เที่ยวเมียวดี เมียนมา เที่ยวง่าย ไปด้วยตัวเองได้ ใช้เวลาแค่ 1 วัน

          ชวนเที่ยวเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา อยู่ใกล้แม่สอด จังหวัดตาก ไปชมวัดวาอารามสวยสง่า และวิถีชีวิตคนเมียนมา พร้อมกับแวะช้อปปิ้งสินค้าราคาถูกที่ตลาดชายแดน ไปเที่ยวง่าย มีเวลาวันเดียวก็เที่ยวได้ 

          ประเทศเมียนมา เป็นประเทศที่มีแหล่งท่องเที่ยวทั้งธรรมชาติและวัฒนธรรมที่สวยงามมากมาย คนเมียนมาเองก็ยังคงใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย บรรยากาศในหลาย ๆ เมืองก็ยังคล้ายกับเมืองไทยเมื่อหลายสิบปีก่อนเลยค่ะ หลายคนอาจจะคิดว่าการไปเที่ยวเมียนมาต้องไปย่างกุ้ง ไปมัณฑะเลย์ หรือพุกามเท่านั้น ซึ่งการเดินทางไปเยือนเมืองเหล่านี้ก็ดูจะยากสักนิดสำหรับคนที่มีเวลาน้อย แต่วันนี้เราจะพาไปรู้จักกับเมืองเล็ก ๆ ติดกับชายแดนแม่สอด จังหวัดตาก อย่างเมืองเมียวดี (Myawaddy) รัฐกะเหรี่ยง (Kayin State) เมืองที่มีวัดวาอารามสวยงามไม่แพ้เมืองไหนในเมียนมาเลยค่ะ

          เหมาะมาก ๆ สำหรับคนที่มีเวลาน้อย และอยากลองไปสำรวจประเทศเมียนมาแบบเบา ๆ กันก่อน ทริปนี้เราเดินทางกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ไปพร้อมกับทริปปั่นจักรยานมิตรภาพไทย-เมียนมา 2018 ครั้งที่ 19 ต้องบอกว่าสนุกและประทับใจมาก ๆ ค่ะ เมืองเมียวดีจะน่าสนใจขนาดไหน ไปชมกันเลยค่ะ

          การเดินทางของเราเริ่มต้นที่สนามบินดอนเมืองค่ะ เราจะนั่งเครื่องบินไปลงที่สนามบินแม่สอดเลย เพียงแค่ชั่วโมงนิด ๆ ก็ถึงแม่สอดแล้วค่ะ ง่าย และสะดวกสบายมาก ๆ ไม่รู้มาก่อนจริง ๆ ว่าการมาเยือนเมืองติดชายแดนอย่างแม่สอด จังหวัดตากมันจะง่ายขนาดนี้ ใครมีเวลาวันเดียว แนะนำให้จองเที่ยวบินช่วงเช้าตรู่นะคะ จะได้มีเวลาเที่ยวเยอะ ๆ ^^

          สำหรับใครที่มาเที่ยวเอง ที่สนามบินแม่สอดจะมีรถยนต์ให้เช่าค่ะ มีหลายบริษัทมาก เลือกกันตามความชอบใจเลย ถ้าคิดว่ามาเที่ยวเมียวดีอย่างเดียว แค่วันเดียว ไม่ต้องเช่ารถนะคะ ให้นั่งแท็กซี่จากสนามบินไปดีกว่าค่ะ เพราะยังไง ๆ เราก็ขับรถข้ามไปเที่ยวเมียวดีไม่ได้อยู่ดี แท็กซี่ที่นี่เป็นแบบกดมิเตอร์ค่ะ จากสนามบินไปแถว ๆ สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ก็แค่ประมาณ 3 กิโลเมตรเท่านั้น ไม่ยุ่งยากเลยค่ะ

          แล้วจากสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา จะไปเที่ยวเมียวดีอย่างไรล่ะ ? ไม่ต้องกังวลค่ะ เพราะเขาจะมีรถตู้และรถสองแถวเช่าเหมาคันให้บริการพาทัวร์ ราคาประมาณ 1,000-1,500 บาท นั่งได้ประมาณ 8 คน ใช้เวลาเที่ยวในเมียวดีราว ๆ 3 ชั่วโมง ส่วนรายละเอียดการทำหนังสือข้ามแดนชั่วคราวขออนุญาตอธิบายให้ตอนท้ายนะคะ ^^

