x close

ไขปริศนา ประเพณีอุ้มพระดำน้ำ เพชรบูรณ์






ไขปริศนาประเพณีอุ้มพระดำน้ำ ตำนานอลังการ! หนึ่งเดียวที่เมืองมะขามหวาน (เดลินิวส์)
โดย ฤทธิพงษ์  อำพันธ์-เอกสิทธิ์ ต่อวัฒนบุญ

          สามารถกล่าวได้เลยว่า เป็นประเพณีที่มีเพียง "หนึ่งเดียวในโลก" ก็ว่าได้ สำหรับประเพณี "อุ้มพระดำน้ำ" ที่ จ.เพชรบูรณ์ จากตำนานความเชื่อ ความอัศจรรย์เร้นลับ ความศรัทธา ขององค์พระเก่าแก่คู่บ้านคู่เมือง ก่อเกิดเป็นประเพณีที่ยิ่งใหญ่ ได้รับความสนใจทั้งจากชาวไทยและชาวต่างชาติ 

          งานประเพณีอุ้มพระดำน้ำ ย้อนหลังไปราว 20 กว่าปีก่อน..แต่เดิมนั้นจัดเป็นลักษณะเพียงแค่งานวัดบ้านนอก ระยะเวลาสั้น ๆ ราว 1-2 วัน กระทั่งมาถึงในยุคที่ ดร.วิศัลย์ โฆษิตานนท์ เป็นนายกเทศมนตรีเมืองเพชรบูรณ์ ในยุคนั้น ได้มีการรื้อฟื้นงานด้านวัฒนธรรมดั้งเดิมของชาวเพชรบูรณ์ ที่แผ่วบางลงไป ให้กลับมามีคุณค่าต่อการอนุรักษ์และปลูกจิตสำนึกรักบ้านเกิด

          โดยมีการศึกษาและวิจัยวัฒนธรรมประเพณี  ท้องถิ่นต่าง ๆ รวมทั้งประเพณีอุ้มพระดำน้ำด้วย ทั้งนี้จากการศึกษาและวิจัยในครั้งนั้น พบว่าประเพณีอุ้มพระดำน้ำ แฝงไว้ซึ่งภูมิปัญญาอันหลักแหลมของบรรพบุรุษ จึงมีการให้ความสำคัญต่อการจัดงาน มีการเพิ่มสาระและความบันเทิงต่าง ๆ ลงไป อาทิ การแสดงแสงสีเสียง บอกเล่าตำนานความเป็นมาขององค์พระพุทธมหาธรรมราชา องค์ปฏิมาที่ผู้ว่าฯ ต้องอัญเชิญไปดำน้ำทุกปี มีกิจกรรมส่งเสริมศีลธรรม เช่น การทายปัญหาธรรมะ, การประกวดโต๊ะหมู่บูชา, การประกวดบทกลอน, การประกวดภาพถ่าย ฯลฯ โดยทุกกิจกรรมมุ่งเน้นให้เยาวชน คนในชุมชน มีส่วนร่วม และขยายวันจัดงานเพิ่มขึ้นเป็น 5 วัน 5 คืน

          "สิ่งที่แฝงไว้ซึ่งภูมิปัญญาของประเพณีอุ้มพระดำน้ำ จะเห็นได้จากก่อนที่เจ้าเมืองเพชรบูรณ์  ในสมัยนั้นจะอัญเชิญพระพุทธมหาธรรมราชาลงดำน้ำ บรรดาข้าราชการก็จะช่วยกันทำความสะอาด  แม่น้ำป่าสัก รวมทั้งชาวเมืองก็จะไม่ทิ้งสิ่งปฏิกูลลงสู่แม่น้ำ ทั้งก่อนและหลังประกอบพิธี ในจุดนี้เมื่อแม่น้ำสะอาด โรคระบาดก็ไม่มีเกิดขึ้น ชาวเมืองก็อยู่กันอย่างมีความสุข การก่อเกิดประเพณีนี้ผมเชื่อว่าบรรพบุรุษของเราต้องการให้คนรุ่นหลัง หรือรุ่น ต่อ ๆ ไป ช่วยกันดูแลแม่น้ำลำคลองให้ใสสะอาด" ดร.วิศัลย์ อธิบาย



          ส่วนอีกความเชื่อถึงที่มาของประเพณี มีตำนานเล่าขานว่า...ราว 400 กว่าปีที่ผ่านมา ชาวเมืองกลุ่มหนึ่งมีอาชีพจับปลาในแม่น้ำป่าสัก วันหนึ่งขณะที่พวกเขาออกหาปลาตามปกติ จู่ ๆ ก็เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้น กล่าวคือตั้งแต่เช้ายันบ่ายไม่มีใครจับปลาได้แม้แต่ตัวเดียว จนสร้างความแปลกใจให้กับทุกคน จนเกิดความท้อแท้ขึ้นไปนั่งปรับทุกข์บนตลิ่ง 

          ทว่าทันใดนั้นก็ได้เกิดเหตุอัศจรรย์เป็นที่ปรากฏต่อสายตาของทุกคน...กระแสน้ำ ณ "วังมะขามแฟบ" ที่ไหลเชี่ยวกราก พลันหยุดนิ่ง และค่อย ๆ มีพรายน้ำผุดขึ้นมาทีละน้อยจนแลดูคล้ายน้ำเดือด ก่อนจะกลายเป็นวังน้ำวนขนาดใหญ่ และ ดูดพระพุทธรูปองค์หนึ่งลอยขึ้นมาเหนือน้ำ และมีลักษณะคล้ายดำผุดดำว่ายอยู่ตลอดเวลา ชาวเมืองจึงลงไปอัญเชิญพระพุทธรูปดังกล่าวขึ้นมาประดิษ ฐาน ณ วัดไตรภูมิ

          แต่ในปีถัดมาซึ่งเป็นวันแรม 15 ค่ำเดือน 10 ตรงกับวันประเพณี "สารทไทย" พระพุทธรูปองค์ดังกล่าวได้หายไปจากวัด ชาวบ้านพากันออกตามหา จนในที่สุดไปพบพระพุทธรูปองค์นี้ อยู่กลางแม่น้ำป่าสักบริเวณวังมะขามแฟบ สถานที่  ที่ชาวประมงพบพระพุทธรูปองค์นี้ในครั้งแรก กำลังอยู่ในอาการดำผุดดำว่ายอยู่ จึงได้ร่วมกันอัญเชิญขึ้นมาประดิษฐานที่วัดไตรภูมิ อีกครั้ง และถวายนามว่า "พระพุทธมหาธรรมราชา" 

          หลังจากนั้นเป็นต้นมา เจ้าเมืองเพชรบูรณ์ในยุคนั้น จะต้องอัญเชิญพระพุทธมหาธรรมราชา ไปประกอบพิธี "อุ้มพระดำน้ำ" ทุกปี โดยแต่เดิมประกอบพิธีที่บริเวณวังมะขามแฟบ จุดที่พบองค์พระครั้งแรก กระทั่งต่อมาแม่น้ำป่าสักเปลี่ยนสาย จึงมาประกอบพิธีที่กลางลำน้ำป่าสัก หน้าวัดโบสถ์ชนะมาร เป็นประจำทุกปี โดยเชื่อว่าหลังประกอบพิธีแล้ว จะทำให้ไพร่ฟ้าประชาชนต่างอยู่เย็นเป็นสุข ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล พืชพันธุ์ธัญญาหาร มีความอุดมสมบูรณ์ และเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ผลดี แต่หากปีใดมีการละเลย นอกจากจะทำให้เกิดความแห้งแล้งแล้ว ยังมีโรคระบาดเกิดขึ้นอีกด้วย

          อย่างไรก็ตามมีคำถามมาโดยตลอดเกี่ยว  กับประเพณีอุ้มพระดำน้ำว่า.. ทำไมกำหนดแต่   เพียงเฉพาะผู้ว่าฯ เพชรบูรณ์เท่านั้น ที่จะเป็นผู้ประกอบพิธีอุ้มพระดำน้ำได้ ผู้ที่มีตำแหน่งสูง   กว่า อาทิ รัฐมนตรี ส.ส.หรือ ปลัดกระทรวงฯ ประกอบพิธีแทนไม่ได้หรือ?...คำตอบก็คือ.."ไม่สามารถกระทำแทนได้"..เหตุที่ผู้ว่าฯ เป็นผู้อุ้มองค์พระประกอบพิธีได้นั้น เนื่องจากมีตำแหน่งเทียบเท่าเจ้าเมืองสมัยโบราณ และชาวเพชรบูรณ์ ต่างมีความเชื่อว่า หากเป็นบุคคลอื่นประกอบพิธีแทน บ้านเมืองจะเกิดอาเพศ ! 

