พัก เขาจะเปิดแชร์จากอินเทอร์เน็ตโทรศัพท์มาให้เล่น (ซึ่งจะช้ามากกกกกกก) แนะนำให้ซื้อซิมเล่นเน็ตจากสนามบินครับ ออกจากสนามบินแล้วเดินไปทางขวามือจะมีร้าน Dhiraagu สีแดง ๆ ราคาซิม คือ $3 และ $21 สำหรับแพ็กเกจเน็ตแบบอัลลิมิต รวมเป็น $24 (792 บาท) ผมซื้อมาแล้วเปิดแชร์ฮอตสปอทให้กับเพื่อนอีก 2 คน ซึ่งก็ถือว่าช้าพอสมควร แต่สัญญาณค่อนข้างโอเค เช็กอินจากกลางทะเลก็สามารถทำได้ เท่าที่ดูก็มีสัญญาณตลอด

          รูปที่พักครับ ห้องธรรมดามาก ๆ ถ้าเทียบกับประเทศไทย ถือว่าสะอาด น้ำที่ใช้อาบหรือล้างหน้าเป็นน้ำที่ผันมาจากทะเล (เค็ม)

Maldives


          มาถึงที่นี่ก็เย็นแล้ว (เวลาที่มัลดีฟส์ช้ากว่าที่ไทย 2 ชั่วโมง) พวกเราจึงไม่ได้ทำอะไรต่อในวันนั้นนอกจากเดินเล่นชายหาด ปูทะเลตัวใหญ่เยอะมาก ๆ ครับ แถวหน้าหาด เดินดูได้ไม่ถึง 5 นาทีก็ไปเจอะกับงูทะเลลายดำขาว ที่เลื้อยอยู่บนหาดทราย พวกผมก็ตะโกนและหนีกันจ้าละหวั่น ไม่รู้ว่ามันอุดมสมบูรณ์ไปหรือว่ายังไง เจองูทะเลบนหาดเนี่ย (พอได้ถามเจ้าของที่พักก็ได้แต่บอกว่า ยูลัคกี้นะ งูเนี่ยเขาเจอเฉพาะตอนดำน้ำกลางคืน ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยเจอเท่าไหร่ ยูลัคกี้สุด ๆ ถามเขาต่อว่ามันอันตรายไหมก็บอกว่าไม่ (เชื่อได้รึ?))

          แล้วก็เดินไปรับประทานอาหารที่แม่เจ้าของที่พักทำให้ที่บ้านของเขา (ซึ่งเกสต์เฮ้าส์กับบ้านเขาจะอยู่ใกล้ ๆ กัน แต่ไม่ได้อยู่ติดกัน ต้องเดินไปหน่อย) ซึ่งเมนูจะเป็นข้าวกับปลายิ้มหรือมัสมั่นปลา (อารมณ์นั้น) ซึ่งเพื่อน 2 คน ของผมทานไม่ได้กัน (ไม่ชอบกินปลาทั้งคู่) เลยกินได้นิดหน่อย แล้วก็กลับไปกินมาม่ากันต่อที่ห้อง (ผมขนของกินมาจากไทยค่อนข้างเยอะ เลยหมดห่วงเรื่องอาหารการกินไปได้พอสมควร) ซึ่งตอนหลัง ๆ เราหลบการกินอาหารเขากันบ่อย จนได้พูดออกไปตามความจริงว่าไม่กินปลา เขาก็เสียเซลฟ์หน่อยว่าทำไมไม่บอก มีอะไรบอกได้ พรุ่งนี้จะทำไก่ให้ทาน (พวกเราก็รู้สึกผิดไปเหมือนกัน) (ที่มัลดีฟส์นำเข้าแทบจะทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นน้ำ ข้าว ไก่ หรือผลไม้ มาจากศรีลังกาไม่ก็อินเดีย รัฐจึงได้รายได้ส่วนใหญ่มาจากการท่องเที่ยว)

          ก่อนนอนเราก็คุยกันว่าพรุ่งนี้เราจะไปไหนบ้าง ซึ่งการออก Activity แต่ละทริปก็จะมีราคาต่อหัวต่อทริปค่อนข้างเอาเรื่องอยู่ เราเลยเลือกสน็อกเกิล 3 จุด รวมดูกระเบน Manta และไป Picnic Island (เป็นเกาะเล็ก ๆ ที่ไม่มีใครอยู่ แต่มีเจ้าของเกาะที่ต้องเสียเงินให้ทางนั้น อันนี้ไม่แน่ใจว่าจริงไหม) โดยค่าใช้จ่ายต่อคน คือ สน็อกเกิล คนละ $50 (1,650 บาท) Picnic Island คนละ $55 (1,815 บาท) เราเช่ากล้องเพิ่มด้วย 2 ตัว สำหรับถ่ายใต้น้ำ คือ GoPro Hero3+ และ Nikon AW110 ในราคา $35 และ $25 = $60 (1,920 บาท) ซึ่งทุกอย่างจะมี vat เพิ่มอีก 8% (จุด ๆ นี้เป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายมากของผม)

          ในเดือนที่เราไป คือ เดือนรอมฎอน ที่มัลดีฟส์ประชาชนนับถือศาสนาอิสลามแทบจะทั้งหมด ร้านอาหารหรือการกินอะไรก็ตามแต่จะเปิดให้บริการหลังพระอาทิตย์ตกเป็นต้นไป รวมถึงในตัวเมืองมาเลด้วย ในตอนเช้าเราตื่นมากินข้าวและออกเดินทางดำน้ำ โดยเจ้าของที่พักเป็นไกด์และพาน้องชายซึ่งเป็นคนขับเรือไปด้วย เรือที่พาไปอารมณ์เป็นเรือเจ็ท (ไม่รู้ว่าเรียกถูกไหม) มีพวกเรา 3 คน และฝั่งเจ้าของที่พัก 2 คน เป็น 5 คน ซึ่งเพื่อน 2 คน ของผมว่ายน้ำไม่เป็น เขาก็พาไปเทสต์ก่อนว่ายังไง เราสามารถเกาะแขนเขาไปได้ ซึ่งจุดนี้ค่อนข้างเทคแคร์ให้ดีทีเดียว

          รูปเจ้าของที่พักบนเรือของเขาที่จุดดำน้ำจุดแรก

Maldives

          เพื่อนของผมสน็อกเกิลกันเป็นทริปแรก เขาจึงเข้ามาเทคแคร์และสอนตลอด อีกทั้งยังเกาะติดตลอด ถ้าไม่ไหวก็จับมือเขาและก็ลากไปเรื่อยดำดูปะการังไปเรื่อย ๆ อีกมือของเขาถือกล้อง GoPro คอยถ่ายรูป+วิดีโอคนในทริปและปะการังให้ สำหรับผมเท่าที่เคยสน็อกเกิลมาจาก Gili ว่าที่นั่นก็ประทับใจแล้ว เจอที่นี่ไปประทับใจหนักกว่าอีก ยอมรับเลยว่าสวยมาก ๆ ครับ ผมถ่ายรูปยาวเลย

Maldives

          ปะการังที่จุดแรกนี้ไม่ลึกครับ ถ้าลุกยืนก็เหยียบได้เลย ยิ่งว่ายไปยิ่งตื้นขึ้นเรื่อย ๆ เป็นแนวยาวและกว้างสุดตา

Maldives

          เมื่อเต็มอิ่มกับดำน้ำจุดแรกแล้วเขาก็พาไปจุดที่ 2 คือ ตามล่าหา Manta Ray ครับ เขาขับเรือออกจากจุดแรกไปพอสมควร ไปถึงจุด ๆ หนึ่งที่เรียกว่า Manta Point แล้วขับเรือช้า ๆ เพื่อหา Manta Ray เมื่อเจอก็รีบกระโดดลงว่ายไปหาเจ้าพวกนั้นเลยครับ สามารถเห็นจัง ๆ แบบ ห่างกันแค่ 2 เมตรเองครับ เป็นการดูฝูงปลากระเบน Manta ที่ประทับใจมาก

Maldives

          เมื่อดู Manta เสร็จเขาก็พาไปสน็อกเกิลอีกที่ครับ และแถมต่ออีก 1 ที่ แต่พวกผมไม่ไหวกันแล้ว เลยขอกลับห้องพักก่อน เมื่อถึงห้องพักก็ทานอาหารกลางวันกัน เมื่อเสร็จก็นั่งเรือออกไปสู่ Picnic Island ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20-30 นาที

          Picnic Island เป็นเกาะที่ไม่มีคนอาศัยอยู่ ซึ่งเป็นเกาะเล็ก ๆ จึงไม่เหมาะในการทำรีสอร์ท เดินไม่ถึง 5 นาทีก็ทั่วเกาะแล้ว บรรยากาศรอบ ๆ เกาะสวยมาก ๆ

Maldives

          รอบ ๆ เกาะมีปะการังน้ำตื้น ซึ่งจุดนี้ฟินมาก เดินจากหาดลงไปไม่ถึง 5 ก้าว น้ำแค่เข่าก็เห็นแนวปะการังและฝูงปลาแล้ว

Maldives

          น้ำแค่เข่าจริง ๆ นะ

Maldives

          เราใช้เวลาที่ Picnic Island จนถึง 5 โมงเย็น และก็กลับสู่ที่พัก เคลียร์เรื่องเงินกับทางเจ้าของที่พักรวมเรือขากลับไปมาเลให้ด้วย รวม ๆ แล้วทั้งหมดที่ต้องจ่ายเพิ่มเติม คือ $570 (18,810 บาท)

          สรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมด

          - ค่าโรงแรม $310
          - ค่าซิม $24
          - ค่าเรือไปกลับสนามบินมาเล $9
          - ค่าเรือขาไป $60
          - ค่าแท็กซี่ $4
          - ค่าข้าว $25
          - ค่าทริป+เรือขากลับ $570

          เท่ากับ $1,002 (33,066 บาท) (เรท $1 = 33 บาท)+ค่าตั๋วเครื่องบิน 5,330*3 = 15,990 บาท

          เป็น 49,056 บาท หาร 3 เฉลี่ยทริปนี้ต่อคนเท่ากับ 16,352 บาท

Maldives

          ภาพปะการังเพิ่มเติม ผมถ่ายมาน้อยเหมือนกัน อัดวีดีโอไว้บ้าง ลองดูคร่าว ๆ นะครับ อันนี้เองใต้น้ำจากกล้อง Nikon aw110


 
คลิป GOPR4998 โพสต์โดยคุณ Nightbaron Light

          จริง ๆ แล้วการเที่ยวมัลดีฟส์แบบประหยัดได้ไม่ใช่เรื่องยากเลยครับ จะมากจะแพงขึ้นอยู่กับตั๋วเครื่องบิน ซึ่งตอนนี้มีบินตรงอยู่แค่เจ้าเดียว คือ Bangkok Airway ทริปมัลดีฟส์นี้ผมวางไว้ตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว เพื่อเอาคะแนนบัตรเครดิตแลก Flyer Bonus (ปกติผมบินแต่โปรฯ หางแดงตลอด เลยต้องใช้แลกคะแนนบัตรเครดิตเอา) เมื่อได้คะแนนครบกำหนดที่เหลือก็แค่รอโปรฯ ลด 50% แลกคะแนนจากบางกอกเอา ซึ่งปีที่แล้วและปีนี้มีให้แลกปีละ 1 ครั้ง เริ่มให้แลกช่วงเดือนพฤษภาคมและบินเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม แต่ถ้าใครไม่อยากรอเก็บคะแนน แลกคะแนนให้ยุ่งยากแบบผม ก็ลองรอดูโปรฯ ดูสายการบินอื่นที่ต่อเครื่อง เช่น Tiger Airways/ศรีลังกาแอร์ ดูก็ได้ ซึ่งผมเห็นต่ำ ๆ แล้ว รวม ๆ ไป-กลับมัลดีฟส์อยู่ที่ 8,xxx บาท อาจจะสูงกว่าผมนิดหน่อย แต่รับรองหมดทริปแล้วก็ไม่เกิน 20,000 บาท แน่นอน

มัลดีฟส์

          ข้อมูลเพิ่มเติมนะครับ

          สนามบินมาเล หรือ Ibrahim Nasir International Airport เป็นสนามบินเล็ก ๆ ซึ่งไม่มีงวงช้างเวลา เวลาถึงที่หมายเครื่องบินจะจอดหน้าอาคารผู้โดยสารเลย ซึ่งจะอยู่ใกล้มาก ๆ แล้วเราก็เดินเข้าสู่อาคารผู้โดยสารกันเอง (ไม่มีรถบัสรับ-ส่งระหว่างเครื่องบินกับอาคาร) ตม. สนามบิน จะถามคุณในเมื่อถ้าเขาไม่รู้จักชื่อโรงแรม/รีสอร์ทที่คุณเขียน ซึ่งแทบจะทั้งหมดจะรู้แต่ชื่อรีสอร์ทหรู ๆ ตอนผมไปผมเขียนแค่ชื่อของเกสต์เฮ้าส์เฉย ๆ ไม่ได้เขียนเกสต์เฮ้าส์ต่อท้าย เขาจึงถามต่อว่าที่ไหน ถ้าคุณต้องการหลีกเลี่ยงการเจอคำถามให้เขียนบอกสถานะของที่พักในช่องที่อยู่มัลดีฟส์ในใบเข้าเมืองด้วย เนื่องจากหลัง ๆ มา ประเทศมัลดีฟส์เริ่มเปิดให้นักท่องเที่ยวแบบแบ็คแพ็กเข้ามามากขึ้น ที่พักแบบชาวบ้านก็ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ฉะนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ ตม. จะไม่รู้จักที่พักของคุณ แค่พริ้นท์เอกสารการจองที่พักให้เรียบร้อยเผื่อโดนเรียกถาม

มัลดีฟส์

          ตอนเดินอยู่ในเมืองมาเล แถว ๆ ท่าเรือซึ่งอยู่ในช่วงเดือนรอมฎอน ร้านค้าแทบจะทุกร้านจะเปิดหลังเวลา 17.00 น. แม้แต่ร้านขายของชำที่ขายน้ำขนมตามทางก็ยังปิด ซึ่งเห็นร้าน 2 ร้าน ที่ปิดเหมือนกัน แต่เอามะพร้าวมาขาย (เห็นนักท่องเที่ยวนั่งกินอยู่เหมือนกัน) นับเป็นสิ่งที่แปลกอันหนึ่งที่ผมยังไม่เคยเจอ คือ มะพร้าวสีทอง ซึ่งสีมันทองจริง ๆ ไม่ได้เหลืองแบบทั่วไป ไม่แน่ใจว่าในไทยมีไหม ซึ่งผมยังไม่เคยเห็นและเคยเห็นที่มัลดีฟส์ครั้งแรก เลยลองเอามาให้ดูกัน

มัลดีฟส์

          เมืองมาเลส่วนใหญ่จะเป็นตึกแถว มีถนนค่อนข้างเล็ก แคบ และรถเยอะครับ และไม่ค่อยมีอะไรให้ทำครับ ยิ่งช่วงที่ผมไปร้านค้าปิดหมด เมืองค่อนข้างเงียบเลยล่ะ

มัลดีฟส์

          ภาพระเบียงจากเกสต์เฮ้าส์ที่ผมพัก ทำไว้ค่อนข้างโอเคครับ สำหรับนั่งพูดคุยกันหน้าห้อง ซึ่งพักได้จำนวน 2 ห้อง เห็นว่ากำลังทำเพิ่มขึ้นอีก มีปลั๊กแปลงให้ 1 อัน ถ้าไม่พอก็ให้เตรียมเอาไปเพิ่มได้ครับ ตอนผมเอาไปเอาปลั๊ก 3 ตา ไปด้วย ซึ่งปลั๊กที่มัลดีฟส์เป็นแบบ 3 ขา หาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากในเน็ตได้เลย

มัลดีฟส์

          สิ่งที่ผมชอบการออก Activity ของที่นี่ คือ ทุกอย่างเป็นไพรเวทหมด คุณจะมา 2 คน หรือ 3 คน ขึ้นไป (1 คนผมไม่แน่ใจนะต้องสอบถามทางเกสต์เฮ้าส์ดู) คุณก็จะได้ไปตามนั้น ซึ่งต่างจากรีสอร์ทที่จะพาไปหลาย ๆคน รูปเรือที่พาออกดำน้ำครับ ซึ่งทางนั้นเตรียมอุปกรณ์ให้ครบ พวกผ้าขนหนู หน้ากากดำน้ำ ตีนกบ หรือโฟมช่วยลอยตัว ทุกอย่างเขาจะวัดไซส์เราก่อนออกทริปเพื่อให้ชัวร์ว่าไม่มีอะไรติดขัด ซึ่งถ้าใครว่ายไม่แข็งหรือไม่เคยดำบอกเขาก่อนได้เลยเขาจะเทคแคร์เป็นพิเศษ ทริปที่ผมออกมาช่วยกัน 2 คน ส่วนเรื่องน้ำเปล่า สามารถขอเขาได้เลยครับ กี่ขวดก็ว่าไป ทุกอย่างรวมอยู่ในราคาห้องพักไปแล้ว

มัลดีฟส์

          เนื่องจากเพื่อนของผมไม่เคยดำน้ำกันมาก่อน และว่ายน้ำกันไม่ค่อยได้ เขาจะพาเราไปทดสอบ สอนการหายใจ การใช้อุปกรณ์ ที่นี่ไม่ได้ให้ชูชีพนะครับ ให้เป็นโฟมแท่งสำหรับช่วยลอยตัวเอา ถามเพื่อนเพื่อนก็บอกโอเคนะ ไม่ได้อันตรายอย่างที่คิด ส่วนผมผมบอกเขาว่าว่ายน้ำเป็นเขาเลยไม่ได้เอามาเผื่อผม T^T (ปกติสน็อคเกิลที่ไทยผมก็ต้องใส่ตลอดนะ ทริปนี้เป็นทริปแรกที่ไม่ได้ใส่ชูชีพช่วยลอย)

          เขาจะสอนจนกว่าเราเริ่มโอเค และพาเราไปตรงปะการังน้ำตื้นเรื่อย ๆ ถ้าไม่ไหวหรือหยุดเขาจะว่ายกลับมาดูแลตลอด ซึ่งจุดนี้ผมชอบนะที่ดูแลเอาใจใส่ลูกทัวร์ค่อนข้างดีมาก ๆ ในกรณีเมื่อยหรือไม่ไหว เขาก็ให้เกาะมือแล้วเขาจะลากไปให้ (โดยที่อีกมือนั้นคอยถ่ายรูปให้เรา)

มัลดีฟส์

          รูปปะการังเพิ่มเติมบางส่วนที่จุดแรก

มัลดีฟส์

มัลดีฟส์

          ตอนไปจุดดูกระเบน Manta น้ำค่อนข้างขุ่น พอลงไปนี่คันยิบ ๆ เลย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะแพลงตอนรึเปล่า ส่วนรูปกระเบน Manta ผมไม่ค่อยได้ถ่ายมา ตอนนั้นถ่ายวิดีโอลูกเดียว คลิปนี้เป็นคลิปที่มันว่ายเข้ามาใกล้ที่สุดละครับ



          Picnic Island เกาะเล็ก ๆ ที่รายล้อมไปด้วยปะการังและหาดทรายขาว

มัลดีฟส์

          ปะการังน้ำตื้นมาก ที่ Picnic Island ผมสังเกตดูปลาที่นี่ไม่กลัวคนนะครับ ผมไม่ได้ให้อาหารอะไรเลย แค่ดีดนิ้วผิวน้ำตรงปะการังพวกมันก็มาล้อมกันเต็มไปหมด

มัลดีฟส์

          จริง ๆ ที่เกสต์เฮ้าส์ที่ผมพักมีกิจกรรมค่อนข้างเยอะนะครับ ราคาก็แตกต่างกันไป ตอนไปดูปลากะเบน Manta เจ้าของที่พักก็บอกว่าก่อนหน้านี้ประมาณ 2-3 เดือน เขาเจอฉลามวาฬโดยบังเอิญที่จุดนี้ ซึ่งถือว่าโชคดีมาก ๆ ซึ่งถ้าจะไปดูฉลามวาฬจริง ๆ มันจะมีซีซั่นในการดู และออกไปไกลกว่านี้อีก แน่นอนค่าใช้จ่ายก็จะมากขึ้น

          กิจกรรมของที่พักมี

          1. มา Picnic Island : ก็มาเดินเล่นถ่ายรูป ดำน้ำ ว่ายน้ำ ตามรีวิวข้างบน

          2. ดูฉลามวาฬ : อันนี้เป็นฤดูของเขา ซึ่งต้องติดต่อทางนั้นว่าจะเจอไหมช่วงที่เราไป

          3. ดูปลากระเบน Manta : ไปดำน้ำถ่ายรูปดูปลากระเบน Manta ที่จุด Manta Point

          4. ล่องเรือดูพระอาทิตย์ตก

          5. สอนดำน้ำสน็อกเกิล : อันนี้ฟรี

          6. ตกปลา : อันนี้ฟรี แต่ตกแถวที่พัก

          7. ดูปลาโลมา

          8. ดูเต่าทะเล

          9. เกมแข่งตกปลา

          10. ตกปลากลางคืน

          11. สอนภาษา Maldivian (DHIVEHI) : อันนี้ฟรี

          12. เวคบอร์ด

          13. ไปแซนด์แบงค์ (Sandbank) : แซนด์แบงค์ คือ เนินทรายที่โผล่พ้นน้ำทะเลมานิดหน่อย

          14. สน็อกเกิลตอนกลางคืนพร้อมโคมไฟ

          15. ลากห่วงยาง (ไปกับเรือ) : คล้าย ๆ เล่น บานาน่าโบ๊ทแต่เป็นเรือยาง

          16. สน็อกเกิลตอนพระอาทิตย์ขึ้น : อันนี้ทางนั้นบอกว่าคุณจะสามารถเห็นการล่าเหยื่อของปลาใหญ่กินปลาเล็ก กระแสน้ำอุ่นมาแทนกระแสน้ำเย็น วิถีชีวิตใต้น้ำจะสามารถเห็นได้ชัดเจน ถ้ามาดำน้ำในตอนเช้าตรู่

          17. การแสดงพื้นบ้าน BODUBERU

          18. สน็อกเกิล 1 จุด

          19. ค้างคืนที่ Picnic Island : ทางนั้นจะเตรียมของมานอนให้คุณได้ติดเกาะอย่างแท้จริง ถ้ากลับไปอีกครั้งผมก็อยากเลือกอันนี้นะ

          20. ดินเนอร์บนเนินทรายกลางทะเล : เหมาะกับคู่รักที่ต้องการดินเนอร์บนแซนด์แบงค์ 2 ต่อ 2

          21. ตกหมึก

          22. ไปดูรีสอร์ท : การที่เรามาพักเกสต์เฮ้าส์ แต่เราอยากไปเดินเล่นถ่ายรูปดูรีสอร์ทหรู ๆ ก็สามารถเป็นได้ แต่คุณต้องบอกทางเจ้าของที่พักล่วงหน้าก่อน เพื่อที่ทางนั้นจะได้ติดต่อล่วงหน้าก่อน ตอนผมไปผมก็เลือกนะ แต่บอกเขาก่อนจะไปไม่กี่ชั่วโมง เขาบอกว่ามันต้องติดต่อก่อน ซึ่งรีสอร์ทที่เขาติดต่อด้วยมีแค่ 2 รีสอร์ท ดังนั้น ใครไปแล้วอยากจะเลือกอันนี้ให้บอกเขาล่วงหน้าก่อนเดินทางนะครับ

          ตามข้างบน...กิจกรรมของเกสต์เฮ้าส์จะมีค่อนข้างเยอะ และกิจกรรมต่าง ๆ ก็จะมีค่าใช้จ่ายบอกในแต่ละตัว ซึ่งราคาค่อนข้างสูง เป็นราคาต่อคน แต่ถ้าแลกกับการที่เราไปแบบส่วนตัวแล้วผมถือว่ามันไม่แพงเท่าไหร่นะ แล้วกิจกรรมแต่ละอันก็ใช้เวลาค่อนข้างเยอะ เหมาะกับคนที่ไปพักหลายวัน ถ้ามีเวลาน้อยเราก็ต้องจัดการเวลาให้ดี ถ้าต้องการทำหลายกิจกรรมควรมองตัวเองว่าไหวไหมด้วย ไม่งั้นจะเสียดายเงินโดยใช่เหตุ ฉะนั้น การที่เราจะเลือกรีสอร์ทหรือเกสต์เฮ้าส์เราต้องถามตัวเองก่อนว่าเราอยากไปทำอะไรกันแน่ เพราะอารมณ์มันต่างกันสิ้นเชิง

          คุณอยากจะนอนบนน้ำ ตื่นมาเห็นวิวทะเล กระโดดน้ำดำดูปะการังจากห้องพักได้เลย แบบที่เป็นซิกเนเจอร์ของมัลดีฟส์ตามรูปในอินเทอร์เน็ต คุณก็ต้องเลือกรีสอร์ท (ซึ่งมันก็จะแลกอารมณ์นี้มาด้วยราคาที่สูง แต่ถ้าได้มาในราคาถูกมันก็อีกเรื่อง) กับคุณอยากเที่ยวแบบประหยัด เน้นถูกที่สุด ไม่ได้สนนอนหรู นอนบนน้ำ เจอวิถีชีวิตผู้คน จะจ่ายก็ต่อเมื่ออยากจะใช้หรือทำกิจกรรมนั้น ก็เลือกเกสต์เฮ้าส์

          มันแบ่งกันชัดเจนอยู่แล้วอยู่ที่คุณเลือก ซึ่งผมตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาเพราะอยากเสนอทางเลือกของการเที่ยวมัลดีฟส์ในรูปแบบอื่น ๆ และประหยัดให้ดู ว่ามันก็สามารถเที่ยวได้ ไม่ได้มีแค่รีสอร์ทหรูหรือต้องจ่ายเงินแพง ๆมาเที่ยวเกิน 3-4 หมื่น เสมอไป

          สุดท้ายขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาชม/ติดตาม และโหวตกระทู้นี้ด้วยครับ

มัลดีฟส์



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เที่ยวมัลดีฟส์แบบประหยัด 3 วัน 2 คืน ราคา 16,XXX บาท อัปเดตล่าสุด 27 ตุลาคม 2564 เวลา 16:27:09 109,144 อ่าน
TOP