          และด้วยความที่ทริปนี้เราจะไปเที่ยวเมืองเมียวดี (Myawaddy) กับคณะปั่นจักรยานในงานมหกรรมปั่นจักรยานมิตรภาพไทย-เมียนมา 2018 ครั้งที่ 19 เราจึงต้องเที่ยวในเมืองแม่สอดก่อน 1 วัน เช้านี้จึงต้องตื่นกันตั้งแต่เช้าไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา บริเวณสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาคึกคักมาก ๆ เลยค่ะ ทั้งชาวไทยและชาวเมียนมาต่างก็เดินข้ามฝั่งไปมา สะพานแห่งนี้สร้างขึ้นทอดข้ามแม่น้ำเมย เชื่อมประเทศไทยและประเทศเมียนมาเพื่อสนับสนุนทางด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว เปิดใช้ครั้งแรกเมืองเดือนสิงหาคม ปี พ.ศ. 2540 หลังจากการเปิดใช้งานก็ทำให้เศรษฐกิจในพื้นที่บริเวณนี้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยค่ะ และยังสะดวกต่อการไปเที่ยวเมืองเมียวดีอีกด้วย

          จากฝั่งไทยเราจะนั่งรถผ่านด่านไทย-เมียนมา ข้ามสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ตอนอยู่ทางฝั่งไทยรถวิ่งอยู่เลนซ้าย แต่พอไปถึงกลางสะพานรถจะค่อย ๆ เปลี่ยนไปอยู่เลนขวาเสียอย่างงั้น เอ้า งงเด้ งงเด้ ! ถามพี่คนขับได้ความว่าประเทศเมียนมาจะขับรถกันเลนขวากันนั่นเอง เลยต้องเปลี่ยนเลนก่อนเข้าสู่ประเทศเมียนมา เจ๋งอ่ะ ^^

          พอผ่านด่านทางฝั่งประเทศเมียนมาเข้ามาแล้ว เราจะเห็นบ้านเรือนชาวเมียวดี เป็นอาคารพาณิชย์เรียงกันเป็นแถวเลยค่ะ ถือได้ว่าเป็นเมืองที่เจริญพอสมควรเลย ผู้คนคึกคัก ผู้ชายบางงคนยังใส่โสร่ง ผู้หญิงทาแป้งทานาคาโดดเด่น มีเคี้ยวหมากกันด้วย ยิ้มทีปากแดงกันเลยทีเดียว :)
          จุดหมายแรกของเราอยู่ที่ "วัดเจดีย์ทอง" (Shwe Muay Wan Temple / Shwe Myinn Wun Pagoda) เป็นวัดสำคัญของเมืองเมียวดีค่ะ ห่างจากจุดผ่านแดนมาราว ๆ 1.5 กิโลเมตร วัดในเมียนมาส่วนใหญ่จะต้องถอดรองเท้า วัดนี้ก็เช่นกัน ตรงหน้าประตูจะมีที่พักวางรองเท้า ค่าธรรมเนียมในการฝากรองเท้า 2 บาท หยอดลงตู้ได้เลย

          จุดแรกเราเข้าไปไหว้พระด้านในวิหาร พระประธานจะมีอยู่ทั้ง 4 ทิศเลยค่ะ แต่ละทิศก็จะเป็นปางแตกต่างกันออกไป แต่ทั้งหมดเป็นศิลปะแบบเมียนมาหมดเลย อยากจะบอกว่ามันสวยมาก สวยแบบร้อง "ว้าว" เลยทีเดียว รายละเอียดบนใบหน้าและเครื่องทรงนั้นละเอียดมาก ๆ ถ้ามองดี ๆ จะเห็นว่าพระพักตร์พระพุทธรูปแต่ละองค์นั้นดูยิ้ม ดวงตาหวาน มองแล้วเย็นใจอย่างบอกไม่ถูกเลยค่ะ

          พอเดินออกมาจากวิหาร เราจะพบกับองค์พระเจดีย์องค์ใหญ่สีทองอร่ามงดงามมาก ๆ เขาว่ากันว่าเป็นเจดีย์ที่จำลองมาจากเจดีย์ชเวดากอง รายล้อมไปด้วยเจดีย์องค์เล็ก ๆ อีกมากมาย บรรยากาศโดยรอบเงียบสงบ ไม่มีความวุ่นวายใด ๆ มันเป็นความรู้สึกที่ดีงามไม่รู้จะบรรยายยังไงจริง ๆ

