เมื่อเอ่ยชื่อจังหวัดหนองคาย หลายคนคงนึกถึงลูกไฟกลม ๆ สีแดงอมชมพู ไร้กลิ่น ไร้สี ไร้ควัน ที่ผุดขึ้นมาจากลำน้ำโขงในช่วงเทศกาลออกพรรษาของทุกปีอย่างแน่นอน แต่ครั้งนี้เราไม่ได้จะพาคุณไปดูเจ้าสิ่งนี้ เพราะปีนี้น้องเห็ดใช้เวลาในช่วงเทศกาลเข้าพรรษา เพื่อพาเพื่อนสาวที่เพิ่งประสบปัญหาพิษรักไปสงบสติอารมณ์ในจังหวัดที่ติดอันดับเมืองน่าอยู่อันดับ 7 ของโลก ทั้งยังเป็นจังหวัดบ้านเกิดเมืองนอนของน้องเห็ดอีกด้วย
สำหรับทริปนี้ของน้องเห็ด เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลเข้าพรรษาซึ่งมีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน ดังนั้น บรรดาตั๋วรถสาธารณะทั้งหลายจึงขายหมดเกลี้ยงอย่างรวดเร็ว น้องเห็ดจึงตกลงกับน้องแนนเพื่อนสาวคนสนิทว่าเราจะขับรถไปกันเองสองสาวค่ะ โดยออกเดินทางตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าของวันเสาร์ โชคดีค่ะที่การเดินทางสู่หนองคายนั้นง่ายแสนง่าย แม้จะไม่เคยขับรถไปเองแต่สุดท้ายเราทั้งคู่ก็สามารถไปถึงหนองคายเองได้ แค่ออกจากกรุงเทพโดยใช้ถนนสายพหลโยธิน (สาย 1) แล้วเบี่ยงออกขวาเพื่อเข้าสู่ถนนมิตรภาพ (สาย 2) ที่จังหวัดสระบุรี แล้วขับตามเส้นทางไปเรื่อย ๆ เท่านั้น อีกทั้งอากาศเมื่อเข้าสู่เขตภาคอีสานก็ดีมาก ๆ ไม่มีแดดเลย ทำเอาเราสองคนเพลินจนใช้เวลาบนท้องถนนยาวนานกว่าปกติ ซึ่งกว่าจะถึงเขตจังหวัดหนองคายก็เกือบทุ่มแล้ว
เมื่อมาถึงจังหวัดหนองคาย สถานที่แรกที่ควรไปเป็นอย่างยิ่งก็คือการไปนมัสการ "หลวงพ่อพระใส" แห่งวัดโพธิ์ชัย ซึ่งเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของหนองคาย ที่ไม่เพียงแต่คนท้องถิ่นหรือคนไทยเท่านั้นที่ให้ความเคารพสักการะ แต่ผู้คนจากบ้านใกล้เรือนเคียงอย่างชาวลาวหรือชาวเวียดนามก็ให้ความเคารพเช่นกัน แต่ผู้ที่จะขึ้นไปยังส่วนของอุโบสถได้จะต้องแต่งตัวให้เรียบร้อย แต่ถ้าใครแต่งตัวไม่เหมาะสม ทางวัดก็มีผ้าถุงให้เช่าในราคาถูก ซึ่งเงินค่าเช่านั้นก็นำไปบำรุงวัดนั่นเองค่ะ ส่วนอีกหนึ่งสถานที่ที่อยากจะแนะนำเช่นกัน ก็คือ ศาลาแก้วกู่ อุทยานเทวาลัย อันมีสถาปัตยกรรมรูปปั้นอันเกี่ยวข้องกับศาสนาต่าง ๆ ขนาดใหญ่และงดงามจำนวนหลักพันกระจายอยู่ในพื้นที่ 42 ไร่
นอกจากนี้ หนองคายยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสถานที่อันเกี่ยวข้องกับพุทธศาสนาหรือสถานที่อันเป็นการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติก็ตาม เราสองคนตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อจะเดินทางออกจากตัวอำเภอเมือง เพื่อเดินทางไปท่องเที่ยวตามรายทางสู่อำเภอสังคม โดยมีท่านแม่และคุณน้าเป็นเนวิเกเตอร์ให้กับเราทั้งคู่ และต้องบอกว่าการเดินทางในเส้นทางสู่อำเภอต่าง ๆ ของหนองคายนั้นสะดวกมาก ถนนหนทางได้รับการดูแลเป็นอย่างดี สะอาดและปลอดภัยมาก ๆ ค่ะ โดยเฉพาะเส้นทางสู่อำเภอสังคม ที่ตลอดสองข้างทางนอกจากจะเต็มไปด้วยเทือกเขาอันยิ่งใหญ่อลังการแล้ว เรายังเจออุโมงค์ต้นไม้อีกหลายที่ ซึ่งหากทางจังหวัดพัฒนาหรือประชาสัมพันธ์พื้นที่บริเวณนี้แล้วล่ะก็ รับรองว่าจะเป็นเส้นทางท่องเที่ยวอันแสนวิเศษสำหรับใครที่รักในการท่องเที่ยวเชิงนิเวศแน่นอนค่ะ
น่าเสียดายที่เรามีระยะเวลาน้อยไปหน่อยสำหรับทริปนี้ ดังนั้น สถานที่เที่ยวที่เราได้มีโอกาสแวะไปสัมผัส ได้แก่ การไปนมัสการ หลวงพ่อองค์ตื้อ แห่งวัดศรีชมภูองค์ตื้อ อำเภอท่าบ่อ วัดอรัญบรรพต วัดซึ่งเคยเป็นสถานที่จำพรรษาของอดีตเกจิอาจารย์ชื่อดังอย่าง หลวงปู่เหรียญ วรลาภา มาอย่างยาวนาน ซึ่งถึงแม้ว่าวันนี้ท่านจะละสังขารไปแล้ว แต่ความสงบก็หาได้ง่าย ๆ ณ สถานที่แห่งนี้ รวมทั้ง วัดหินหมากเป้ง อันเป็นวัดที่ หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี เคยจำพรรษาก่อนที่ท่านจะละสังขารก็เช่นกัน ซึ่งเราสังเกตอย่างหนึ่งว่าทุกวัดในจังหวัดหนองคายนั้น สิ่งหนึ่งที่เราจะเห็นอยู่ทุกวัดก็คือ รูปปั้นของพญานาคราช ซึ่งคนหนองคายให้ความเคารพและมีความเชื่อเกี่ยวกับสิ่งนี้มาเนิ่นนาน นอกจากนี้ เรายังเดินทางต่อเพื่อจะไปยัง น้ำตกธารทอง ซึ่งอยู่ในเขตอำเภอสังคม เป็นน้ำตก 3 ชั้น ที่ชั้นสุดท้ายจะไหลลงไปรวมกับแม่น้ำโขงที่ปลายทาง ซึ่งถึงแม้ว่าจะยังไม่ใช่ฤดูน้ำหลาก แต่น้ำตกของที่นี่ก็ยังสวยไปอีกแบบ
เมื่อเราทั้งสองแหวกว่ายสายน้ำเย็นจนพอใจแล้ว ท่านแม่ก็ชวนไปหาก๋วยเตี๋ยวทาน ก๋วยเตี๋ยวหนองคายนั้นเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าเฝอค่ะ ค่อนข้างมีความแตกต่างจากก๋วยเตี๋ยวทั่ว ๆ อยู่พอสมควร นั่นคือจะคล้าย ๆ กับก๋วยเตี๋ยวต้มยำ คือจะใส่ถั่วลิสงบดกับน้ำพริกเผาลงไปด้วย แต่สิ่งที่แตกต่างคือเครื่องปรุงที่จะมีซอสพริกและซีอิ๊วดำเพิ่มขึ้นมา และจะรับประทานกับผักสดชนิดต่าง ๆ เช่น ผักกาดหอม สะระแหน่ ถั่วฝักยาว พริกสด ฯลฯ จิ้มกับกะปิ
นอกจากที่กล่าวมาแล้ว จังหวัดหนองคายยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมาย ที่รอให้ใครที่ผ่านไปผ่านมาได้ไปสัมผัส นอกเหนือจากการใช้เป็นทางผ่านเพื่อไปสู่ประเทศลาวเท่านั้น แล้วคุณจะรู้ว่า "หนองคาย" มีเสน่ห์มากกว่าที่คุณคิด
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
