7 เหตุผลที่หน้าร้อนไม่ควรนอนเหงา ไปเที่ยวญี่ปุ่นดีกว่า

          ทำไมการไปเที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อน ในช่วงเดือนมิถุนายน-สิงหาคม ถึงเป็นอีกช่วงเวลาที่น่าสนใจไม่แพ้ฤดูอื่น เราคัดเน้น ๆ มาให้ดูว่าช่วงนี้มีอะไรห้ามพลาดและควรไปชมบ้าง ทั้งเทศกาลประเพณี ของกิน สถานที่ท่องเที่ยว แล้วจะรู้ว่าหน้าร้อนของญี่ปุ่นน่าเที่ยวสุด ๆ ไปเลย



          ถ้าพูดถึงการไปเที่ยวญี่ปุ่น หลาย ๆ คนอาจจะนึกถึงการไปชมดอกซากุระ ใบไม้เปลี่ยนสี หรือไปเล่นสกีและสโนบอร์ดในหน้าหนาว แต่คุณรู้ไหมคะว่าจริง ๆ แล้วญี่ปุ่นเที่ยวได้ตลอดทั้งปี มีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย โดยเฉพาะหน้าร้อนที่มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เด็ดและไม่ควรพลาด ซึ่งบางสิ่งก็มีเพียงแค่หน้าร้อนเท่านั้น วันนี้เราเลยนำเหตุผลที่ว่าทำไมเราถึงต้องไปเที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อนมาฝากกัน

1. มีเทศกาลญี่ปุ่นดั้งเดิมรออยู่เพียบ

          ถ้าอยากสัมผัสกับความเป็นญี่ปุ่นแบบแท้จริง สิ่งที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดเลยก็คือเทศกาลพื้นบ้านดั้งเดิมของคนญี่ปุ่น ตลอดทั้งปีจะเทศกาลที่น่าสนใจรอนักท่องเที่ยวอยู่มากมายค่ะ โดยเฉพาะหน้าร้อนในช่วงระหว่างเดือนมิถุนายน-สิงหาคม จะมีเทศกาลเด็ด ๆ อยู่ 2-3 เทศกาล ที่คนญี่ปุ่นจะเข้าร่วมงานกันอย่างคึกคัก คุณจะได้เห็นคนทั้งเมืองแต่งกายด้วยชุดพื้นเมือง พร้อมทั้งมีขบวนแห่ที่เต็มไปด้วยการแสดงสุดสนุกสนาน เทศกาลที่แนะนำ ได้แก่

          - เทศกาลกิอง มัตสุริ (Gion Matsuri)

          เป็นเทศกาลของศาลเจ้ายาซากะ (Yasaka Shrine) จัดขึ้นในเมืองเกียวโตช่วงประมาณเดือนกรกฎาคม ถือได้ว่าเป็นเทศกาลใหญ่ของเกียวโตเลยทีเดียว แรกเริ่มของการกำเนิดเทศกาลนี้มาจากที่ชาวเมืองได้ ประสบกับปัญหาภัยพิบัติและโรคระบาด จึงมีการทำศาสนพิธีเพื่อปัดเป่าสิ่งไม่ดีให้ออกไปจากเมือง และให้มีแต่ความโชคดี

          สิ่งที่น่าสนใจของเทศกาลนี้ก็คือขบวนแห่เกี้ยว (Yamaboko) โดยจะมีการจัดแต่งอย่างสวยงาม แล้วแห่อย่างยิ่งใหญ่ไปทั่วเมือง พร้อมทั้งยังมีผู้คนแต่งกายด้วยชุดพื้นเมืองร่วมอยู่ในขบวนแห่ มีการแสดงที่สนุกสนาน บรรยากาศเหมือนราวกับว่าได้ย้อนเวลากลับไปชมงานเทศกาลในช่วงสมัยยุคเฮอันเลยทีเดียว เทศกาลนี้จะจัดอยู่หลายวัน มีทั้งขบวนแห่ยามกลางวันและกลางคืน และความดีงามของเทศกาลนี้ยังได้รับการจดบันทึกให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ (Intangible Cultural Heritage) โดยองค์การยูเนสโกอีกด้วย 