          เสร็จจากทำบุญแล้วเราเดินออกมาทางหน้าวัด เห็นร้านขายแตงโมของชาวบ้าน แม่ค้ากำลังผ่าซีกให้ลูกค้า นึกอยากกินเย็น ๆ ให้ชื่นใจสักชิ้น เดินข้ามฝั่งไปเห็นลูกแตงโมแล้วก็ต้องตกใจ นี่มันแตงโมอะไร ลูกใหญ่ลูกโต โอ้วแม่เจ้า ! น้ำหนักต่อลูกก็ราว ๆ 10 กิโลกรัม เลยจ้า อุ้มไม่ไหวกันเลยทีเดียว ถามแม่ค้าว่าถ้าซื้อทั้งลูกเท่าไร ก็ตกอยู่ที่ประมาณ 100 บาท ใครกินไม่ไหวก็ซื้อเป็นชิ้นพอค่ะ 2 ชิ้นละ 15 บาทเอง

          เสร็จจากวัดเจดีย์ทอง ไปต่อกันที่ "วัดจระเข้" (Myikyaungon) เขาบอกกันว่าเป็นไฮไลท์ของเมียวดีเลยค่ะ จากซอยวัดเจดีย์ทองจะเห็นซอยฝั่งตรงข้าม รถขับเข้าไปเพียงอีกแค่ประมาณ 5 นาที ก็ถึงแล้วค่ะ ความอลังการของวัดนี้อยู่ตรงนี้หอไตรกลางน้ำ ซึ่งสร้างอยู่บนตัวจระเข้สีเขียวใหญ่บิ๊กเบิ้ม ตัวจระเข้ยาวราว ๆ 65 เมตร อยู่ในลักษณะท่าทางอ้าปากกว้าง ดูน่าเกรงขาม ส่วนหอไตรสร้างแบบศิลปะเมียนมา หลังคาซ้อน 3 ชั้น ทางด้านหลังมีทางเดินเข้าสู่หอไตร แต่จะให้ผู้ชายเข้าเท่านั้น ที่วัดมีชาวบ้านขายอาหารปลาด้วยค่ะ ใครทำบุญแล้ว อยากทำทานก็อุดหนุนได้ค่ะ ส่วนอีกฝั่งจะเป็นหอแสดงประวัติของพระพุทธเจ้า แบ่งแยกออกเป็นห้อง ๆ กว่า 30 ห้อง



          จากวัดจระเข้ เราไปต่อกันที่ "วัดมอญพระยืน" ใช้เวลาเพียงแค่ 5 นาที ค่ะ ที่นี่เป็นวัดเล็ก ๆ แต่มีสิ่งที่น่าสนใจไม่น้อยเลย สิ่งที่โดดเด่นที่สุดก็คือพระยืนปางค์เปิดโลกองค์ใหญ่ ตั้งสูงตระหง่านดูสง่างามมาก ๆ พระพักต์ขององค์พระดูอ่อนโยนและเปี่ยมไปด้วยเมตตา ที่ฐานด้านล่างมีพื้นที่ให้นั่งกราบไหว้ขอพรกันด้วยค่ะ ส่วนทางด้านข้างของพระยืนก็จะเป็นเจดีย์สีทององค์ใหญ่ อยู่ในรั้วสีชมพูหวาน


          สิ่งที่สำคัญอีกอย่างก็คือ "พระธาตุจากประเทศศรีลังกา" อยู่ในผอบเจดีย์ทอง ต้องลองใช้แว่นขยายส่องพระธาตุค่ะ จะมองเห็นชัดเจนขึ้น สามารถมากราบไหว้ขอพรกันได้ทุกวัน


          วัดสุดท้ายของวันนี้อยู่ที่ "วัดพระเขี้ยวแก้ว" เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเนินเขา มีองค์พระเจดีย์สีทององค์ใหญ่อยู่ด้านบน นักท่องเที่ยวจะควรเดินถอดรองเท้าขึ้นไปยังพระเจดีย์ เพราะฉะนั้นถ้าไปช่วงสาย ๆ เที่ยง ๆ ก็เตรียมถุงเท้าไปด้วยนะคะ เพราะพื้นร้อนมาก อาจจะช่วยไม่ได้มาก แต่ก็บรรเทาความร้อนไปได้ระดับหนึ่ง ^^


          ด้านในวิหารภายใต้เจดีย์จะเป็นวิหารโออ่า มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ด้านใน บรรยากาศเงียบสงบ เหมาะแก่การมาทำบุญมาก ๆ และโดยรอบ ๆ ของเจดีย์ เราจะสามารถมองเห็นเมืองเมียวดีมุมสูงได้รอบ ๆ ค่ะ เห็นยอดเจดีย์ของวัดต่าง ๆ หลายแห่งเลยทีเดียว