          สำหรับการจัดงานปีนี้ กำหนดขึ้น ระหว่างวันที่ 17-21 ก.ย.นี้ ณ บริเวณศาลากลางจังหวัดเพชรบูรณ์ โดยกิจกรรมวันที่ 17 ก.ย. ช่วงเช้าเป็นพิธีบวงสรวงเทพยดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่วัดไตรภูมิ จากนั้นช่วงเย็นเป็นขบวนแห่ทางบก โดย การอัญเชิญองค์พระพุทธมหาธรรมราชา ประดิษฐาน บุษบกบนราชรถ แห่แหนไปรอบเมือง วันที่ 18 ก.ย. เป็นกิจกรรมตอบปัญหาภูมิปัญญาท้องถิ่น   วันที่ 19 ก.ย. ซึ่งตรงกับวันแรม 15 ค่ำเดือน 10 วันสารทไทย เวลา 09.09 น. จะมีการอัญเชิญพระพุทธมหาธรรมราชา ลงเรือแห่ทางน้ำจากท่าน้ำวัดไตรภูมิ ล่องไปตามแม่น้ำป่าสักเพื่อประกอบพิธีอุ้มพระดำน้ำ ณ ท่าน้ำวัดโบสถ์ชนะมาร และวันที่ 20 ก.ย. เป็นการแข่งขันพายเรือทวนน้ำ และวันที่ 21 ก.ย. เป็นการถวายผ้าป่าสามัคคี ที่วัดไตรภูมิ และวัดโบสถ์ชนะมาร 



          ด้าน นางธีรพร พรพฤฒิพันธุ์ นายกเทศมนตรีเมืองเพชรบูรณ์ กล่าวว่า การจัดงานในภาคกลางคืน ตลอดทั้ง 5 คืน จะมีการออกร้านเทศกาลอาหารอร่อย และการแสดงประกอบแสงสีเสียงย้อนตำนานความอัศจรรย์พระพุทธมหาธรรมราชา ซึ่งปีนี้มีความพิเศษคือ การควบคุมด้านแสงสีเสียงและกำกับการแสดง ทางเทศบาลฯ ได้ว่าจ้างทีมงาน "ศุภักษร" ซึ่งเป็นทีมแสงสีเสียงและกำกับการแสดงที่มีคุณภาพ มาดูแลในด้านนี้ เพื่อเป็นการยกระดับงานให้มีคุณภาพและมาตรฐาน  สากลยิ่งขึ้น

          อย่างไรก็ตาม การแสดงดังกล่าวเปิดให้ชมฟรี! โดยไม่มีการเก็บค่าชมแต่อย่างใด นักท่องเที่ยวที่สนใจชมสามารถติดต่อสำรองที่นั่งได้ที่สำนักงานเทศบาลเมืองเพชรบูรณ์ โทร. 0-5671- 1007 ต่อ 112 นอกจากนี้ภายในงานยังมีการแสดง  คอนเสิร์ตศิลปินดังในช่วง 4 คืน คือ คืนวันที่ 16   ก.ย. คอนเสิร์ตเพื่อชีวิตเต็มรูปแบบของ "มาลีฮวนน่า" วันที่ 18 ก.ย. คอนเสิร์ตหมอลำซิ่ง "บัวผัน  ปะทะ ศรีจันทร์" วันที่ 19 ก.ย. คอนเสิร์ต "คาราบาว" วันที่ 20 ก.ย. คอนเสิร์ต "โปเตโต้" และวันที่  21 ก.ย. คอนเสิร์ต "เสียงอิสาน"

          ประเพณีอุ้มพระดำน้ำ เป็นประเพณีที่มีความแปลก มิใช่แฝงไว้เพียงแค่ตำนานเล่าขานอันอัศจรรย์พันลึกเท่านั้น แต่ยังแฝงไว้ซึ่งภูมิปัญญาอันชาญฉลาดของบรรพบุรุษ ที่ต้องการให้คนรุ่นหลังสืบทอด โดยเฉพาะการดูแลรักษาแม่น้ำลำคลองให้มีความสะอาด และปลูกสำนึกให้คนในสังคมมีส่วนร่วม รักถิ่นฐานบ้านเกิด รวมทั้งเป็นอีกหนึ่งประเพณีที่หลอมรวมให้คนใกล้ชิดศาสนา ภูมิใจในคุณค่า "มรดกทางวัฒนธรรม" จึงควรค่าที่เราทุกคนจะร่วมกันสืบทอดให้ยั่งยืนสืบไป


ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก


 

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ไขปริศนา ประเพณีอุ้มพระดำน้ำ เพชรบูรณ์ อัปเดตล่าสุด 15 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 15:13:34 2,653 อ่าน
TOP