x close

นักช้อปควรรู้ การทำ Tax Refund ของประเทศยอดนิยม

          พาไปทำความรู้จักกับ Tax Refund มันคืออะไร จำเป็นต้องดำเนินการหรือไม่ ในประเทศท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวไทย จะต้องดำเนินการอย่างไร ยุ่งยากหรือไม่ เรามีคำตอบ

          เวลาที่เราซื้อสินค้าจากห้างสรรพสินค้า หรือร้านค้าต่าง ๆ ส่วนมากแล้วราคาที่โชว์อยู่บนเชลฟ์จะบวกภาษีมูลค่าเพิ่ม (Value Added Tax หรือ VAT) เข้าไปแล้ว สำหรับประเทศไทยก็ 7 % แต่ถ้าต่างประเทศจะแตกต่างกันออกไป ซึ่งการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มนี้ส่วนมากก็จะให้แค่ผู้ที่พำนักในประเทศนั้น ๆ จ่ายเท่านั้น หมายความว่าถ้าหากว่าเราเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ เราก็สามารถขอคืนส่วนนี้ได้ด้วย หรือที่เราเรียกกันว่า Tax Refund นั่นเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับเกณฑ์การขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มของประเทศนั้น ๆ ด้วย งั้นมาลองดูกันค่ะว่าประเทศยอดฮิตของนักท่องเที่ยวชาวไทย เขามีการขอ Tax Refund กันอย่างไร

ประเทศญี่ปุ่น

ภาพจาก f11photo / Shutterstock.com

          ใครไปเที่ยวญี่ปุ่นแล้วไม่ช้อปปิ้ง บอกเลยว่าใจแข็งมาก! เพราะที่นี่มีสินค้าที่น่าซื้อน่าจับจองหลากหลายประเภท ตั้งแต่เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิก ไปจนถึงสินค้าอุปโภคบริโภค บางแบรนด์ก็ราคาถูกกว่าเมืองไทยเกือบครึ่ง มันก็ต้องสอยกลับมาเป็นธรรมดา แต่ทีนี้ราคาที่มักโชว์อยู่บนป้ายราคาก็มักจะบวกเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่มเข้าไปอีก 8 % ซึ่งส่วนนี้นักท่องเที่ยวจะสามารถขอคืนได้บางจำนวน ก็ต่อเมื่อ
 

          - เป็นนักท่องเที่ยวระยะสั้น กล่าวคือ ไม่ได้พำนักอยู่ในญี่ปุ่นเกิน 6 เดือน

          - ไม่ได้เป็นพลเมืองญี่ปุ่น

          - ไม่ได้ทำงานอยู่ที่ญี่ปุ่น

          - ซื้อสินค้าที่อยู่ในหมวดหมู่ของผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภค (อาหาร, ยา, เครื่องสำอางค์, เครื่องดื่ม, เครื่องใช้ไฟฟ้า, เสื้อผ้า ฯลฯ) โดยจะต้องซื้อภายในร้านค้าเดียวกัน วันเดียวกัน (ใบเสร็จเดียวกันด้วยจะดีที่สุด) และมีมูลค่ารวมเกินกว่า 5,000 เยน แต่ไม่เกิน 500,000 เยน

ภาพจาก Sean Pavone / Shutterstock.com

          วิธีการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม

          เมื่อเราซื้อสินค้าครบตามเกณฑ์แล้ว พอเวลาจะจ่ายเงิน ให้แจ้งกับพนักงานที่เคาน์เตอร์จ่ายเงินว่าต้องการทำ Tax Refund ทางร้านจะขอพาสปอร์ตของเรา จะต้องยื่นตัวจริงเท่านั้น บางร้านก็จะดำเนินการจ่ายเงินคืนให้กับนักท่องเที่ยว ณ ตรงนั้นเลย หรือบางร้านก็จะออกเอกสารมาให้ แล้วให้เราไปทำเรื่อง Tax Refund ที่เคาน์เตอร์ของร้าน หรือของห้างอีกทีหนึ่ง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทางร้านค้าจะแพ็กสินค้าเราเข้าถุงหมดทุกชิ้นที่อยู่ในบิลนั้น ๆ และห้ามเราเปิดใช้สินค้าในถุงโดยเด็ดขาดก่อนออกจากประเทศญี่ปุ่น เพราะฉะนั้นถ้าคิดว่าจะใช้อะไรในประเทศญี่ปุ่น จะต้องแยกสินค้าออกมาจ่ายเงิน ในขั้นตอนการแพ็กสินค้าสามารถบอกเจ้าหน้าที่ให้แพ็กแยกถุงได้ จะได้ไม่ลำบากเวลาจัดกระเป๋าเดินทางกลับบ้าน
 

          และเมื่อทำเรื่องเรียบร้อยแล้ว ให้เก็บเอกสาร Tax Refund ที่แนบไว้ในพาสปอร์ตไว้ให้ดี ห้ามทำหาย เพราะจะต้องส่งคืนให้กับเจ้าหน้าที่ที่สนามบิน จะมีตระกร้าให้เราใส่ที่สนามบิน

ประเทศเกาหลีใต้

ภาพจาก Nuk2013 / Shutterstock.com

          อีกหนึ่งสวรรค์ของนักช้อปปิ้ง โดยเฉพาะสินค้าพวกเครื่องสำอางค์และผลิตภัณฑ์เสิริมความงามต่าง ๆ นอกจากราคาจะไม่แพงแล้ว ยังมีไอเทมน่ารัก ๆ ให้เลือกซื้อเลือกหยิบลงตะกร้าแบบไม่ต้องนึกถึงเงินในบัญชี โดยภาษีมูลค่าเพิ่มของสินค้าในเกาหลีนั้นจะอยู่ที่ 10 % ซึ่งมีเกณฑ์ของผู้ที่จะสามารถรับ Tax Refund คืนได้บางส่วนดังนี้
 

          - ซื้อสินค้าตั้งแต่ 30,000 วอนขึ้นไป
          - เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มาเที่ยวเกาหลีใต้ไม่เกิน 6 เดือน
          - เป็นชาวเกาหลีใต้ที่อาศัยอยู่ต่างประเทศถาวร
          - เป็นนักเรียนเกาหลีใต้ที่ศึกษาอยู่ต่างประเทศ 3 ปีขึ้นไป

ภาพจาก Bankrx / Shutterstock.com

          วิธีการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
 

          ก่อนซื้อสินค้าเช้กกับทางร้านให้แน่ใจก่อนว่าเข้าร่วมการทำ Tax Refund หรือไม่ ซึ่งส่วนใหญ่จะเขียนว่า Tax Free เมื่อเราซื้อสินค้าครบตามเกณฑ์ที่กำหนดแล้ว เวลาที่จะจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์จ่ายเงิน ให้แจ้งพนักงานว่าจะทำ Tax Refund แล้วยื่นพาสปอร์ตตัวจริงให้กับทางร้าน บางร้านจะสามารถหักภาษีมูลค่าเพิ่มออกจากราคาสินค้าได้เลย แต่บางร้านก็จะให้พนักงานออกใบเสร็จที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับการขอคืนภาษีมาให้ เก็บใบเสร็จไว้ให้ดี และกรอกรายละเอียดในฟอร์มให้ครบถ้วน เพราะจะต้องเอาไปยื่นขอคืนเงินสดที่สนามบิน
 

          สำหรับสนามบินอินชอน เมื่อไปถึงสนามบินแล้ว หลังจากที่เช็กอินและโหลดกระเป๋าเรียบร้อย ให้ดำเนินการดังนี้

          1. ไปทำการแสกนพาสปอร์ตและใบเสร็จที่เราจะทำ Tax Refund ที่ตู้อัตโนมัติบริเวณท้ายเคาน์เตอร์เช็กอินแถว D และ J หรือที่เคาน์เตอร์ Self Tax Refund ตรงแถว J โดยจะต้องมาทำขั้นตอนนี้ก่อนเท่านั้น ไม่เช่นนั้นใบเสร็จที่ไม่ได้แสกนจะไม่สามารถขอเงินคืนได้เลย
 

          2. เข้าแสกนกระเป๋า และดำเนินการผ่านด่าน ตม. ขาออก เมื่อเข้าไปยังอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศให้เดินไปที่ Gate 27 แล้วจะมีป้ายบอกให้ขึ้นไปยังเคาน์เตอร์ Tax Refund สามารถต่อแถวรอยื่นใบเสร็จที่แสกนมาได้เลย ก็จะได้รับเงินสดคืน โดยเจ้าหน้าที่จะให้เลือกว่าจะรับเป็นเงินสกุลวอน หรือดอลลาร์สหรัฐ แต่โน๊ตไว้สักนิดว่าเคาน์เตอร์จะเปิดแค่เวลา 07.00-20.00 น. เท่านั้น
 

          3. สำหรับใครที่มาก่อนหรือหลังเวลาเคาน์เตอร์ Tax Refund ให้บริการ สามารถทำเรื่องการขอคืนภาษีได้จากตู้อัตโนมัติ โดยตู้จะตั้งอยู่ในโซนดิวตี้ฟรี ชั้น 4 ใกล้กับเกต 26-27 ถ้าเป็นบิลที่มียอดเงินคืนเยอะ ๆ หรือนักท่องเที่ยวไม่ต้องการได้เงินสด ก็จะได้รับยอดเงินคืนในบัตรเครดิตแทน
 

          รายละเอียดการทำ Tax Refund ของประเทศเกาหลีใต้ สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่ airport.kr

ประเทศสิงคโปร์

ภาพจาก TILT Photography / Shutterstock.com

          มาเที่ยวอย่างเดียวไม่ได้จริง ๆ สำหรับประเทศสิงคโปร์ โดยส่วนมากนักท่องเที่ยวจะมาช้อปปิ้งสินค้านานาประเภทกันที่นี่ ยิ่งถ้าเป็นพวกแบรนด์เนม ก็จะช้อปกันมันกระจาย กระเป๋า รองเท้า เสื้อผ้า น้ำหอม ฯลฯ ซื้อสนุกมาก ๆ จ่ายกันมือพัลวันไปหมด เงินสดไม่พอก้ขอจ่ายบัตร เพราะราคามันล่อตาล่อใจก็เหลือเกิน ภาษีมูลเพิ่มของสิงคโปร์จะอยู่ที่ 7 % นักท่องเที่ยวสามารถขอรับเงินคืนได้บางส่วนเช่นกัน โดยจะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขดังนี้
 

          - ซื้อสินค้าครบ 100 ดอลลาร์สิงคโปร์ สามารถรวมใบเสร็จได้ไม่เกิน 3 ใบ

          - ไม่ใช่พลเมืองสิงคโปร์หรือผู้พำนักอาศัยถาวร

          - ใช้เวลาในสิงคโปร์ไม่เกิน 365 วันในช่วง 24 เดือนที่ผ่านมาก่อนวันที่ซื้อสินค้า

          - ไม่ได้เป็นลูกจ้างในสิงคโปร์ในช่วงหกเดือนที่ผ่านมาก่อนวันที่ซื้อสินค้า

          - ไม่ได้เป็นลูกเรือของสายการบินหรือเรือที่คุณจะออกเดินทางจากสิงคโปร์

          - มีอายุ 16 ปีขึ้นไป ณ วันที่ซื้อสินค้า

          - ถ้ามีวีซ่านักเรียน จะต้องซื้อสินค้าภายในช่วงสี่เดือนก่อนถึงวันที่วีซ่านั้นจะหมดอายุ หลังจากเดินทางออกจากสิงคโปร์พร้อมด้วยสินค้านั้น และจะไม่กลับเข้าประเทศสิงคโปร์อีกเป็นเวลาอย่างน้อย 12 เดือน

          - กำลังจะออกเดินทางจากสิงคโปร์ที่สนามบินชางงี หรือสนามบินเซเลตาร์ หากออกเดินทางจากสิงคโปร์ผ่านทางคอสเวย์ (Causeway) จะไม่สามารถขอคืนภาษี GST ได้

          - ต้องซื้อสินค้าภายในเวลาสองเดือนนับจากที่คุณขอคืนภาษี

          - จะต้องไม่ใช่สินค้าที่ใช้หรือบริโภคในสิงคโปร์ และไม่ใช่ค่าโรงแรม ที่พัก ค่าบริการต่าง ๆ หรือเป็นสินค้าที่มีจุดประสงค์เพื่อขายเชิงพาณิชย์

ภาพจาก Terence Toh Chin Eng / Shutterstock.com

          วิธีการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม

          ก่อนซื้อสินค้าเช็กให้แน่ใจว่าร้านค้านั้น ๆ เข้าร่วมโครงการ Tax Refund เมื่อซื้อสินค้าครบตามเกณฑ์ที่กำหนด ตอนจ่ายเงินให้แจ้งกับพนักงานว่าจะทำ Tax Refund แล้วยื่นพาสปอร์ตให้พนักงานเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับฟอร์มการขอคืนภาษี เจ้าหน้าที่จะให้ใบเสร็จที่เป็น eTRS กลับมา เก็บเอกสารให้ดี เพราะจะต้องนำไปยื่นที่สนามบิน
 

          สำหรับสนามบินชางงี เมื่อถึงสนามบินแล้วให้ไปดำเนินการขอคืนภาษีก่อนเช็กอิน เผื่อเจ้าหน้าที่เรียกดูสินค้าที่ซื้อ ให้มองหาเคาน์เตอร์ GST Refund บริเวณโถงผู้โดยสารขาออก จะมีทั้งตู้อัติโนมัติ และเคาน์เตอร์ของเจ้าหน้าที่ให้ดำเนินการ สำหรับตู้อัติโนมัติ เมื่อทำตามขั้นตอนเรียบร้อยแล้ว จะขึ้นสถานะว่า Approved เราก็ไปดำเนินการเช็กอินต่อได้ แต่ถ้าไม่ขึ้นหรือมีปัญหาอะไร ก็ให้ไปที่เคาน์เตอร์ ในขั้นตอนการแสกนนี้เราจะสามารถเลือกได้ด้วยว่าจะขอรับเป็นเงินสด หรือว่าคืนยอดในบัตรเครดิต
 

          พอผ่านจุดแสกนกระเป๋าและจุด ตม. ขาออก เมื่อเดินเข้าไปด้านในอาคารผู้โดยสารขาออกแล้ว จะมีป้ายบอกไปยังเคาน์เตอร์ของ GST Refund หรือให้สังเกตช็อปของร้าน Hermes จะมีทางเลี้ยวให้ไปยังเคาน์เตอร์ สังเกตไม่ยาก แล้วไปยื่นใบสลิปที่แสกนผ่านแล้วให้กับเจ้าหน้าที่ ก็จะได้เงินสดคืน
 

          รายละเอียดการทำ Tax Refund ของประเทศสิงคโปร์ สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่ visitsingapore.com

ฮ่องกง

ภาพจาก TungCheung / Shutterstock.com

          อีกหนึ่งประเทศในเอเชียที่น่าไปช้อปปิ้ง ก็ต้องยกให้กับฮ่องกงนี่เลย เป็นประเทศที่มีสินค้าหลากหลายประเภท มียังรวบรวมมาครบทุกแบรนด์ชั้นนำทั่วโลก ไม่ต้องไปไกลถึงฝั่งอเมริกา หรือยุโรป ก็สามารถช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์ดัง ๆ กันได้ ที่สำคัญราคายังย่อมเยาอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นฮ่องกงเป็นเกาะที่ Tax Free ทั้งเกาะ หมายความว่าเป็นเกาะที่ปลอดภาษี จะซื้อสินค้าเท่าไร ก็ไม่ต้องทำ Tax Refund เพราะมันไม่มีภาษีมูลค่าเพิ่ม ช้อปปิ้งให้ตัวปลิวกันไปได้เลยจ้าาา

ไต้หวัน

ภาพจาก KenSoftTH / Shutterstock.com

          ถึงแม้ว่าไต้หวันจะไม่ได้ศิวิไลซ์เท่ากับประเทศอื่น ๆ ในเอเชีย แต่ก็มีสินค้าให้ช้อปปิ้งไม่น้อยเหมือนกัน ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่ก็ทำเอาเพลินตา กระเป๋าเงินสั่นไปตาม ๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าแบรนด์เนม กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ ฯลฯ ล้วนล่อตาล่อใจไปหมด รูดปรื๊ด ๆ จนบัตรเครดิตร้อนเป็นไฟ ซึ่งแน่นอนว่าสำหรับนักท่องเที่ยวแล้ว จะสามารถขอคืน Tax Refund ได้ด้วย โดยจะได้คืนที่ 5 % และต้องมีค่าดำเนินการหักออกจากยอดที่ขอคืนอีก 14% เช่น สรุปยอดมาแล้วว่าจะได้คืนทั้งหมด 500 ดอลลาร์ไต้หวันใหม่ หักออก 14 % หรือจะเหลือ 470 ดอลลาร์ไต้หวันใหม่ โดยผู้ที่จะสามารถขอรับเงินภาษีคืนได้จะต้องอยู่ในเกณฑ์ดังต่อไปนี้
 

          - จะต้องซื้อสินค้าครบ 2000 ดอลลาร์ไต้หวันใหม่ ภายในร้านค้าเดียวกัน วันเดียวกัน
          - ไม่ใช่พลเมืองไต้หวันหรือผู้พำนักอาศัยถาวร
          - ท่องเที่ยวในไต้หวันไม่เกิน 183 วัน
 

          วิธีการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
 

          เช็กก่อนว่าร้านค้าที่เราจะช้อปปิ้งเข้าร่วมรายการของร้านที่จะดำเนินการ Tax Refund หรือไม่ ให้สังเกตป้าย TRS (Tax Refund Shopping) ที่หน้าร้าน หรือสอบถามพนักงาน เมื่อซื้อสินค้าได้ครบ 2000 ดอลลาร์ไต้หวันใหม่แล้ว ตอนที่ไปจ่ายเงินให้แจ้งพนักงานว่าจะทำ Tax Refund พนักงานจะให้ Application Form for VAT Refund กลับมาพร้อมกับใบเสร็จ
 

          จากนั้นพอไปสนามบินเถาหยวน ให้ไปดำเนินการ Tax Refund ก่อนที่จะไปเช็กอิน โดยให้มองหาตู้อัตโนมัติ Tax Refund KIOSK จะเป็นตู้สีแดง ๆ มีอยู่หลายจุด ให้นำฟอร์มที่ได้มา พร้อมกับพาสปอร์ตแสกนที่เครื่อง ถ้าไม่มีปัญหาอะไร ก็จะได้ ใบ VAT Refund Approval Form กลับมา
 

          พอเช็กอิน ทำเรื่องแสกนกระเป๋า และผ่านด่าน ตม. ขาออกแล้ว ก็ให้ไปที่เคาน์เตอร์ของ TAX Refund ถ้าเป็นเทอร์มินอล 1 จะอยู่ชั้น 1 ฝั่ง Departure Hall ใกล้ ๆ กับเคาน์เตอร์เช็กอิน 1 แต่ถ้าเป็นเทอร์มินอล 2 จะอยู่ที่ชั้น 2 ฝั่ง Departure Hall ก่อนขึ้นไปยังเคาน์เตอร์เช็กอินชั้น 3 ยื่นเอกสารทั้งหมดให้เจ้าหน้าที่ ก็จะได้เงินสดคืนมา หรือจะเลือกให้คืนเข้าบัตรเครดิตก็ได้
 

          รายละเอียดการทำ Tax Refund ของไต้หวัน สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่ travel.taipeiและ taxrefund.net.tw

ประเทศจีน

ภาพจาก ESB Professional / Shutterstock.com

          ในเมืองใหญ่ ๆ ของประเทศจีน ก็เป็นสวรรค์ของนักช้อปด้วยเช่นกัน โดยจะมีช็อปของแบรนด์ดังจากทั่วโลกมาให้เดินเข้าเดินออกเลือกซื้อสินค้ากันอย่างจุใจ ใครที่ชอบช้อปปิ้งเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ ฯลฯ บอกเลยว่ามีให้เลือกหลากหลายแบรนด์จนตาลายไปเลยล่ะ สำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไป สามารถที่จะทำเรื่อง Tax Refund ได้ แต่ต้องดูว่าร้านค้าหรือเมืองนั้น ๆ เข้าร่วมรายการ Tax Refund หรือไม่ โดยในเมืองใหญ่ ๆ ของจีนจะคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้นักท่องเที่ยว 11 % (ลบ 2 % ค่าดำเนินการ) โดยมีเกณฑ์ต่าง ๆ ดังนี้
 

          - ซื้อสินค้าในร้านค้าเดียวกัน ในวันเดียวกัน ในบิลเดียวกัน รวม 500 หยวน
          - ต้องท่องเที่ยวอยู่ในประเทศจีนไม่เกิน 183 วัน
          - ไม่ใช่พลเมืองจีนแผ่นดินใหญ่หรือผู้พำนักอาศัยถาวร
          - สินค้าต้องไม่มีการใช้งานหรือบริโภคในประเทศจีน
 

          วิธีการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
 

          หากตรวจสอบแน่ชัดแล้วว่าร้านค้าที่เราจะซื้อสินค้าเข้าร่วมรายการ Tax Refund เมื่อซื้อสินค้าครบ 500 หยวน ให้แจ้งกับพนักงานตอนจ่ายเงินว่าจะทำ Tax Refund พนักงานก็จะมีใบคำร้องของคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม กับใบกำกับภาษีมาให้
 

          จากนั้นเมื่อไปถึงสนามบิน ให้ไปที่เคาน์เตอร์ของ Tax Refund ก่อนที่จะเช็กอิน แล้วเอาเอกสารต่าง ๆ รวมทั้งพาสปอร์ตให้เจ้าหน้าที่เพื่อดำเนินการตรวจสอบ บางเคสเจ้าหน้าที่ก็จะขอตรวจดูสินค้าด้วย เพราะฉะนั้นไม่ควรโหลดกระเป๋าก่อนที่จะทำ Tax Refund เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเรียบร้อยจะปั๊มตาประทับในฟอร์ม เสร็จแล้วให้ทำการโหลดกระเป๋า แสกนกระเป๋า และทำผ่านด่าน ตม. ขาออก แล้วตรงไปที่เคาน์เตอร์ของ Tax Refund ที่อยู่ในห้องรับรองผู้โดยสารขาออกของสนามบินนั้น ๆ ยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่ แล้วเจ้าที่ก็จะคืนเงินมาให้
 

          ในกรณีที่เงินคืนไม่เกิน 10,000 หยวน จะสามารถเลือกได้ว่าจะรับเงินสด หรือเงินโอนเข้าบัตรเครดิต แต่ถ้าเกิน 10,000 หยวน จะโอนคืนเข้าบัตรเครดิตเท่านั้น และการจ่ายชำระคืนจะเป็นเงินสกุลทั้งหมด

ประเทศสหรัฐอเมริกา

ภาพจาก Luciano Mortula - LGM / Shutterstock.com

          ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นศูนย์รวมของสินค้าระดับโลกต่าง ๆ มากมาย ใครได้ไปเยือนก็มักจะได้สอยสินค้ากลับบ้านมาบ้างไม่มากก็น้อย และแน่นอนว่าอเมริกาก็มีการเก็บภาษีเพิ่มเติมเช่นกัน แต่จะเรียกว่า Sales Tax ถ้าเราไปซื้อของตามห้างร้านต่าง ๆ จะเห็นราคาที่เชลฟ์ นั่นคือราคาที่ยังไม่รวม Sales Tax เป็นราคาจริงของสินค้านั้น ๆ แล้ว Sales Tax มันเพิ่มขึ้นอีกเท่าไรล่ะ? ตรงนี้ต้องมาดูของแต่ละรัฐ เพราะไม่เท่ากัน เช่น รัฐแคลิฟอร์เนีย มี Sales Tax อยู่ที่ 7.250 %, รัฐนิวยอร์ก มี Sales Tax อยู่ที่ 4.000% และรัฐเพนซิลเวเนีย มี Sales Tax อยู่ที่ 6.000%
 

          โดย Sales Tax เหล่านี้คืนกลับไปที่รัฐบาลของแต่ละรัฐ ไม่ได้คืนกลับไปที่รัฐบาลกลางของประเทศสหรัฐอเมริกา เพราะฉะนั้นส่วนใหญ่แล้วจะไม่มีการทำ Tax Refund ให้กับนักท่องเที่ยว จะมีเฉพาะบางรัฐ บางเมืองเท่านั้น หรือบางรัฐก็ไม่มี Sales Tax ได้แก่ รัฐเดลาแวร์, รัฐมอนตานา, รัฐออริกอน, รัฐนิวแฮมป์เชียร์ และรัฐอะแลสกา (แต่มีการอนุญาตให้เทศบาลท้องถิ่นเก็บภาษีร้านค้าปลีกได้ โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 1.69 %)
 

          ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องดูเป็นกรณีไปว่าเราซื้อสินค้าอะไร ซื้อที่เมืองไหน เขตไหน ส่งออกจากสหรัฐอเมริกาด้วยวิธีใด เพราะมีเงื่อนไขไม่เหมือนกัน เช่น ที่เมืองนิวยอร์กซิตี (New York City) ในรัฐนิวยอร์ก (New York State) ถ้าซื้อสินค้าจำพวกเสื้อผ้าและรองเท้าไม่เกิน 110 ดอลลาร์สหรัฐก็จะไม่ต้องจ่าย Sales Tax , เมืองพอร์ตแลนด์ (Portland) รัฐออริกอน (Oregon) ไม่มี Sales Tax ในสินค้าทุกประเภท, รัฐลุยเซียนา (Louisiana) มีการทำ Tax Refund ให้นักท่องเที่ยวได้มากกว่า 1,500 ร้านค้า ดูรายละเอียดต่าง ๆ ได้ที่ louisianataxfree.comและในรัฐแท็กซัส จะมีบางร้านค้าเท่านั้นที่สามารถทำ Tax Refund ได้ ดูรายชื่อร้านค้าได้ที่ taxfreetexas.com
 

          หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ให้กับนักท่องเที่ยวที่กำลังจะเดินทางไปเที่ยวยังประเทศข้างต้นเหล่านี้บ้างไม่มากก็น้อยนะคะ อ่านไว้ให้รู้เบื้องต้นบ้าง ก็จะดีต่อสิทธิประโยชน์ของเราค่ะ :)

หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง ข้อมูล ณ วันที่ 28 มิถุนายน 2562

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
jnto.or.th, airport.kr, travel.taipei, taxrefund.net.tw, visitsingapore.com, travelchinaguide.com, taxfreetexas.com, salestaxstates.com, louisianataxfree.com, salestaxinstitute.com, taxfoundation.org, nyc.gov

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
นักช้อปควรรู้ การทำ Tax Refund ของประเทศยอดนิยม อัปเดตล่าสุด 15 มิถุนายน 2565 เวลา 13:19:45 163,680 อ่าน
TOP