          เสร็จจากไหว้พระทำบุญแล้ว ใช้เวลาไม่เกิน 3 ชั่วโมงค่ะ ใครสะดวกก็กินข้าวกลางวันที่ฝั่งเมียนมาได้นะคะ ถามคนขับรถได้เลย แต่ถ้าไม่สะดวกลองตามเรากลับมากินข้าวที่ฝั่งไทยกันที่ "ร้านขนมจีนขยุ้มคุณน้อย" ร้านอยู่ริมถนนทางหลวงเอเชียสาย 1 ฝั่งที่จะไปสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา พิกัด : 16°43\'05.3"N 98°33\'39.1"E ความดีงามของร้านนี้คือ เขาจะจัดน้ำยาแบบต่าง ๆ ใส่ถ้วยมาให้เราเป็นเซต ครั้งนี้มีน้ำยา 4 แบบ คือน้ำเงี้ยว, น้ำยาป่า, น้ำยากะทิ และน้ำพริก จัดขนมจีนมาเป้นขยุ้มเล็ก ๆ พอดีคำ พร้อมกับผักเครื่องเคียงอีกจาน ใครอยากกินเมนูอื่น ๆ ก็มีให้เลือกสั่งนะคะ อาทิ ผัดไทยกุ้งสด, ส้มตำ, ไก่ทอด, ลูกชิ้นทอด, ข้าวผัดกะเพรา, ผัดพริกสด เป็นต้น

          กินอิ่มแล้วขอไปช้อปปิ้งเล็ก ๆ น้อย ๆ กันต่อที่ "เมียวดี คอมเพล็กซ์" คราวนี้เราไม่ต้องนั่งรถกลับข้ามไปฝั่งนู้นนะคะ เพราะเราสามารถไปลงเรือข้ามฝั่งกันได้เลยที่ท่าเรือบริเวณตำบลบ้านท่าสายลวด พิกัด : 16°41\'45.2"N 98°29\'57.3"E มีที่จอดรถให้นะคะ เราจอดรถกันไว้ที่ฝั่งนี้แล้วก็นั่งเรือข้ามไปเมียวดี คอมเพล็กซ์ค่ะ จะมีดิวตี้ฟรีให้ช้อปปิ้งกันเบา ๆ ราคาก็ย่อมเยา 

          จบอีกหนึ่งทริปดี ๆ ที่ไปเที่ยวได้ง่าย ๆ ใน 1 วัน ใครจะบินกลับกรุงเทพฯ เลยก็ได้ หรือจะอยู่เที่ยวตากต่อก็ดีค่ะ เพราะรอบ ๆ แม่สอดมีสถานที่ท่องเที่ยวดี ๆ ให้ไปตะลุยอีกเพียบ แต่ถ้าเวลาน้อยจริง ๆ กลับบ้านก่อนก็ได้เนอะ ^^ ไว้มาวันหลังต่อ แค่นี้ก็ถือว่าคุ้มแล้วค่ะ ได้ทั้งทำบุญ ได้ทั้งช้อปปิ้ง สบายใจ :)

*** การทำหนังสือข้ามแดนชั่วคราว แม่สอด-เมียวดี ***

          นักท่องเที่ยวต้องมาทำหนังสือข้ามแดนชั่วคราวที่สำนักงานหนังสือผ่านแดนชั่วคราว ตั้งอยู่เลยจากสนามบินแม่สอดมาประมาณ 500 เมตร เท่านั้นค่ะ อยู่ริมถนนทางหลวงเอเชียสาย 1 เลย เอกสารที่ต้องใช้มีเพียงบัตรประจำตัวประชาชนตัวจริงเท่านั้น มีค่าธรรมเนียมทางฝั่งไทย 30 บาท และทางฝั่งเมียนมาประมาณ 20 บาท ใช้เวลาดำเนินการราว ๆ 10 นาที หนังสือข้ามแดนชั่วคราวนี้จะสามารถใช้ได้ 7 วัน หมายความว่าถ้าเราข้ามไปเที่ยวเมียนมาแล้ว ก็จะสามารถพำนักอยู่ 7 วัน เฉพาะในเมืองเมียวดีเท่านั้นนะคะ ถ้าเลยขึ้นไปจะต้องใช้พาสปอร์ตค่ะ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานหนังสือผ่านแดนชั่วคราว โทรศัพท์ 0 5556 3604 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
สำนักงานหนังสือผ่านแดนชั่วคราว
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภูมิภาคภาคเหนือ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานตาก