x close

รวมมิตร 35 ที่เที่ยวภาคตะวันออก ทะเล น้ำตก มีครบจบในภาคเดียว

          สถานที่ท่องเที่ยวภาคตะวันออก ภูมิภาคมากเสน่ห์ที่เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ทั้งทะเล น้ำตก รวมถึงวิถีชีวิตของชาวบ้านที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัว เรียบง่าย และน่าค้นหา
          วันหยุดสุดสัปดาห์หรือวันหยุดยาว ๆ หลายคนก็เตรียมวางแผนออกไปเที่ยวต่างจังหวัด เพื่อชาร์จแบต เติมพลังใจให้กับตัวเอง บนเส้นทางตะวันออก ประกอบไปด้วย 7 จังหวัด อย่างเป็นทางการ ได้แก่ จังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดชลบุรี จังหวัดระยอง จังหวัดจันทบุรี จังหวัดตราด จังหวัดสระแก้ว และจังหวัดปราจีนบุรี ก็เป็นอีกหนึ่งภูมิภาคที่มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายหลากหลายสไตล์ให้ได้ไปสัมผัส อีกทั้งอาหารการกินก็อร่อยไม่แพ้ใคร วันนี้เราเลยมัดรวมสถานที่ท่องเที่ยวภาคตะวันออกมาแนะนำกัน เริ่มที่...
จังหวัดชลบุรี

1. เกาะล้าน

          เกาะที่ได้รับความนิยมทั้งจากชาวไทยและต่างชาติ เพราะตั้งอยู่ไม่ไกลจากชายฝั่งพัทยาเท่าไรก็ได้เจอกับน้ำทะเลใส ๆ หาดทรายขาวละเอียด แถมยังครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ มากมาย ทั้งที่พักเกาะล้านหลากแบบ หลายราคา ร้านอาหารทะเลอร่อย ๆ คาเฟ่บรรยากาศดีนั่งจิบกาแฟเคล้าเสียงคลื่น รวมถึงมีกิจกรรมทางน้ำให้เลือกทำเพียบ

          สถานที่ท่องเที่ยวเกาะล้าน เช่น หาดตาแหวน, หาดนวล, หาดตายาย, หาดทองหลาง, หาดสังวาลย์, หาดเทียน, จุดชมวิวเขาหน้ายักษ์หาดแสม, สะพานไม้หาดแสม, อาคารอนุรักษ์พลังงาน (ตึกปลากระเบน), ธุดงค์สถานเฉลิมพระเกียรติ และเจ้าแม่กวนอิม เป็นต้น

2. เกาะสีชัง

          เกาะชื่อดังอีกแห่งหนึ่งของชลบุรี สามารถไปเที่ยวได้ทั้งแบบไปเช้า-เย็นกลับ หรือค้างคืนดื่มด่ำกับธรรมชาติสวย ๆ เพราะบนเกาะมีสถานที่ท่องเที่ยวให้ไปเยี่ยมชมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการไปสักการะ “ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่” สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านบนเกาะสีชังให้ความเคารพนับถืออย่างมาก, ขึ้นไป “มณฑปรอยพระพุทธบาท” จุดชมวิวเกาะสีชังในมุมสูง ซึ่งสามารถมองเห็นวิวท้องทะเลได้ไกลสุดลูกหูลูกตา

          ชม “พิพิธภัณฑ์พระจุฑาธุชราชฐาน” ที่แต่เดิมเดิมทีเป็นที่ประทับแปรพระราชฐานฤดูร้อนของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระราชวงศ์, โพสต์ท่าถ่ายรูปที่ “ช่องเขาขาด” มีลักษณะเป็นช่องโหว่ ที่มีการสร้างสะพานเลียบหน้าผา เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้นั่งชมวิวรับลมทะเลเย็น ๆ และชมพระอาทิตย์ตกดินลงทะเลอย่างงดงาม และไปเล่นน้ำทะเลที่ “หาดถ้ำเขาพัง” ชายหาดกว้างและสะอาด

3. บางแสน

          แหล่งพักผ่อนหย่อนใจสุดคลาสสิกตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งทุกวันหยุดจะคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยว เนื่องจากเป็นชายหาดขนาดใหญ่ที่ใกล้กรุงเทพฯ สามารถเดินทางแบบไปเช้า-เย็นกลับได้สบาย ๆ หาดบางแสนมีความยาวต่อเนื่องกันถึง 4.5 กิโลเมตร โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ “หาดบางแสน” เป็นช่วงกลางของหาดและเป็นจุดที่นิยมลงเล่นน้ำกัน มีถนนตัดเลียบหาดเคียงคู่ไปกับทิวมะพร้าว ถัดเข้าไปมีร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก และที่พักเรียงรายอยู่จำนวนมาก

          ถัดมาคือ “แหลมแท่น” เป็นช่วงเหนือสุดของหาด มีโขดหินสวยงาม ลงเล่นน้ำไม่ได้ แต่ช่วงเย็น ๆ จะมีพ่อค้าแม่ค้ามาตั้งร้านขายของกินต่าง ๆ และส่วนสุดท้ายคือ “หาดวอนนภา” เป็นชายหาดตอนใต้สุด บรรยากาศเงียบสงบ มีหมู่บ้านประมงพื้นถิ่นเล็ก ๆ กระจายอยู่ห่าง ๆ กัน และช่วงเย็น ๆ ชาวบ้านมักไปปูเสื่อปิกนิกนั่งเล่นชิล ๆ กันด้วย

4. พัทยา

          เมืองท่องเที่ยวชายทะเลที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ และเป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลก เพราะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติแวะเวียนไปเที่ยวพักผ่อนอยู่เสมอ โดยเป็นหาดทรายที่มีความยาวต่อเนื่อง แบ่งเป็นพัทยาเหนือ พัทยากลาง และพัทยาใต้

          โดย “หาดพัทยาเหนือ” เป็นบริเวณที่สงบกว่าส่วนอื่น นักท่องเที่ยวที่ต้องการความเป็นส่วนตัวนิยมไปเล่นน้ำพักผ่อน หรือเล่นกีฬาทางน้ำต่าง ๆ ส่วนชาย “หาดพัทยากลาง” จะคึกคักคับคั่งกว่า เพราะเป็นย่านธุรกิจ ร้านค้า โรงแรม ห้างสรรพสินค้า ร้านขายของที่ระลึก และแหล่งบันเทิงครบวงจร และ “หาดพัทยาใต้” ถือเป็นศูนย์รวมความเจริญและแสงสี ยามค่ำคืนมีการปิดถนนเป็น Walking Street ให้นักท่องเที่ยวเดินช้อปปิ้งได้

          สถานที่ท่องเที่ยวพัทยา เช่น หาดจอมเทียน หาดเงียบสงบ นักท่องเที่ยวนิยมมาเล่นกิจกรรมทางน้ำต่าง ๆ, จุดชมวิว เขาส.ทร.5 พัทยา จุดชมวิวยอดฮิตของพัทยา สามารถมองเห็นเมืองพัทยาสุดสายตา, สวนนงนุชพัทยา สถานที่ชื่นชมความงามความยิ่งใหญ่ของสวนสวยระดับโลกกว่า 50 สวน จัดตกแต่งด้วยต้นไม้นานาพรรณจากทั่วโลก มีไฮไลต์อยู่ที่หุบเขาไดโนเสาร์ ที่มีการจำลองบรรยากาศย้อนยุคสัตว์โลกดึกดำบรรพ์สุดตระการตา และสวนน้ำรามายณะ สวนน้ำคลายร้อนสุดสนุก

5. สัตหีบ

          อำเภอน่าเที่ยวของภาคตะวันออก ที่รวยเสน่ห์ด้วยสถานที่ท่องเที่ยวทางทะเล มีทั้งชายหาด เกาะแก่งต่าง ๆ รวมถึงมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ อีกมากมาย ทำให้นักท่องเที่ยวเป็นจำนวนไม่น้อยเลือกที่จะไปเที่ยวพักผ่อนชิล ๆ ที่สำคัญยังเป็นเป็นเมืองแห่งฐานทัพเรืออีกด้วย

ภาพจาก MooNam StockPhoto / Shutterstock.com

          ที่เที่ยวทะเลสัตหีบขึ้นชื่อ เช่น อุทยานใต้ทะเลเกาะขาม เกาะขามที่อยู่ในความดูแลของกองทัพเรือ ทำให้ธรรมชาติท้องทะเลของที่นี่สวยงาม, เกาะแสมสาร เกาะเล็ก ๆ ที่เป็น 1 ใน 9 เกาะในโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยเปิดให้เกาะแสมสารเป็นแหล่งเรียนรู้และท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และไม่อนุญาตให้ค้างคืนบนเกาะ, หาดเตยงาม หาดทรายสีขาวที่ทอดยาวสุดสายตา มีน้ำทะเลที่ใสงดงามกับธรรมชาติรอบ ๆ และหาดทรายแก้ว แหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่สวยงามไม่แพ้ที่ไหน ๆ ทั้งยังคงอุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติ เป็นต้น

ภาพจาก Panwasin seemala / Shutterstock.com

จังหวัดระยอง

6. เกาะเสม็ด

          สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดระยอง ตั้งอยู่ในเขตตำบลเพ อำเภอเมืองระยอง ห่างจากชายฝั่งบ้านเพประมาณ 6-7 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพฯ-ท่าเรือบ้านเพ เพียงแค่ประมาณ 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น แล้วยังมีรถโดยสารประจำทางไปส่งถึงท่าเรือ การเดินทางสะดวกสบายง่ายดาย อีกทั้งเกาะเสม็ดยังมีธรรมชาติของท้องทะเลที่สวยงามไม่น้อยหน้าเกาะไหน ๆ ในไทย ที่นี่จึงเป็นสวรรค์ของคนที่อยากไปพักผ่อนในวันหยุด ที่สำคัญที่พักเกาะเสม็ดยังมีให้เลือกหลากแบบหลายราคา ตามงบประมาณในกระเป๋า

ภาพจาก Nonchanon / Shutterstock.com

          สถานที่ท่องเที่ยวเกาะเสม็ด เช่น อ่าวน้อยหน่า เป็นที่จอดเรือท่องเที่ยว พร้อมกับชุมชนหมู่บ้านเกาะเสม็ด, หาดทรายแก้ว หาดทรายที่สวยที่สุดของเกาะเสม็ด อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะ, อ่าววงเดือน ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกของเกาะ มีลักษณะเป็นชายหาดโค้ง รูปร่างคล้ายเสี้ยวพระจันทร์ ยาวประมาณ 500 เมตร

          แหลมเรือแตก มีลักษณะเป็นแนวหน้าผาและโขดหินริมทะเล เป็นสถานที่ชมวิวพระอาทิตย์ตกดินที่มีชื่อเสียง และอ่าวไผ่ ชายหาดที่เต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร ผับ บาร์ มีเสื่อสานให้นักท่องเที่ยวนั่งชมวิว และชมการแสดงกระบองไฟ เป็นต้น ขณะที่ทางด้านตะวันตกมีหาดทรายอยู่เพียงแห่งเดียว คือ อ่าวพร้าว

7. หมู่เกาะมัน

          หมู่เกาะมัน ตั้งอยู่ในเขตตำบลกร่ำ อำเภอแกลง ประกอบไปด้วย 3 เกาะ คือ เกาะมันใน เกาะมันกลาง และเกาะมันนอก ซึ่งแต่ละเกาะก็มีความสวยงามแตกต่างกันไป แต่มีท้องทะเลที่สวยงามและหาดทรายขาวสะอาดเหมือนกัน พร้อมทั้งยังมีบรรยากาศเงียบสงบ เหมาะแก่การพักผ่อน

          - เกาะมันใน มีขนาดใหญ่และอยู่ใกล้ฝั่งที่สุด บรรยากาศเงียบสงบ เป็นที่ตั้งของศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเลในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ไม่มีที่พัก ไม่สามารถค้างคืนได้ แต่มาเที่ยวชมได้ บางช่วงที่น้ำลดจะได้ชมทะเลแหวก

          - เกาะมันกลาง ห่างจากเกาะมันในประมาณ 500 เมตร มีที่พัก 1 แห่ง รอบ ๆ เกาะรายล้อมไปด้วยแนวปะการังสวย ๆ มากมาย เป็นจุดดำน้ำตื้นที่ดีอีกแห่งหนึ่ง บนเกาะมีชายหาดสั้น ๆ สลับ ๆ กับโขดหินน้อยใหญ่ น้ำทะเลสวยใส บรรยากาศเงียบสงบและร่มรื่น ในบางช่วงจะมีทะเลแหวกน้อย ๆ ให้ได้เดินเที่ยวชม

          - เกาะมันนอก อยู่ในความดูแลของกองทัพเรือไทย ห่างจากฝั่งราว ๆ 11 กิโลเมตร เป็นเกาะที่เล็กที่สุดในบรรดาหมู่เกาะมัน มีที่พัก 1 แห่ง มีหาดทรายสวย เนื้อทรายขาวเนียนละเอียด น้ำทะเลเป็นสีฟ้าเทอร์ควอยซ์ใส บรรยากาศเงียบสงบ

8. ทุ่งโปรงทอง

          แหล่งท่องเที่ยวที่ซ่อนความสวยงามของธรรมชาติเอาไว้ สำหรับ  “ทุ่งโปรงทอง” ซึ่งเป็นบริเวณป่าชายเลนริมทะเลประแส อำเภอแกลง ที่มีการปลูกต้นโปรงไว้เป็นจำนวนมาก มองไปได้ไกลสุดลูกหูลูกตา โดยจะมีทางเดินไม้ระยะทางประมาณ 2.6 กิโลเมตร ลัดเลาะไปตามทุ่งโปรงทอง ให้นักท่องเที่ยวได้เดินถ่ายภาพกับทุ่งแห่งนี้กันอย่างใกล้ชิด

          โดยจะมีไฮไลต์อยู่ตรงจุดชมวิวให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปในมุมกว้าง และเส้นทางจะไปสิ้นสุดบริเวณอนุสรณ์เรือรบหลวงประแส สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเที่ยวชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00-18.00 น.

9. หาดแม่รำพึง

          หาดยอดนิยมทั้งจากคนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวต่างถิ่น ทำให้ในช่วงมันหยุดจะคึกคักไปด้วยผู้คน ชายหาดมีความยาว 12 กิโลเมตร โดยมีถนนเลียบชายหาดยาวขนาดกันไป อีกทั้งยังมีที่พักมากมาย ชายหาดเหมาะแก่การเล่นน้ำ เพราะมีความลาดชันน้อย แต่ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากบริเวณตอนกลางของหาดมีน้ำวน โดยปฏิบัติตามป้ายเตือนที่ติดตั้งไว้ เนื่องจากบางบริเวณเป็นแอ่งน้ำลึก อาจเกิดอันตรายได้ และไม่ควรเล่นน้ำในขณะคลื่นลมแรง

ภาพจาก ChutimaJ / Shutterstock.com

          นอกจากนี้ยังเป็นจุดชมวิวและชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามแห่งหนึ่งบนฝั่งอ่าวไทย ทั้งนี้การเดินทางไปยังหาดแม่รำพึงไม่ยุ่งยาก เพราะอยู่ห่างจากตัวเมืองระยอง ประมาณ 11 กิโลเมตร จากถนนสุขุมวิท มีทางแยกขวาบริเวณกิโลเมตรที่ 229 เข้าหาดแม่รำพึงได้เลย

10. เที่ยวเขตเมืองเก่า ณ ถนนยมจินดา

          ถนนยมจินดา ตั้งอยู่ภายในเทศบาลนครระยอง อำเภอเมืองระยอง เป็นถนนที่รายล้อมไปด้วยชุมชนเก่าแก่ บ้านเรือนบริเวณสองฟากฝั่งถนนจะเป็นบ้านไม้โบราณ บางบ้านมีการตกแต่งใหม่อย่างสวยงามแต่ยังคงความดั้งเดิมของสถาปัตยกรรมไว้ ปัจจุบันได้มีการปรับปรุงและพัฒนาให้ถนนเส้นนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยว

ภาพจาก Willhum / Shutterstock.com

          โดยเฉพาะในวันหยุดสุดสัปดาห์ ชาวบ้านจะเปิดบ้านต้อนรับนักท่องเที่ยวกันอย่างคึกคัก มีอาหารพื้นเมือง ขนมท้องถิ่น และสินค้าทำมือมาจำหน่ายในราคาย่อมเยา เป็นแหล่งท่องเที่ยวพักสมองที่ดีไม่น้อยหน้าที่ไหน ๆ เลยทีเดียว ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ถนนยมจินดา ระยอง เที่ยวเมืองเก่าระยอง
จังหวัดจันทบุรี

11. ชุมชนริมน้ำจันทบูร / อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล

          ย่านเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ริมฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจันทบุรี เป็นชุมชนชาวจีนและญวนมาตั้งแต่สมัยต้นรัตนโกสินทร์ และรุ่งเรืองมากในสมัยรัชกาลที่ 5 สามารถเดินเที่ยวชมบรรยากาศย้อนยุคอย่างสบาย ๆ มองหาอาคารเรือนแถวที่สร้างตามแบบโคโลเนียล ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมลูกครึ่งฝรั่งผสมจีน ลักษณะอาคารเรียงโค้งกันเป็นแถว และประดับชายคาด้วยแป้นไม้แกะฉลุลวดลายโปร่งตา ที่ยังคงสวยงามนับตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบัน

          สำหรับจุดถ่ายรูปสุดฮิต เช่น บ้านหลวงราชไมตรี, บ้าน 69 ศูนย์การเรียนรู้ริมน้ำจันทบูร, ร้านไอศกรีมตราจรวด, ร้านขายยาโบราณจังกวนอัน และร้านขายของที่ระลึกต่าง ๆ เป็นต้น แต่ละร้านมีเอกลักษณ์และความน่าสนใจแตกต่างกันไป บอกเลยว่าใครลองไปเดินต้องติดใจ

ภาพจาก Bangprikphoto / Shutterstock.com

          นอกจากนี้ใกล้ ๆ กันยังเป็นที่ตั้งของ “อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล” ตั้งอยู่ในบริเวณโรงเรียนสตรีพิทักษ์ นับเป็นโบสถ์คาทอลิกขนาดใหญ่ที่มีความเก่าแก่ และกล่าวกันว่ามีความงดงามมากที่สุดในประเทศ ด้วยความงามของสถาปัตยกรรมตะวันตกแบบโกธิค และภายในตกแต่งด้วยลวดลายฉลุ กระจกสเตนกลาสหรือกระจกสี และภาพนักบุญต่าง ๆ รวมถึงเป็นที่ประดิษฐานองค์พระนางมารีอาประดับพลอย 200,000 เม็ด หนึ่งเดียวในโลกอีกด้วย

12. หาดเจ้าหลาว

          ชายหาดที่มีชื่อเสียงของเมืองจันท์ ตั้งอยู่ที่ตำบลคลองขุด อำเภอท่าใหม่ ทางด้านตะวันออกของอ่าวคุ้งกระเบน และอยู่ก่อนถึงตัวเมืองจันทบุรี 60 กิโลเมตร ชายหาดมีลักษณะทอดยาวขนานไปกับท้องทะเล พร้อมทั้งแนวสนสูงอันร่มรื่นตลอดแนวชายหาดสีแดงละเอียด ซึ่งเป็นลักษณะพิเศษของหาดทรายเมืองจันท์ แต่น้ำทะเลใส เหมาะแก่การลงเล่นน้ำทะเล

          นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมทางน้ำให้เลือกสนุกสนานหลายแบบ พร้อมทั้งมีรีสอร์ต โรงแรมติดชายหาดเปิดให้บริการหลายแห่ง ที่นี่จึงได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวค่อนข้างมาก การเดินทางมาเที่ยวง่ายดายและปลอดภัย

13. อ่าวคุ้งกระเบน

          สถานที่สำคัญสำหรับศึกษาค้นคว้าและวิจัย เพื่อเป็นแนวทางการพัฒนาที่เหมาะสมต่อสภาพพื้นที่ชายฝั่งจังหวัดจันทบุรีโครงการหนึ่งที่ศูนย์ทำขึ้น เพื่อให้ประชาชนที่สนใจเข้ามาศึกษาสภาพธรรมชาติ ก่อให้เกิดความเข้าใจระบบนิเวศในป่าชายเลน และรู้จักใช้ทรัพยากรเหล่านั้นให้เกิดประโยชน์สูงสุด คือ “สะพานเดินศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนอ่าวคุ้งกระเบน” ตั้งอยู่ตรงข้ามศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริใช้เวลาเพียง 30-45 นาที

ภาพจาก Thisislove / Shutterstock.com

          บนเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ระยะทาง 1,600 เมตร มีจุดสื่อความหมายธรรมชาติอยู่ตามบริเวณจุดต่าง ๆ เป็นแหล่งอาหารธรรมชาติ ตลอดจนแหล่งสมุนไพรสำหรับชุมชนที่อาศัยอยู่โดยรอบอีกด้วย

14. น้ำตกพลิ้ว

          แหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจที่ตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว ในเขตอำเภอแหลมสิงห์ เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่มีความสวยงาม มีน้ำตลอดปี ครั้งหนึ่งในอดีตพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) เสด็จประพาสน้ำตกแห่งนี้หลายครั้ง ในระหว่างปี พ.ศ. 2417-2424 อีกด้วย

          น้ำตกพลิ้ว ประกอบด้วยสายธาร 2 สาย สายหนึ่งไหลลดหลั่นผ่านซอกหินผา อีกสายหนึ่งมีขนาดเล็กกว่า แต่ทิ้งตัวลงมาจากผาสูง ทั้งสองสายไหลมารวมกันในแอ่งน้ำใสสะอาด ภายในบริเวณน้ำตกและลำคลอง มีปลาใหญ่น้อยหลายชนิดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เป็นที่ตื่นตาแก่ผู้ที่ไปท่องเที่ยว และยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่น่าสนใจ ไว้ให้ประชาชนทั่วไปได้เรียนรู้ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว

15. เที่ยวสวนผลไม้

           จันทบุรีเป็นจังหวัดที่ขึ้นชื่อในเรื่องของผลไม้ ที่นี่จึงมีสวนผลไม้ขึ้นชื่อมากมาย ทั้งสวนรัฐไท (9 สวนอินทรีย์), สวนเคพี การ์เด้น (KP Garden), สวนสละเฮียถึก, สวนโถทอง, ท่าใหม่ฟาร์ม & โฮมสเตย์, สวนรินรดี และสวนอรุณบูรพา เป็นต้น เอาไว้ให้บริการนักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมและรับประทานผลไม้สด ๆ จากต้นได้อย่างไม่อั้น ทั้งทุเรียน มังคุด เงาะ ลองกอง ที่ละลานตาจนเลือกแทบไม่ถูกกันเลยทีเดียว และเป็นประจำทุกปีกับ “อร่อยทุกไร่ ชิมไปทุกสวน” ซึ่งก็มีผลไม้อร่อย ๆ จากสวนผลไม้จันทบุรีมาให้ชิมแบบไม่อั้น

จังหวัดตราด

16. เกาะช้าง

          เกาะที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศไทย เจ้าของฉายาอัญมณีของท้องทะเลตราด อุดมด้วยแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ใครอยากสัมผัสเกาะช้างในบรรยากาศที่เงียบสงบ แนะนำให้มาบริเวณหาดทางตอนใต้ หรือใครที่อยากสัมผัสสีสันความสนุกคึกคัก แนะนำว่าให้มาบริเวณชายฝั่งตะวันตกของเกาะ

