x close

ไปไหว้...พระพุทธรูปที่มากับสายน้ำ

ไหว้พระ

พระพุทธรูปที่มากับสายน้ำ (อสท)

          พระพุทธรูปสำคัญของไทยหลายองค์ ได้รับความเลื่อมใสศรัทธาจากพุทธศาสนิกชนทั่วไป แต่ไม่มีการบันทึกหลักฐานการสร้างที่แน่นอน ส่วนใหญ่จะมีตำนาน หรือเรื่องราวแต่หนหลังเล่าขานสืบต่อกันมามากมาย ในตำนานจะกล่าวถึงอิทธิฤทธิ์ และปาฏิหาริย์รวมอยู่ด้วยเสมอ เพื่อดึงดูดให้คนสนใจและเลื่อมใสมากขึ้น

          จนมีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาชนิดปากต่อปากจนถึงทุกวันนี้ เช่น เรื่องที่มีเทวดาหรือชีปะขาวมาช่วยสร้าง บางองค์ก็มีอภินิหาร แม้จะใช้เชือกถึง 3 เส้น และกำลังคนเป็นจำนวนมากฉุกลากจนเชือกขาด ก็ยังนำขึ้นมาไม่ได้ จนสถานที่แห่งนั้นได้ชื่อว่า สามเสน บางองค์ก็ลอยทวนน้ำมา บางองค์ต้องมีพิธีอุ้มดำน้ำทุกปี บางองค์ก็ลอยมาตามน้ำ และถูกอัญเชิญขึ้นประดิษฐานตามวัดริมฝั่งน้ำที่ผ่านไปนั่นเอง

          พระพุทธรูปที่มากับสายน้ำมีอยู่หลายองค์ บางองค์ก็ลอยมาตามน้ำ บางองค์ก็เคลื่อนย้ายด้วยแพมาตามน้ำ เนื่องจากสมัยก่อนยังไม่มีเส้นทางคมนาคมขนส่งเหมือนเช่นทุกวันนี้ เส้นทางที่สะดวกที่สุดก็คือเส้นทางทางน้ำ การเคลื่อนย้ายสิ่งของขนาดใหญ่ จึงจำเป็นต้องอาศัยเส้นทางน้ำเป็นหลัก อย่างเช่นในสมัยรัชกาลที่ 1 โปรดให้อัญเชิญ พระศรีศากยมุณี จากจังหวัดสุโขทัยเข้ากรุงเทพฯ ยังใช้วิธีนำพระล่องแพ ล่องมาขึ้นที่ท่าพระหรือท่าช้าง จากนั้นจึงเคลื่อนย้ายไปยังวัดสุทัศน์เทพวรารามต่อมาในภายหลัง 

          พระพุทธรูปที่ปรากฏในตำนานว่าลอยน้ำมามีอยู่หลายองค์ โดยเฉพาะที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ และผู้คนรู้จักกันดีก็คือ หลวงพ่อโสธร แห่งวัดโสธรวราราม อำเภอเมืองฯ จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ หล่อด้วยสำริด ขนาดหน้าตักกว้างศอกเศษ แต่ปัจจุบันถูกพอกปูนเพื่อป้องกันการโจรกรรม จนไม่สามารถเห็นองค์ภายใน ไม่ปรากฏหลักฐานแน่นอนเกี่ยวกับผู้สร้างและปีที่สร้าง

          มีแต่ตำนานเล่าต่อ ๆ กันมาว่าเมื่อปี พ.ศ. 2313 มีพระพุทธรูปทางเหนือ 3 องค์ เป็นพี่น้องกัน ได้แสดงอภินิหารลอยตามน้ำมา ผ่านย่านชุมชนหลายแห่ง บางแห่งคนจำนวนมากช่วยกันฉุดก็ไม่อาจอัญเชิญขึ้นฝั่งได้ แต่ในที่สุดก็ได้ขึ้นฝั่งประดิษฐานยังวัดต่าง ๆ คือ องค์พี่ใหญ่ลอยตามแม่น้ำไปขึ้นฝั่ง ณ วัดบ้านแหลม หรือ วัดเพชรสมุทรวรวิหาร จังหวัดสมุทรสงคราม ได้ชื่อว่า หลวงพ่อวัดบ้านแหลม

          องค์กลางลอยตามน้ำมาบริเวณหน้า วัดโสธรวราราม พระอาจารย์ผู้ทรงความรู้ประกอบพิธีบวงสรวง ใช้สายสิญจน์อัญเชิญขึ้นประดิษฐาน ณ วัดโสธรวราราม ได้ชื่อว่า หลวงพ่อโสธร ส่วนองค์น้องสุดท้องขึ้นฝั่งประดิษฐาน ณ วัดบางพลีใหญ่ใน หรือ วัดพลับพลาชัยชนะสงคราม จังหวัดสมุทรปราการ ได้ชื่อว่า หลวงพ่อโต

          บางตำนานก็เล่าว่ามีพี่น้องชาวเหนือ 5 คน บวชเป็นพระภิกษุจนสำเร็จโสดาบัน มีฤทธิ์อำนาจทางจิตมาก และตั้งใจจะบำเพ็ญบารมี เพื่อช่วยเหลือสัตว์โลกให้พ้นทุกข์ แม้เมื่อมรณภาพแล้ว ก็จะขอสร้างบารมีต่อไปจนกว่าจะถึงซึ่งนิพพาน เมื่อพระภิกษุทั้ง 5 รูปดับขันธ์ไปแล้ว ก็ได้สิงสถิตอยู่ในพระพุทธรูปทั้ง 5 องค์ แสดงอิทธิฤทธิ์ลอยมาตามแม่น้ำ 5 สาย และถูกอัญเชิญขึ้นประดิษฐานตามเส้นทางที่ผ่านไป และได้เป็นพระพุทธรูปสำคัญประจำเมืองนั้น ๆ สืบต่อมา คือ


          องค์ที่ 1 ลอยไปตามแม่น้ำบางประกง ได้ชื่อว่า หลวงพ่อโสธร ประดิษฐาน ณ วัดโสธรวราราม อำเภอเมือง ฯ จังหวัดฉะเชิงเทรา

พระพุทธรูป

          องค์ที่ 2 เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะประยุกต์ระหว่างเชียงแสนและสุโขทัย หน้าตักกว้าง 4 ศอก 2 นิ้ว สูง 4 ศอก 16 นิ้ว ลอยไปตามแม่น้ำนครชัยศรี ได้ชื่อว่า หลวงพ่อวัดไร่ขิง ประดิษฐานในพระอุโบสถวัดไร่ขิง อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม

พระพุทธรูป

          องค์ที่ 3 เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย หล่อด้วยทองสำริด ศิลปะสมัยสุโขทัย หน้าตักกว้าง 3 ศอก 1 คืบ ลอยไปตามแม่น้ำเจ้าพระยา ได้ชื่อว่า หลวงพ่อโต ประดิษฐานในพระอุโบสถ วัดพลับพลาชัยชนะสงคราม หรือ วัดบางพลีใหญ่ใน อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ

พระพุทธรูป

          องค์ที่ 4 เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย หล่อด้วยสำริด ศิลปะสมัยเชียงแสน หน้าตักกว้าง 21 นิ้ว สูง 29 นิ้ว ลอยไปตามแม่น้ำเพชรบุรี ได้ชื่อว่า หลวงพ่อวัดเขาตะเครา ประดิษฐานในกุฏิเจ้าอาวาสวัดเขาตะเครา อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี

พระพุทธรูป

          องค์ที่ 5 เป็นพระพุทธรูปปางอุ้มบาตร หล่อด้วยสำริด สูงจากยอดพระเกตุมาลาถึงพระบาท 167 เซนติเมตร ลอยไปตามน้ำแม่กลอง ได้ชื่อว่า หลวงพ่อบ้านแหลม ประดิษฐานในพระอุโบสถวัดเพชรสมุทรวรวิหาร หรือวัดบ้านแหลม อำเภอเมืองฯ จังหวัดสมุทรสงคราม

          พระพุทธรูปที่ลอยน้ำมา และได้รับการอัญเชิญประดิษฐานตามวัดต่าง ๆ นอกจากที่กล่าวถึงแล้ว ยังมีอีกหลายองค์ เช่น พระสุก ซึ่งปัจจุบันประดิษฐานอยู่ที่วัดปทุมวนาราม กรุงเทพฯ และ พระใส ประดิษฐานอยู่ที่วัดโพธิ์ชัย จังหวัดหนองคาย ก็มีตำนานว่าเป็นพระพุทธรูปพี่น้องลอยตามน้ำมาเช่นเดียวกัน การที่มีพระพุทธรูปลอยน้ำมากเช่นนี้ ทำให้มีผู้สันนิษฐานว่า คงจะเป็นเพราะเมื่อครั้งเสียกรุงเกิดความลำบาก และถูกปล้นสะดมกันไปทั่วทุกหย่อมหญ้า ทั้งในเมืองและนอกเมือง ชาวบ้านเกรงว่าพระพุทธรูปที่สำคัญจะถูกทำลายหรือถูกขโมยไป จึงอัญเชิญลงน้ำเสียก่อน จนถูกน้ำพัดพาไปยังที่ต่าง ๆ

          อย่างไรก็ตาม พระพุทธรูปที่มากับสายน้ำทั้ง 5 องค์ ที่กล่าวมาแล้วข้างต้น แต่ละองค์ก็เป็นพระพุทธรูปสำคัญประจำเมือง ที่ผู้คนเลื่อมใสศรัทธาเคารพกราบไหว้ และมีปาฏิหารย์เป็นที่ปรากฏ และถ้าจะนับถึงอายุและพุทธลักษณะก็เป็นของเก่าแก่ มีความงดงามในด้านศิลปะอย่างสมบูรณ์ จึงนับเป็นสมบัติศิลป์ ที่ผู้มีโอกาสเดินทางไปควรจะได้แวะชื่นชมและสักการบูชา



ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ไปไหว้...พระพุทธรูปที่มากับสายน้ำ อัปเดตล่าสุด 1 สิงหาคม 2554 เวลา 15:34:08 3,153 อ่าน
TOP