          - เทศกาลเท็นจิน มัตสุริ (Tenjin Matsuri)

          เทศกาลของศาลเจ้าเท็นมังกู (Tenmangu-Shrine) ในจังหวัดโอซาก้า จัดขึ้นเพื่อบูชาเทพเจ้าเท็นจิน ศาลเจ้าเก่าแก่อายุนับพันปี ในช่วงวันที่ 24-25 กรกฎาคมของทุกปี โดยปัจจุบันจะมีการจัดขบวนแห่อย่างยิ่งใหญ่ทั้งทางน้ำและทางบก จึงทำให้เทศกาลนี้เป็น 1 ใน 3 เทศกาลที่สำคัญมากที่สุดของญี่ปุ่น

          ไฮไลท์ที่นักท่องเที่ยวต่างอยากมาเที่ยวชมก็คือขบวนแห่ทางน้ำในแม่น้ำโอคะวะ ซึ่งจะมีการออกแบบและตกแต่งเรืออย่างสวยงาม มีคนหลายพันคนแต่งกายด้วยชุดพื้นเมืองงามสง่านั่งมาในเรือด้วย ส่วนยามค่ำคืนก็จะมีการจุดดอกไม้ไฟอย่างยิ่งใหญ่ตระการตา ยิ่งถ้าได้ชมบริเวณใกล้เคียงกับปราสาทโอซาก้า บรรยากาศก็จะสวยงามขึ้นอีกหลายสิบเท่าเลยทีเดียว

          - เทศกาลดอกไม้ไฟแม่น้ำสุมิดะ (Sumidagawa Fireworks Festival)


          เทศกาลดอกไม้ไฟที่เก่าแก่และยิ่งใหญ่มากที่สุดงานหนึ่งของญี่ปุ่น จัดขึ้นบริเวณริมแม่น้ำสุมิดะในโตเกียวในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมของทุกปี โดยจะมีการจุดดอกไม้ไฟอย่างยิ่งใหญ่อลังการมากกว่า 20,000 ลูก และชาวเมืองก็จะแต่งชุดยูกาตะมาร่วมงานกันอย่างคึกคัก มีร้านค้าจำหน่ายของฝากของที่ระลึก รวมทั้งอาหารพื้นเมืองมากมาย เป็นเทศกาลที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสนุกสนานและความสุขอย่างแท้จริง

2. เย็นฉ่ำชื่นใจกับเมนูหน้าร้อนอย่างโซเม็งและคากิโกริ


          ไม่มีช่วงไหนที่จะฟินกับการโซเม็ง (Somen) และคากิโกริ (Kakigori) ได้ดีเท่าหน้าร้อนแล้ว เป็นไฮไลท์ที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกต้องมาลิ้มลองกันในช่วงหน้าร้อนของญี่ปุ่น สำหรับโซเม็งนั้น เป็นเส้นบะหมี่สีขาว เส้นจะบางมาก เวลาเสิร์ฟจะต้องใส่น้ำแข็งมาด้วย กินกับซอสทสึยุ อร่อยอย่าบอกใคร และไม่ควรพลาดลิ้มลองกินโซเม็งที่เรียกว่า นางาชิโซเม็ง ด้วยวิธีการกินนั้นสนุกสนานเหลือล้ำ ทางร้านจะปล่อยเส้นโซเม็งให้ไหลมากับน้ำสะอาดเย็น ๆ ตามรางไม้ไผ่ ผู้กินจะต้องใช้ตะเกียบคีบเส้นให้ทัน เมื่อคีบเส้นได้ก็มาจิ้มกับซอสทสึยุเหมือนเดิม ซึ่งเวลาที่คีบเส้นได้นี่จะเป็นอะไรที่ฟินสุด ๆ เลยล่ะ


          ส่วนคากิโกรินั้น เป็นของหวานเก่าแก่ของญี่ปุ่นมาตั้งแต่สมัยเฮอัน ปัจจุบันเป็นเมนูสวรรค์ในช่วงหน้าร้อน มีลักษณะเป็นน้ำแข็งไสที่มีเกล็ดละเอียดนุ่มคล้ายกับหิมะ ราดด้วยซอสรสหวานต่าง ๆ โปะด้วยถั่วแดงหรือเผือกกวน ร้านไหนให้ออปชั่นเยอะหน่อย ก็จะมีผลไม้ต่าง ๆ ใส่มาด้วย กินในวันที่อากาศสดใสมันเย็นฉ่ำใจมาก ๆ

3. ลานเบียร์สุดคุ้มที่ทุกคนรอคอย

          ประเทศญี่ปุ่น เป็นประเทศที่มีอากาศหนาวเย็นติดต่อกันหลายเดือน เพราะฉะนั้นการจะนั่งดื่มเบียร์สังสรรค์กลางแจ้งกับอากาศสบาย ๆ จึงต้องรอเฉพาะหน้าร้อนเท่านั้น และแน่นอนว่าถ้าคุณไปเที่ยวญี่ปุ่นช่วงปลายเดือนมิถุนายน-สิงหาคม ก็มีโอกาสที่จะได้สัมผัสกับลานเบียร์ (Beer Garden) ดี ๆ ของญี่ปุ่นด้วย บางสถานที่ก็มีบุฟเฟ่ต์เบียร์ กินได้ไม่อั้น มีหลากหลายยี่ห้อเบียร์ดี ๆ ให้เลือกลิ้มลองจนจุใจ บางสถานที่ยังเติมความฟินด้วยอาหารปิ้งย่าง พร้อมทั้งของกินเล่นหลากหลายเมนู บรรยากาศชิลยอมใจ ไม่ว่าใครได้มาสัมผัสเป็นต้องขอมาซ้ำ !

          ลานเบียร์ที่แนะนำในโตเกียว เช่น Mori-no Beer Garden, Forest Beer Garden, Noryo Hare Terrace Eki Beer Sky Tree View, Utsukushikunaru Beer Garden, Green Tea Beer Garden, Takao Beer Mount เป็นต้น


4. ช่วงเวลาแห่งไฮเดรนเยียหลากสีสันบานสะพรั่ง


          ญี่ปุ่นไม่ได้มีแค่เทศกาลชมดอกซากุระเท่านั้น แต่ยังมีเทศกาลดอกไม้อื่น ๆ ที่รอนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมอีกเพียบ หนึ่งในนั้นก็คือเทศการชมดอกไฮเดรนเยีย ซึ่งเป็นดอกไม้ที่มีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศในภูมิภาคนี้ คนญี่ปุ่นจะเรียกกันว่า Ajisai มีช่วงเวลาบานในช่วงต้นเดือนมิถุนายนไปจนถึงกลางเดือนกรกฎาคม โดยจะเห็นได้ทั่วไปตามเมืองธรรมชาติต่าง ๆ รวมทั้งภายในศาลเจ้าดัง ๆ ด้วย


          สถานที่ชมดอกไฮเดรนเยียที่มีชื่อเสียงในโตเกียว เช่น Hakusan Shrine, Sumida Park, Ueno Onshi Park, Keio Mogusaen, Ukima Park, Asukayama Park, Tokyo Summer Land, Kyodo-no-mori Museum, Toshimaen เป็นต้น

5. หิ่งห้อยออกมาฉายแสงทั่วญี่ปุ่น


          มันคงจะดีต่อใจไม่น้อยเลยล่ะ ที่จะได้ชมหิ่งห้อยส่องแสงเป็นประกายสีเหลืองทองวาววับไปทั่วสวนสวย ๆ ท่ามกลางบรรยากาศสุดคลาสสิกในเมืองที่เต็มเปี่ยมไปด้วยวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์อย่างญี่ปุ่น เทศกาลชมหิ่งห้อยถือได้ว่าเป็นอีกเทศกาลที่คนญี่ปุ่นต่างรอคอย ช่วงเวลานี้คนญี่ปุ่นจะพาครอบครัวไปออกไปเที่ยวชมสวนต่าง ๆ ยามค่ำคืน พร้อมกับแต่งกายด้วยชุดยูกาตะสวยงาม เพื่อรอชมความมหัศจรรย์ของธรรมชาติในหน้าร้อน

          ในคืนที่สภาวะอากาศเป็นใจ หิ่งห้อยนับพันนับหมื่นก็จะพร้อมใจกันฉายแสง เปล่งประกายดวงไฟสีเหลืองทองอร่ามไปทั่วสวน บ้างก็พากันบินวนรอบ ๆ ต้นไม้ที่หลงรัก บ้างก็มาบินวนที่ตัวเรา อากาศกำลังเย็นสบาย ไม่ร้อน ไม่หนาว บอกเลยว่ามันเป็นบรรยากาศที่ทั้งผ่อนคลาย อบอุ่น และโรแมนติก แล้วแบบนี้คุณจะพลาดกับการมาเที่ยวยี่ปุ่นในช่วงหน้าร้อนอีกหรือ


          สถานที่ชมหิ่งห้อยรอบ ๆ โตเกียว เช่น Shibuya’s Fureai Botanical Garden Center, Setagaya’s Firefly Festival, Hotel Chinzanso’s Garden, Yomiuriland, Yuyake Koyake Fureai no Sato, Ikuta Garden and Park, Botanical Garden Fureai ฯลฯ ส่วนเมืองอื่น ๆ ก็มีให้ชมเช่นกัน สถานที่น่าสนใจ เช่น Fukkoshi จังหวัดอาโอโมริ, Oshima-ku Nigami Firefly Festival จังหวัดนีงะตะ, Nasu Fishland จังหวัดโทะชิงิ, Onnenai Wooden Path จังหวัดฮอกไกโด, Kemi Firefly Village จังหวักนากาโน่, Roman-no Mori Kyowakoku จังหวัดชิบะ เป็นต้น

6. พิชิตยอดภูเขาไฟฟูจิ


          ภูเขาไฟฟูจิ เป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของประเทศญี่ปุ่น มีความสูงมากถึง 3,776 เมตร และยังมีรูปทรงที่สวยงาม กลายเป็นรูปแบบภูเขาไฟที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ตั้งอยู่อย่างโดดเด่นไม่ไกลจากโตเกียว ฟูจิซังจึงเปรียบเสมือนภูเขาแห่งเทพเจ้าที่ชาวญี่ปุ่นทุกคนใฝ่ฝันว่าจะต้องได้มาสัมผัสกันสักครั้งในชีวิต

          แน่นอนว่านักท่องเที่ยวที่ไปเที่ยวญี่ปุ่นต่างก็ต้องการเห็นหน้าฟูจิซังกันสักครั้ง แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะโชคดีมีโอกาสได้เห็น เพราะถ้าอากาศไม่ปลอดโปร่ง ท้องฟ้าไม่สดใส มีเมฆหมอกมาบดบัง ก็อดเห็นภาพภูเขาไฟฟูจิสวย ๆ ได้เหมือนกัน ยิ่งถ้าเป็นการขึ้นไปชมพระอาทิตย์ขึ้นบนยอดยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพราะนอกจากร่างกายจะต้องพร้อมมาก ๆ แล้ว ก็ยังต้องมาให้ถูกช่วงเวลาที่เขาเปิดให้ขึ้นพิชิตด้วย

          การปีนภูเขาฟูจิ จะเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมในหน้าร้อนเพียงแค่ 2 เดือนเท่านั้น มีทั้งหมด 4 เส้นทาง 5 สถานี นักท่องเที่ยวนิยมปีนขึ้นไปในช่วงเช้ามืด เพื่อที่จะไปรอชมภาพพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามจับตา การได้เห็นแสงแรกของวันค่อย ๆ ส่องฉายฉาบไปทั่วผืนป่าและเมืองโดยรอบของภูเขาไฟฟูจิมันเป็นอะไรที่อะเมซิ่งที่สุดในชีวิตอย่างหนึ่งแล้วล่ะ

7. บินตรงกรุงเทพฯ-ญี่ปุ่น สุดสบายในราคาเบา ๆ

          มันคือความดีงามที่นักท่องเที่ยวชาวไทยจะได้รับหากวางแผนจะไปเที่ยวญี่ปุ่นช่วงหน้าร้อนกับสายการบินสกู๊ต และสายการบินในเครืออย่างนกสกู๊ต ที่เปิดเส้นทางบินตรงไปญี่ปุ่นหลากเส้นทางและหลายเที่ยวบินอีกต่างหาก จะบินเวลาไหน ไปวันไหนก็ได้ เลื่อนคลิกเลือกจองได้ตามที่ใจต้องการเลยค่ะ ถ้าจะไปเที่ยวเมืองโตเกียว ก็มีให้เลือกถึง 2 เที่ยวบินต่อวัน ส่วนถ้าจะไปเมืองโอซาก้า ทางฝั่งสกู๊ตเขาก็มีเส้นทางบินตรงให้ 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์เชียวล่ะ โอ๊ย...ดีงามเหลือเกิน

          ยังไม่หมดเพียงเท่านั้นนะคะ ทางสกู๊ตยังใจปล้ำนำน้องใหม่อย่างเครื่องบิน 787 ดรีมไลเนอร์ มาให้บริการในเส้นทางบินตรงกรุงเทพฯ-โตเกียว และกรุงเทพฯ-โอซาก้า ด้วย ซึ่งเครื่องบินประเภทนี้จะมีลำตัวกว้าง นั่งได้สบาย ๆ บรรยากาศโปร่งโล่งขึ้นอีกเยอะ ไม่แคบอึดอัด สามารถปรับพนักพิงศีรษะได้กว้างมากกว่าเดิม มีพื้นที่เก็บกระเป๋าเหนือศีรษะที่เยอะได้ใจ สามารถเก็บของได้สบาย


          อ๊ะ ๆ ไม่เพียงเท่านั้น คุณยังสามารถเช็กอีเมล เช็กเฟซบุ๊ก แชทกับเพื่อนในโซเชียลมีเดียได้บนท้องฟ้าที่สูงกว่า 40,000 ฟุต ! เพราะมี Wi-Fi ออนบอร์ดทุกที่นั่ง ส่วนถ้าใครเลือกที่นั่งแบบ ScootBiz ก็ยังมีที่ชาร์ตแบตเตอรี่ให้ด้วย ... นี่แหละคือสิ่งที่นักเดินทางรุ่นใหม่ใฝ่หา

          ความสะดวกสบายเหล่านี้คุณไม่ต้องจ่ายด้วยเงินมากมาย เพราะสายการบินสกู๊ตและนกสกู๊ตเขาจัดมาให้ในราคาที่สบายกระเป๋าสุด ๆ จ่ายเพียงนิดเดียวแต่เหมือนได้นั่งอีโคโนมีคลาสของสายการบินที่ให้บริการแบบฟูลเซอร์วิสเลยค่ะ แบบนี้มันคุ้มยิ่งกว่าคุ้มอีกนะ ถ้าอยากพิสูจน์ราคากันแบบให้รู้แจ้งเห็นจริง คลิกไปเลยที่ flyscoot.com

          เห็นไหมล่ะว่าการเที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อนดีขนาดไหน ได้ทั้งชมดอกไม้สวย ชมเทศกาลที่ใหญ่ที่สุดแห่งปี ชมพลุสุดยิ่งใหญ่ ชมหิ่งห้อยที่มีเพียงครั้งเดียวในรอบปี พร้อมทั้งได้ไปปีนภูเขาไฟฟูจิอีกต่างหาก ที่สำคัญราคาตั๋วเครื่องบินยังถูกและคุ้มค่าจนน่าสอยให้ครบทุกเส้นทาง แบบนี้จะยังลังเลอะไรอยู่อีกล่ะ ไปตะลุยญี่ปุ่นหน้าร้อนกัน


ขอขอบคุณข้อมูลจาก
flyscoot.com, favy-jp.com, unesco.org, gionmatsuri.jp, jnto.go.jp, jnto.or.th, japan-guide.com, timeout.com, japantimes.co.jp, kyuhoshi.com, tokyoweekender.com, savvytokyo.com และ fujisan-climb.jp