          ชายหาดที่มีชื่อเสียงของเกาะช้าง ได้แก่ หาดคลองสน, หาดทรายขาว, หาดคลองพร้าว และหาดไก่แบ้ เป็นต้น โดยแต่ละหาดจะเชื่อมยาวถึงกัน แถมบริเวณรอบ ๆ เกาะช้าง ก็ยังมีเกาะน้อยใหญ่สวย ๆ อีกมากมายที่สวยงามไม่แพ้กัน เช่น เกาะช้างน้อย, เกาะเหลายา, เกาะคลุ้ม, เกาะง่าม และเกาะหมาก เป็นต้น บอกเลยว่าธรรมชาติแต่ละเกาะ สวยงามประทับใจคนไปเที่ยวแน่นอน

17. เกาะกูด

          เกาะที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองรองจากเกาะช้าง ฟินไปกับหาดทรายและน้ำทะเลใสราวมรกต ที่นี่นักท่องเที่ยวจะได้พักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ รวมถึงยังมีน้ำตก และป่าชายเลนที่สวยงามและสมบูรณ์

          แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจของเกาะกูด ได้แก่ “หาดบางเบ้า” หาดที่สามารถชมพระอาทิตย์ตกได้สวยงามที่สุดหาดหนึ่งบนเกาะกูด, “อ่าวคลองเจ้า” สนุกไปกับการเที่ยวน้ำตกอ่างคลองเจ้า น้ำตกที่สวยที่สุดบนเกาะ, “อ่าวตะเภา” หาดสวยน้ำใส ลงเล่นน้ำได้โดยรอบบริเวณชายหาด และ “อ่าวพร้าว” ชายหาดที่ล้อมรอบด้วยสวนมะพร้าวร่มรื่น เป็นต้น

18. เกาะหมาก

          เกาะที่มีบรรยากาศเงียบสงบ ตั้งอยู่ระหว่างเกาะช้างและเกาะกูด เสน่ห์ของเกาะหมากอยู่ที่ความเงียบสงบ ไม่ค่อยมีสถานที่ท่องเที่ยวบันเทิงมากนัก น้ำทะเลใสแจ๋ว จะเล่นน้ำหรือชมปะการังสวย ก็ทำได้จุใจ แนะนำว่าการไปเที่ยวเกาะหมากควรไปเที่ยวแบบค้างคืน เพราะว่าตัวเกาะอยู่ห่างจากฝั่งค่อนข้างมาก ซึ่งนักท่องเที่ยวควรซื้อแพ็กเกจจากทางที่พักบนเกาะหมากไปก่อนล่วงหน้า จะเป็นการสะดวกที่สุด

          สำหรับกิจกรรมห้ามพลาดบนเกาะหมาก นั่นคือ การดำน้ำ ซึ่งจุดที่สามารถดำน้ำชมปะการังได้อย่างสวยงาม ได้แก่ บริเวณหมู่เกาะรัง, เกาะยักษ์ใหญ่, เกาะยักษ์เล็ก และเกาะมะปริง เป็นต้น

19. จุดชมวิวแหลมงอบ

          อีกหนึ่งจุดเช็กอินไม่ควรพลาดของตราด ตั้งอยู่ที่อำเภอแหลมงอบ เป็นท่าเรือเก่าแก่ของตราด ไม่ว่าใครจะไปเที่ยวเกาะช้างก็ต้องมาต่อเรือที่จุดนี้ แต่ปัจจุบันได้ยกเลิกใช้แล้ว แต่ก็ยังเป็นจุดชมวิวที่สวยงามและน่ามาเช็กอิน มี “ประภาคารสูง”สัญลักษณ์สำคัญตั้งอย่างโดดเด่น และ “ป้ายสุดแผ่นดินตะวันออก” ให้ได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ที่สำคัญจุดนี้ยังเป็นจุดที่สามารถชมพระอาทิตย์ตกดินได้อย่างสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของทางฝั่งตะวันออกเลยทีเดียว

          ใกล้ ๆ กันบริเวณท่าเรือกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เป็นที่ตั้งของ “อนุสรณ์สถานยุทธนาวีที่เกาะช้าง” เหตุการณ์สำคัญมากในประวัติศาสตร์ไทย เป็นการสู้รบของกองทัพเรือไทยกับกองกำลังเรือของฝรั่งเศสในช่วงปี พ.ศ. 2484 ถือเป็นการสู้รบทางเรือแบบสากลครั้งเดียวในประวัติศาสตร์ชาติไทย เพื่อเป็นการรำลึกถึงเหตุการณ์ของทหารผู้กล้าที่ร่วมรบในครั้งนี้ จึงได้มีอนุสรณ์สถานยุทธนาวีที่เกาะช้าง โดยจะมีพิพิธภัณฑ์จัดแสดงถึงเหตุการณ์ยุทธนาวีที่เกาะช้าง รวมทั้งมีสวนสุดร่มรื่นให้ได้นั่งชมวิวท้องทะเลสุดชิลอีกด้วย

20. บ้านน้ำเชี่ยว

          ตัวอย่างที่โดดเด่นในด้านวิถีชีวิตและวัฒนธรรม ตั้งอยู่ในตำบลน้ำเชี่ยว อำเภอแหลมงอบ เป็นชุมชนชาวบ้านในหมู่บ้านมีการนับถือศาสนาที่แตกต่างกัน แต่ก็สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข นักท่องเที่ยวจะได้เดินเที่ยวชมวิถีชีวิตสุดเรียบง่าย เยี่ยมชมทั้งมัสยิด วัดเก่าแก่ภายในชุมชน ได้ร่วมกิจกรรมสุดสนุกสนานทั้งการนั่งเรือชมป่าชายเลนและปากอ่าว การทำเครื่องจักสานท้องถิ่นอย่างหมวกงอบ พร้อมทั้งกินอาหารพื้นเมืองสุดฟิน และมีโฮมสเตย์ไว้รองรับนักท่องเที่ยว

ภาพจาก Suriya Desatit / Shutterstock.com

จังหวัดฉะเชิงเทรา

21. วัดโสธรวรารามวรวิหาร

          วัดสำคัญของจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง คือ “หลวงพ่อพุทธโสธร” พระพุทธรูปอันเป็นที่เคารพสักการะของชาวแปดริ้ว และคนต่างบ้านต่างเมืองมาแต่อดีตกาล สร้างขึ้นโดยฝีมือของช่างล้านช้าง เชื่อกันว่าพระพุทธรูปรูปองค์นี้มีความศักดิ์สิทธิ์มาก ดลบันดาลให้พืชพันธุ์ธัญญาหาร อุดมสมบูรณ์ ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ
          สำหรับสถานที่ประดิษฐานหลวงพ่อโสธร จะเปิดให้เข้าชมเฉพาะในส่วนของวิหารจำลอง เนื่องจากทางคณะกรรมการวัดมีมติให้รื้อพระอุโบสถหลังเก่า ซึ่งมีสภาพทรุดโทรมและคับแคบ แล้วสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ พร้อมกับอัญเชิญพระพุทธโสธรองค์จำลองไปประดิษฐานไว้เพื่อเปิดให้ประชาชนได้นมัสการตามปกติ

22. วัดสมานรัตนาราม

          หรือเป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวว่า “วัดพระพิฆเนศ ” ตั้งอยู่ที่ตำบลก้อนแก้ว อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา มีไฮไลต์อยู่ที่องค์พระพิฆเนศปางนอนเสวยสุข เนื้อองค์เป็นสีชมพู ทั้งยังเป็นพระพิฆเนศองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ขึ้นชื่อในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ เมื่อมีผู้ใดมาขอพรก็มักจะสุขสมหวังได้ดังใจปรารถนา และภายใต้ฐานพระพิฆเนศ เป็นพิพิธภัณฑ์แสดงเกี่ยวกับพระพิฆเนศปางต่าง ๆ พร้อมทั้งเปิดให้ประชาชนทั่วไปเช่าพระพิฆเนศไปบูชาที่บ้านได้อีกด้วย

ภาพจาก neotemlpars / Shutterstock.com

23. ตลาดคลองสวน 100 ปี

          ตลาดสุดคลาสสิค ตั้งอยู่ในเขต 2 จังหวัด (สมุทรปราการ-ฉะเชิงเทรา) มีสะพานไม้เล็ก ๆ ข้ามคลองประเวศน์บุรีรมย์เป็นเขตแดน ไม่ว่าใครที่มาเที่ยวที่นี่ เป็นต้องไม่พลาด “เป็ดพะโล้” ไม่ว่าจะเป็นก๋วยเตี๋ยวเป็ดพะโล้ หรือเป็ดพะโล้เป็นตัว ๆ ขอบอกได้คำเดียวว่าอร่อยจริง ๆ นอกจากนี้ยังมีของกินอร่อยขึ้นชื่ออีกมากมาย เช่น ไข่เค็ม, กุนเชียง, แคบหมู, ขนมเปี๊ยะ หรือจะเป็นพวกเบเกอรี ก็มีให้เลือกเอาไว้เป็นของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้าน เปิกทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-16.00 น. ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก  ตลาดเก่าคลองสวน100ปี ฉะเชิงเทรา

ภาพจากChirawan Thaiprasansap / Shutterstock.com

24. ตลาดโบราณนครเนื่องเขต

          ตลาดโบราณที่พาทุกคนย้อนเวลากลับไปร่วมร้อยปี เพื่อสัมผัสกับบรรยากาศของชุมชนริมคลองเนื่องเขตในอดีต ซึ่งเป็นลำคลองที่มีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ในยุคนั้นสองฟากฝั่งคลองกระหนาบไปด้วยเรือนไม้และตลาดการค้าระหว่างชุมชนชาวไทย-จีน โดยมีไฮไลต์อยู่ที่การเดิน ชม ช้อป และชิมของอร่อยท่ามกลางบรรยากาศของเรือนไม้โบราณ เช่น ก๋วยเตี๋ยวหมู ก๋วยเตี๋ยวปากหม้อ ขนมโบราณ และขนมจีน เป็นต้น

          ตลาดเปิดทุกวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ตลาดโบราณนครเนื่องเขต

ภาพจาก Sombat Muycheen / Shutterstock.com

25. หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา ฉะเชิงเทรา

          หนึ่งในหอดูดาวภูมิภาคสำหรับประชาชนจากจำนวน 5 แห่งในภูมิภาคต่าง ๆ ได้แก่ นครราชสีมา ฉะเชิงเทรา สงขลา ขอนแก่น และพิษณุโลก โดยเน้นให้เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้เรื่องดาราศาสตร์ รวมทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวิชาการ มีอาคารท้องฟ้าจำลองสำหรับฉายท้องฟ้าจำลองด้วยระบบดิจิตอลความละเอียดสูง รองรับผู้เข้าชมได้ครั้งละ 50 คน มีห้องนิทรรศการ จัดแสดงเกี่ยวกับดวงดาวต่าง ๆ ด้านหลังเป็นอาคารหอดูดาว มีกล้องโทรทรรศน์หลายขนาดและลานสำหรับจัดกิจกรรมดูดาวด้วยนะ

ภาพจาก Song II / Shutterstock.com

          หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา ฉะเชิงเทรา เปิดทุกวันอังคาร-อาทิตย์ (ปิดวันจันทร์) ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. (วันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 09.00-22.00 น.) ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา ฉะเชิงเทรา
จังหวัดปราจีนบุรี

26. เจ้าพระยาอภัยภูเบศร

          อาคารสีเหลืองสไตล์บารอคริมแม่น้ำปราจีนบุรี ด้วยความสวยงามของตัวอาคารทำให้ที่นี่มีเสน่ห์ดึงดูดให้กับผู้ที่มาเยี่ยมเยือนอยู่เสมอ จากเดิมที่ความตั้งใจของเจ้าพระยาอภัยภูเบศรใช้ทรัพย์สินส่วนตัวสร้างตึกหลังนี้ เพื่อเป็นที่ประทับรับเสด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แต่ทรงสวรรคตไปเสียก่อน ต่อมาจึงใช้เพื่อรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และเชื้อพระวงศ์อีกหลายพระองค์ จนถึงปี พ.ศ. 2482 อาคารหลังนี้ก็ได้ถูกมอบให้ทางราชการใช้เป็นอาคารพักผู้ป่วย และได้รับการบูรณะปรับเปลี่ยนการใช้งานอาคารมาเรื่อย ๆ

ภาพจาก SP rabbito / Shutterstock.com

           จน “ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร” หลังนี้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์การแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร ที่คอยให้คำแนะนำการใช้ยาสมุนไพร โดยมีแพทย์เฉพาะทางดูแลอย่างใกล้ชิด เรียกได้ว่าถ้าใครมีอาการเจ็บป่วยตรงไหนอย่างไร ก็สามารถมาสอบถามกันได้โดยตรงจากที่นี่ ทั้งนี้ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ abhaiherb.com

27. วัดแก้วพิจิตร

          ไปชมความงดงามของพระอุโบสถ 4 สัญชาติ ณ วัดแก้วพิจิตร ตั้งอยู่ริมแม่น้ำบางปะกง ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมืองปราจีนบุรี โดดเด่นด้วยพระอุโบสถสีชมพู สถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างศิลปะไทย-จีน-ยุโรป-กัมพูชา โดยศิลปะแบบกัมพูชานั้นจะอยู่ที่บริเวณซุ้มประตู ศิลปะยุโรปอยู่ที่เสาโรมัน ลวดลายบนหัวเสาโดยรอบ พร้อมด้วยกรอบหน้าต่างแบบโบสถ์คริสต์ ศิลปะไทยอยู่ที่รูปทรงของพระอุโบสถ ลงรักปิดทอง พร้อมการตกแต่งด้วยช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์

          ส่วนศิลปะจีนนั้นจะอยู่ที่ลวดลายมังกรบนกำแพงทั้ง 4 ด้าน ภายในพระอุโบสถมีภาพวาดจิตรกรรมฝาผนังสวยงาม พระประธาน คือ พระอภัยทาน (พระอภัยวงศ์) พระพุทธรูปองค์สีดำ อายุมากกว่า 100 ปี เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวบ้าน เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเที่ยวชมทุกวัน

28. ล่องแก่งหินเพิง

          สถานที่ล่องแก่งยอดนิยมอันดับต้น ๆ ของเมืองไทย อยู่ภายในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ในแต่ละปีจังหวัดปราจีนบุรีจะมีการจัด “เทศกาลล่องแก่งหินเพิง” ตลอดทุกช่วงฤดูฝน

ภาพจาก Film photo / Shutterstock.com

          โดยแก่งหินเพิงมีลักษณะเป็นลำน้ำใสใหญ่ ต้นธารน้ำมีต้นกำเนิดจากยอดเขาใหญ่แล้วไหลเรื่อยมาจนถึงบริเวณแก่งหินเป็นระยะทางกว่า 80 กิโลเมตร แต่ส่วนที่นักท่องเที่ยวสามารถใช้เป็นกิจกรรมล่องแก่งได้เป็นระยะทางสั้น ๆ เพียงแค่ 3-4 กิโลเมตร ตรงบริเวณส่วนปลายของลำน้ำ โดยส่วนใหญ่แล้วเจ้าหน้าที่จะพายเรือยางของเราผ่านแก่งสำคัญ ๆ เช่น แก่งหินเพิง, แก่งผักหนามล้อม, แก่งวังบอน และแก่งงูเห่า เป็นต้น สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทสไทย สำนักงานนครนายก (พื้นที่รับผิดชอบ นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว) โทรศัพท์ 037 312282 , 037 312284

29. ดาษดาแกลเลอรี่

          หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวโดดเด่นของจังหวัดปราจีนบุรี ที่จะทำให้นักท่องเที่ยวประทับใจกับความสุขสดชื่น ความสวยงาม สำหรับผู้ที่รักและชื่นชอบดอกไม้ ภายในจัดแสดงสวนดอกไม้ในเรือนกระจกขนาดใหญ่ ทุก ๆ โอกาสพิเศษหรือเทศกาลสำคัญในรอบปี เช่น งานปีใหม่ วันวาเลนไทน์ ทางดาษดาแกลอรี่จะมีการจัดนิทรรศการดอกไม้ ซึ่งในแต่ละปีจะมีการจัดธีมงานที่ไม่ซ้ำแบบกันเลยทีเดียว

          นอกจากสวนดอกไม้สวย ๆ ที่ต่างหมุนเวียนสับเปลี่ยนกันมาให้ชมแล้วนั้น ภายในยังมี Dasada Gallery Shop ร้านจำหน่ายดอกไม้ของของชำร่วย ที่ตกแต่งด้วยชิงช้าน้องหมีคู่สุดน่ารัก และร้านกาแฟและไอศกรีม ลา ลันลา ขายเบเกอรี่ กาแฟ และไอศกรีมจากดอกไม้หลากหลายรสชาติ ทั้งนี้สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก dasadaflower

30. อ่างเก็บน้ำนฤบดินทรจินดา

          ตั้งอยู่ที่ตำบลแก่งดินสอ อำเภอนาดี เป็นอ่างเก็บน้ำพระราชดำริอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพื่อหวังให้ช่วยบรรเทาปัญหาน้ำท่วม-ภัยแล้ง รักษาระบบนิเวศในแม่น้ำปราจีนบุรี-บางปะกง เป็นแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคของราษฎร

          อีกทั้งยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ ซึ่งสามารเข้ามาเที่ยวชมความงดงามของอ่างเก็บน้ำที่มีภูเขาอยู่เบื้องหลังได้ตลอดทั้งปี หรือจะเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่อยู่ใกล้เคียง อย่างอุทยานแห่งชาติปางสีดาก็สามารถเดินทางไปได้
จังหวัดสระแก้ว

31. ปราสาทสด๊กก๊อกธม

          โบราณสถานที่สำคัญของจังหวัดสระแก้ว ตั้งอยู่ที่บ้านหนองเสม็ด ตำบลโคกสูง อำเภอตาพระยา ตัวปราสาทเป็นรูปแบบขอม สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในช่วงพุทธศตวรรษที่ 14 เพื่อประกอบพิธีกรรมตามคติความเชื่อในศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย ตัวปราสาทก่อขึ้นด้วยหินทราย มีปรางค์ประสานตั้งอย่างสง่างามอยู่ตรงกลาง ซุ้มประตูจะเหลือเพียงด้านทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ด้านนอกปราสาทมีสระน้ำอยู่ทางด้านตะวันออก ซึ่งเชื่อมโยงกับชื่อของปราสาทที่แปลว่า เมืองที่มีต้นกกขึ้นรกในหนองน้ำใหญ่นั่นเอง

32. ตลาดโรงเกลือ

          แหล่งช้อปปิ้งสินค้ามือหนึ่งและมือสอง รวมทั้งสินค้าราคาถูกที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย ซึ่งจะมีสินค้าหลากหลายประเภทให้ได้ไปเดินเลือกซื้อ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า, รองเท้า, เครื่องประดับ, กระเป๋า, เครื่องใช้ไฟฟ้า หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ฯลฯ โดยจะมีร้านค้ามากมายมาเปิดขายสินค้ากันอย่างละลานตา ซึ่งราคาก็จะถูกกว่าร้านค้าทั่วไป อีกทั้งยังมีบางร้านจำหน่ายสินค้าแบรนด์เนมมือสองในราคาย่อมเยาอีกด้วย

ภาพจาก Giftograph / Shutterstock.com

33. โรงเรียนควาย กาสรกสิวิทย์

          โรงเรียนที่ฝึกสอนกระบือหรือควายให้สามารถทำการเกษตรได้ โรงเรียนแห่งนี้ก่อเกิดจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้พระราชทานวโรกาสให้ นายสมจิตต์ และ นางมณี อิ่มเอย น้อมเกล้าฯ ถวายที่ดินตำบลศาลาลำดวน อำเภอเมืองสระแก้ว และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มูลนิธิชัยพัฒนา ดำเนินการจัดตั้งโรงเรียนนี้ขึ้นเพื่อฝึกกระบือให้ทำการเกษตร และเป็นแหล่งเรียนรู้ให้ผู้ที่สนใจได้มาเรียนรู้วัฒนธรรมการเกษตรท้องถิ่น และภูมิปัญญาชาวบ้าน

          นักท่องเที่ยวจะได้เดินเที่ยวชมนาข้าวอันกว้างใหญ่ ชมบ้านดินที่แสนเย็นฉ่ำ ชมการสาธิตการทำนาและการฝึกกระบือ รวมทั้งเรียนรู้วิถีชีวิตพอเพียง นอกจากนี้ก็มีร้านอาหาร ร้านกาแฟไว้บริการด้วย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โรงเรียนกาสรกสิวิทย์ โทรศัพท์ 0 3724 4615, 0 3724 4657, 08 8289 1299

34. อุทยานแห่งชาติปางสีดา

          สถานที่ชมผีเสื้อที่สวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย ซึ่งมีผีเสื้อมากกว่า 400 ชนิด ให้ได้ไปเที่ยวชมในช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคมของทุกปี ซึ่งนอกจากเทศกาลชมผีเสื้อปางสีดาแล้ว ภายในอุทยานแห่งชาติปางสีดาก็ยังมีแหล่งท่องเที่ยวสวย ๆ ให้ได้ไปเยือนตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็นทุ่งหญ้าบุตาปอด, น้ำตกปางสีดา, ลานหินดาด และจุดชมวิวกิโลเมตรที่ 25 เป็นต้น

35. ละลุ

          สถานที่ท่องเที่ยวสุดอันซีนแห่งหนึ่งของเมืองไทย ตั้งอยู่ที่บ้านเนินขามและบ้านคลองยาง ตำบลทัพราช อำเภอตาพระยา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องมาเช็กอินกันให้ได้ เพราะที่นี่ถือว่าเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของสระแก้วเลยทีเดียว

          ละลุมีลักษณะเป็นพื้นดินที่มีการยุบตัวจากการกัดเซาะของน้ำฝนและลม จนมีรูปร่างสวยงามแปลกตา มีพื้นที่ทั้งหมดราว ๆ 2,000 ไร่ ซึ่งจะแบ่งเป็นโซนต่าง ๆ ให้นักท่องเที่ยวได้เดินเที่ยวชม ในแต่ละปีละลุตามจุดต่าง ๆ ก็จะมีการเปลี่ยนรูปร่างหน้าตา เพราะจะมีการกัดเซาะของน้ำฝนและลมอยู่ทั้งปี แบบนี้ก็ต้องไปอัปเดตหน้าตาละลุกันบ่อย ๆ นะ

          และนี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวภาคตะวันออกเพียงไม่กี่แห่งที่เราหยิบนำมาแนะนำกัน เพราะจริง ๆ แล้วบนเส้นทางภาคตะวันออกยังมีที่เที่ยวสวย ๆ ธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ รวมถึงวิถีชีวิตที่เป็นเอกลักษณ์ของผู้คนอีกมากมายรอต้อนรับทุกคนอยู่นะ

หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้งก่อนเดินทาง

ขอบคุณข้อมูลจาก : ททท., park.dnp.go.th และ traveleastthailand.com
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
รวมมิตร 35 ที่เที่ยวภาคตะวันออก ทะเล น้ำตก มีครบจบในภาคเดียว อัปเดตล่าสุด 2 มีนาคม 2566 เวลา 13:33:07 123,653 อ่าน
TOP