เมืองในฝัน สวิส-เยอรมนี ย่ำหิมะเย็นเยือกสุดใจ

เมืองในฝัน "สวิส-เยอรมนี" ย่ำหิมะ...เย็นเยือกสุดใจ..! (ประชาชาติธุรกิจ)

          ในช่วงที่ผู้คนทั่วโลกกำลังมีความสุขกับการเฉลิมฉลองคริสต์มาสและต้อนรับปีใหม่ ได้มีโอกาสไปเยือน ประเทศสมาพันธรัฐสวิส หรือสวิสเซอร์แลนด์ และ เยอรมนี โดยใช้เวลาเดินทางจากเมืองไทยไปถึงสนามบินซูริคกว่า 12 ชั่วโมง แอบหวั่นใจเล็กน้อยกับสภาพอากาศเย็นจัด เพราะสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าอากาศในยุโรปแปรปรวน มีหิมะตกหนักมากในรอบหลายปี

          ก่อนที่เครื่องบินจะร่อนลงสนามบินซูริค กัปตันการบินไทยประกาศแจ้งผู้โดยสารว่า สภาพอากาศติดลบที่ 5 องศาเซลเซียส ความเย็นของอากาศเมืองซูริคต่างกันลิบลับกับเมืองไทย วันนั้นเมืองซูริคยังอยู่ในสภาพเงียบสงบ เพราะชาวสวิสยังคงหลับใหลวันหยุดคริสต์มาสภายในบ้าน หลังผ่านค่ำคืนแห่งการเฉลิมฉลองมาได้เพียงไม่กี่ชั่วโมง



          ทริปนี้ไฮไลต์อยู่ที่กิจกรรม "ตามรอยสมเด็จย่า" ที่เมืองโลซานน์ ซึ่งได้ชมสถานที่ประวัติศาตร์ที่สมเด็จย่า ผู้ทรงเป็นต้นแบบของความพอเพียง ทั้ง สมเด็จพระพี่นางฯ ในหลวงรัชกาลที่ 8 และในหลวงรัชกาลที่ 9 ก็เคยทรงประทับและศึกษาอยู่ที่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เมื่อ 80 ปีก่อนนี้ ซึ่งทั้ง 4 พระองค์ ทรงประทับอยู่ที่แฟลตใกล้กับทะเลสาบลาค เลอมอง และทรงใช้ชีวิตสมถะเรียบง่ายแบบสามัญชน

 
  

          "เมืองโลซานน์" โอบล้อมไปด้วยขุนเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ และตั้งอยู่ริมทะเลสาบที่สวยงาม คือ ทะเลสาบเลอมอง อากาศบริสุทธิ์ไร้มลพิษ นอกจากนี้ ยังเป็นศูนย์กลางการค้าและการศึกษาระดับโลก ขณะที่ "เมืองเจนีวา" ผู้คนพลุกพล่านมากกว่า เพราะเป็นเมืองศูนย์กลางการค้า การท่องเที่ยว และแหล่งช็อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมชั้นนำ โดยเฉพาะนาฬิกาโรเล็กซ์ กระเป๋าหลุยส์วิตตอง ช็อคโกแลต มีดพับสวิส Victorinox ฯลฯ

          มีร้านค้าเปิดให้บริการละลานตาไปหมดจนยากที่จะห้ามใจ บางร้านถึงขนาดจ้างคนไทยไว้คอยบริการนักช็อปคนไทย และตลาดจีนโดยเฉพาะ บรรดาเศรษฐีเมืองไทยจึงไม่พลาดโอกาสที่จะมาช็อปปิ้งที่ย่านการค้าทันสมัยแห่งนี้ ที่สำคัญเจนีวายังเป็นที่ตั้งออฟฟิสขององค์กรระดับโลก เช่น องค์การการสหประชาชาติ สำนักงานภาคพื้นยุโรป องค์การกาชาดสากล และสถาบันการเงินชั้นนำของหลายประเทศ



          เมืองที่ประทับใจมาก ๆ ก็คือ เมืองอินเทอลาเก้น เมืองชุมทางไปสู่แหล่งท่องเที่ยวหลัก และแหล่งพักเพื่อขึ้นไปเล่นสกี เมืองนี้ตั้งอยู่กลางธรรมชาติที่งดงามระหว่าง ทะเลสาบตุนน์ และ ทะเลสาบเบรียนส์ แวดล้อมไปด้วยขุนเขาหิมะ และบ้านเรือนสไตล์ชาเล่ท์ที่สวยงาม เป็นดินแดนสุดแสนโรแมนติกจริง ๆ




          หลังจากนี้ได้นั่งรถข้ามฟากจากสวิสมายังประเทศเยอรมนี เพื่อต่อเครื่องบินที่เมืองแฟรงค์เฟิร์ส ได้แวะชม "เมืองทิทิเช่" ซึ่งอยู่ในเขตป่าดำ "แบล็ค ฟอเรส" (Black Forest) โดยมี ทะเลสาบทิทิเช่ ที่โอบล้อมไปด้วยขุนเขา และทิวป่าสนที่ยืนต้นสะพรั่งสวยงามท้าทายความหนาวเย็นของดงหิมะที่ปกคลุมไปทั่ว ที่นี่ยังเป็นต้นกำเนิดของสินค้าแฮนด์เมดเลื่องชื่อ "นาฬิกากุ๊กกู" ซึ่งแกะสลักมาจากไม้สนจากป่าดำนี่เอง สนนราคาตั้ง 120 ยูโรขึ้นไปจนถึงพันยูโร จากนั้นก็เดินทางไปยังเมืองแฟรงค์เฟิร์ส มีเวลาชื่นชมบรรยากาศเมืองนี้เล็กน้อย เช่น โบถส์เซนต์ปอล จตุรัสโรเมอร์ ย่านธุรกิจการค้า และสถานีรถไฟอันเป็นต้นกำเนิดของสถานีหัวลำโพงของเมืองไทยด้วย



          ในส่วนของการยังชีพ กองทัพต้องเดินด้วยท้อง มีการนำเสนอเมนูยอดฮิตของชาวสวิส ทริปนี้เราต้องขึ้นไปลิ้มรสอาหารประจำชาติสวิสถึงยอดเขาในเมืองโลซานน์ โดยนั่งรถฝ่าดงหิมะขาวโพลนตลอดเส้นทาง เมนูนี้เรียกว่า "ชีสฟองร์ดู" มีเตาร้อน ๆ อุ่นชีสที่ปรุงรสสมุนไพรมาเรียบร้อยแล้ว วิธีการทานคือ ใช้ขนมปังจิ้มชีส แค่นี้ก็อร่อยแล้วสำหรับคนที่ชอบชีส แต่สมาชิกในกรุ๊ปหลายคนลิ้มรสชาติได้แค่ 2-3 คำเท่านั้น ส่วนอีกเมนู คือ "มีทฟองร์ดู" เอาเนื้อวัวที่หั่นพอคำจุ่มให้สุกในน้ำซุปร้อน อันนี้คล้ายจิ้มจุ่มบ้านเรา แต่ต่างกันที่น้ำจิ้มเท่านั้น บทสรุปคือ  อาหารไทยสุดยอดที่สุดแล้ว แถมมีให้กินตลอด 24 ชั่วโมงอีกด้วย...แอบคิดถึงบ้านเกิดแล้ว



          ส่วนในฝั่งเยอรมนี เมนูเลื่องชื่อที่คนไทยรู้จักกันดี "ขาหมูเยอรมัน" หน้าตาและรสชาติไม่ต่างกับที่ขายในโรงเบียร์เยอรมันในเมืองไทย แต่พิเศษตรงที่เป็นไฟล้ท์บังคับ เสิร์ฟให้กิน 1 ขาต่อ 1 คน แกล้มกับมันฝรั่งทอด โอ้โห...พอเห็นขาหมูในจานมาวางต่อหน้าก็อิ่มแล้ว เรียกว่าพุงกางกันทุกคน แต่บางคนที่ไม่สันทัดต้องอาศัยน้ำพริกนรก คลุกข้าวสวยแก้หิวไปพลาง ๆ

          อ้อ...มีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยมาฝาก ใครที่จะไปทัวร์สวิส สกุลเงินที่ใช้คือ ฟรังก์สวิส เท่านั้น ร้านค้าส่วนใหญ่จะเปิดบริการประมาณ 9.30- 18. 00 น. ส่วนที่เยอรมนีสามารถใช้เงินยูโรได้ ที่สำคัญช่วงนี้หากใครขอวีซ่ากับสถานฑูตสวิสเซอร์แลนด์ เมื่อกลับมาถึงเมืองไทยแล้วจะต้องนำพาสปอร์ตไปแสดงกับสถานฑูตด้วย เพื่อยืนยันว่าได้กลับมาถึงเมืองไทยแล้ว มิได้แอบหลบหนีเข้าเมืองแต่อย่างใด ..! 



          แม้จะมีเวลาเพียงสั้น ๆ ใน สวิส-เยอรมนี ดินแดนในฝัน แต่ก็เป็นทริปที่แสนระทึกใจกับสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวน เจอทั้งฝน หิมะตกหนัก แต่ก็รอดปลอดภัยมาได้

          ทริปนี้ขอขอบคุณกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เจ้าภาพจัดกิจกรรมตามรอยสมเด็จย่า  ทีมงานบริษัท แกร็ททิทิว จำกัด และไกด์ใจดีจากบริษัท D-Exit




ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก