x close

เดินเที่ยวกรุงเทพฯ แบบชิล ๆ รวมมิตรย่านตลาดโบ๊เบ๊-ราชประสงค์

ที่เที่ยวกรุงเทพ

         เที่ยวกรุงเทพฯ สัมผัสวัฒนธรรมหลากหลาย และสถานที่ท่องเที่ยวบางแง่มุมที่คุณเองอาจไม่เคยได้สัมผัส ใครไม่รู้ว่าจะไปเที่ยวกรุงเทพฯ แถวไหน ต้องเข้ามาดู


         หลังจากที่กรุงเทพฯ ต้องประสบกับเหตุการณ์ระเบิดย่านราชประสงค์ เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2558 ผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวอาจทำให้ชาวกรุงเทพฯ รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ ยังคงหวาดกลัวกับการเที่ยวกรุงเทพฯ ไม่มากก็น้อย และเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กลับมาเหมือนเก่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จึงได้จัดกิจกรรม "กรุงเทพฯ เดินเที่ยว : Walking Bangkok" เพื่อเผยมุมมองอื่น ๆ ของกรุงเทพฯ ที่สวยงาม มีชีวิตชีวา มีความสงบสุข และยังคงมีมนตร์เสน่ห์ที่น่าหลงใหลอยู่เหมือนเดิม

         สำหรับกิจกรรม Walking Bangkok ครั้งนี้เป็นเส้นทาง ถนนพระราม 1 บ้านครัว สู่สี่แยกเทพเจ้า ย่านราชประสงค์ ช่วงเช้าเราเริ่มต้นกันที่ "ตลาดโบ๊เบ๊" ตลาดขายเสื้อผ้าสำเร็จรูปราคาถูกที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ ตั้งอยู่ริมคลองผดุงกรุงเกษม ช่วงระหว่างสะพานกษัตริย์ศึกกับตลาดมหานาค บรรยากาศในวันนั้นก็คงเหมือนเช่นทุกวัน มีพ่อค้าแม่ขายรวมถึงลูกค้าออกมาจับจ่ายซื้อของกันอย่างคึกคัก นอกเหนือไปจากเสื้อผ้าขายส่งราคาถูกแล้ว หากมองในแง่ประวัติศาสตร์ ตลาดโบ๊เบ๊ ถือเป็นอีกหนึ่งตลาดที่มีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจไม่แพ้กัน

เที่ยวกรุงเทพฯ

เที่ยวกรุงเทพฯ

เที่ยวกรุงเทพฯ

เที่ยวกรุงเทพฯ

         ตลาดโบ๊เบ๊ เกิดขึ้นในช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ในช่วงแรกของการขายเสื้อผ้า ส่วนหนึ่งเป็นของผู้เสียชีวิตในช่วงสงคราม ซึ่งนำมาซักและทำความสะอาดเสียใหม่ และแน่นอนว่าราคาของเสื้อผ้าเหล่านี้ก็ถูกมากด้วยเช่นกัน จนเริ่มมีพ่อค้าแม่ขายเพิ่มมากขึ้น บรรยากาศเริ่มคึกคัก รวมถึงยังเป็นที่รู้จักของผู้คนเพิ่มมากขึ้น จึงได้เปลี่ยนลักษณะการขายจากเดิมแบบแบกะดิน มาเป็นแผงลอย จนกลายเป็นอาคารพาณิชย์สูงใหญ่ในปัจจุบัน

         หลังจากเดินสำรวจอาณาเขตของตลาดโบ๊เบ๊อยู่สักพักใหญ่ จากนั้นเดินลัดเลาะมุ่งหน้าไปยังถนนกรุงเกษม เพื่อแวะชม "อาคารเก่าของการรถไฟแห่งประเทศไทย" ไฮไลท์พิเศษอยู่ที่เราได้เห็นหัวรถจักรไอน้ำรุ่นแรก ที่ขนาบทั้งสองข้างของตัวอาคารการรถไฟ ถึงแม้ว่าที่นี่จะขึ้นชื่อว่าเป็นอาคารเก่าของการรถไฟ แต่สิ่งหนึ่งที่สัมผัสได้จากร่องรอยความเก่าแก่ เห็นจะหนีไม่พ้นความคลาสสิกของตัวอาคารที่ดูเหมือนว่าจะอยู่เหนือกาลเวลา (Timeless) ด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมอาคารขนาดใหญ่ 3 ชั้น ตัวอาคารทาสีครีมตัดสลับสีน้ำตาล มองดูแล้วออกแนววินเทจนิด ๆ ดูไปดูมาก็คล้ายกับฉากในละครกึ่งย้อนยุคของไทยอยู่หลายเรื่องเหมือนกัน

เที่ยวกรุงเทพฯ

เที่ยวกรุงเทพฯ

เที่ยวกรุงเทพฯ

เที่ยวกรุงเทพฯ

เที่ยวกรุงเทพฯ

         หลังจากที่เยี่ยมชมอาคารเก่าของการรถไฟแห่งประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว เราเดินวกกลับเข้ามายังบริเวณทางรถไฟที่ตัดผ่านวัดบรมนิวาสและตลาดโบ๊เบ๊ จังหวะที่เราไปถึงเป็นช่วงเวลาเดียวกับเจ้าหน้าที่กำลังสับรางโบกี้รถไฟอยู่พอดี ทำให้ต้องวิ่งสับรางกันให้วุ่นดีใช้ได้ แถมยังได้เห็นขบวนรถไฟแบบริงไซด์เกาะติดขอบราง

เที่ยวกรุงเทพฯ

เที่ยวกรุงเทพฯ

เที่ยวกรุงเทพฯ

เที่ยวกรุงเทพฯ

เที่ยวกรุงเทพฯ

         ลัดเลาะเดินกันต่อบริเวณริมคลองผดุงกรุงเกษม และข้ามสะพานกษัตริย์ศึก ยังไม่พ้นจากตัวสะพาน ก็ต้องเตะตาเข้ากับอาคารตึกสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ในกระทรวงพลังงาน "บ้านพิบูลธรรม" หรือ "บ้านนนที"

เที่ยวกรุงเทพฯ

เที่ยวกรุงเทพฯ

เที่ยวกรุงเทพฯ

         "บ้านพิบูลธรรม"
หรือ "บ้านนนที" เป็นบ้านที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชทานเจ้าพระยาธรรมาธิกรณาธิบดี (หม่อมราชวงศ์ปุ้ม มาลากุล) เสนาบดีกระทรวงวัง สร้างเมื่อประมาณ พ.ศ. 2456 ซึ่งเป็นปีที่เจ้าพระยาธรรมาธิกรณาธิบดี ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ โปรดเกล้าฯ เป็นเจ้าพระยา บ้านนี้มีชื่อว่าบ้านนนที ตามชื่อวัวพระนนทิการ ซึ่งเป็นเทวพาหนะของพระอิศวร (ตราประจำเสนาบดีกระทรวงวัง) และมาเปลี่ยนชื่อเป็นบ้านพิบูลธรรม เมื่อครั้งรัฐบาลสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม ซื้อไว้เป็นบ้านรับรองแขกเมือง

         สิ่งที่ทำให้เราต้องสะดุดตาและหันไปมองซ้ำแล้วซ้ำอีก คงหนีไม่พ้นความงดงามทางสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมของตัวอาคาร 2 หลัง แต่ละพื้นที่ของตัวอาคารแทบไม่มีส่วนไหนให้ต้องละสายตาได้เลย โดดเด่นด้วยอาคารที่สร้างตามหลักสถาปัตยกรรมยุโรป มองดูแล้วลักษณะคล้ายปราสาท เป็นอาคาร 2 ชั้น มีส่วนโค้งและส่วนหักมุมที่ได้สัดส่วนกลมกลืนกันอย่างพอดี ตกแต่งลวดลายแกะสลักอย่างวิจิตรบรรจง เรื่อยไปตั้งแต่บานประตู หน้าต่าง ลูกกรงระเบียง จนกระทั่งหน้าจั่ว เหนือประตูเฉลียงข้างของตึกหลัง ยังมีสะพานคอนกรีตเชื่อมชั้น 2 ของอาคารทั้ง 2 หลังเข้าไว้ด้วยกัน

เที่ยวกรุงเทพฯ

เที่ยวกรุงเทพฯ

เที่ยวกรุงเทพฯ

เที่ยวกรุงเทพฯ

         มุ่งหน้าต่อตามถนนพระราม 1 เข้าชม "วัดชำนิหัตถการ" หรือเดิมเรียก "วัดสามง่าม" ตรงบริเวณสะพานยศเส วัดเล็ก ๆ ที่มีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย หากใครที่เป็นคนช่างสังเกตอยู่เสียหน่อย ทั้งตัวพระอุโบสถ หน้าบันประดับ เครื่องถ้วยและปูนปั้นต่าง ๆ ล้วนได้รับอิทธิพลศิลปกรรมแบบจีนทั้งสิ้น นำมาซึ่งข้อสันนิษฐานว่าวัดนี้น่าจะสร้างขึ้นเมื่อต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ไฮไลท์สำคัญเห็นจะหนีไม่พ้นการได้เข้าชมวิหารพระนอน ภายในประดิษฐานพระนอนที่มีอายุเก่าแก่เป็นร้อย ๆ ปี สวยงามด้วยเครื่องลาดประดับด้วยทองคำแท้ทั้งองค์ และหากใครก็ตามลองไล่สายตาดูภายในวิหารพระนอนแห่งนี้ดูให้ดี จะรู้เลยว่าตั้งแต่ฉัตร โคมไฟ หมอนหนุนพระเศียร ผ้าห่ม ล้วนแล้วแต่มีความงดงาม จนเราเองแทบละสายตาไม่ลง

เที่ยวกรุงเทพฯ

เที่ยวกรุงเทพฯ

เที่ยวกรุงเทพฯ

         หลังจากไหว้พระที่วัดชำนิหัตถการแล้ว ถัดมาไม่ไกลเดินไปอีกนิดมุ่งหน้าเข้าสู่ถนนบรรทัดทอง เรียนรู้วัฒนธรรม "ชุมชนบ้านครัว" ชุมชนชาวจาม ที่ได้รับพระราชทานที่ดินจากรัชกาลที่ 1 เพื่อตอบแทนที่ร่วมรบในสงครามเก้าทัพ ในนาม "กองอาสาจาม" หากแต่อาชีพดั้งเดิมของชาวจามคือการประมง แต่ดูเหมือนว่าฝีมือการทอผ้าของชาวบ้านในชุมชน กลายเป็นเรื่องที่ได้รับการพูดแบบปากต่อปาก ทั้งยังเป็นมรดกภูมิปัญญาที่ได้รับการสืบทอดมาหลายชั่วอายุคน

เที่ยวกรุงเทพฯ

เที่ยวกรุงเทพฯ

เที่ยวกรุงเทพฯ

เที่ยวกรุงเทพฯ

         จุดเด่นของผ้าไหมของชาวชุมชนแห่งนี้ก็คือเนื้อผ้าจะมีคุณภาพสูง เส้นไหมจะเนื้อแน่นละเอียด สีจะสดสวย ใช้งานคงทน เป็นที่ถูกอกถูกใจและเป็นที่นิยมของชาวต่างประเทศเป็นอย่างมาก ซึ่งลวดลายเฉพาะที่เป็นเอกลักษณ์ของบ้านครัว ได้แก่ ลายประยุกต์ ลายจาม หางกระรอก ลายเกล็ดเต่า ผ้าฟูกหางกระรอก เป็นต้น ซึ่งในปัจจุบันนอกจากผ้าไหมผืนสวย ๆ แล้ว ยังถูกนำไปแปรรูปเป็นเนคไท ผ้าพันคอ ปลอกหมอน เป็นต้น เป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับผ้าไหมบ้านครัว ให้มีชื่อเสียง และเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากยิ่งขึ้น

เที่ยวกรุงเทพฯ

เที่ยวกรุงเทพฯ

เที่ยวกรุงเทพฯ

เที่ยวกรุงเทพฯ

         เดินออกมาตรงเชิงบริเวณสะพานหัวช้าง ณ สวนเฉลิมหล้า สิ่งที่น่าสนใจในสวนเฉลิมหล้าคือกำแพงที่มีการเพ้นท์สีเป็น Graffiti ซึ่งมีสีสันโดดเด่น น่าสนใจ จนทำให้สถานที่นี้มีคนเป็นจำนวนไม่น้อยที่เข้ามาถ่ายรูปกับงาน Graffiti สวย ๆ สวนเฉลิมหล้าเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่ 05.00-19.00 น.

เที่ยวกรุงเทพฯ

เที่ยวกรุงเทพฯ

เที่ยวกรุงเทพฯ

เที่ยวกรุงเทพฯ

เที่ยวกรุงเทพฯ

เที่ยวกรุงเทพฯ

         มาปิดท้ายด้วยการมุ่งหน้าสักการะ 8 เทพเจ้าย่านราชประสงค์ ได้แก่ ศาลพระตรีมูรติ ณ เซ็นทรัลเวิลด์, พระพิฆเนศวร ณ ห้างอิเซตัน, พระแม่อุมาเทวี ณ ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาราชดำริ, พระลักษมี ณ ศูนย์การค้าเกษร, พระนารายณ์ทรงสุบรรณ ณ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล, ท้าวอัมรินทราธิราช ณ ศูนย์การค้าอัมรินทร์พลาซ่า, ศาลท่านท้าวมหาพรหม ณ โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ, พระนารายณ์ประทับยืนบนพญาอนันตนาคราช ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นต้น

เที่ยวกรุงเทพฯ

เที่ยวกรุงเทพฯ

เที่ยวกรุงเทพฯ

เที่ยวกรุงเทพฯ

เที่ยวกรุงเทพฯ

เที่ยวกรุงเทพฯ

เที่ยวกรุงเทพฯ

เที่ยวกรุงเทพฯ

เที่ยวกรุงเทพฯ

         ในแง่หนึ่งย่านราชประสงค์เป็นเหมือนภาพสะท้อนความเจริญทางด้านวัตถุของสังคมเมือง แต่นั่นไม่ใช่ตัวแปรที่ทำให้ความเชื่อและความศรัทธาที่ผู้คนมีต่อองค์เทพต้องเสื่อมน้อยลงไปเลย ตรงกันข้ามกลับยิ่งทวีแรงศรัทธาเพิ่มมากขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงมุมมองที่ว่าไม่ว่าโลกจะวิวัฒนาการก้าวไกลไปมากเพียงใด แต่เรื่องราวของความเชื่อทางศาสนาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ยังคงฝังแน่นอยู่ในจิตใจอย่างไม่มีวันเสื่อมคลาย

         การได้ออกมาเที่ยวกรุงเทพฯ แบบนี้ ทำให้เราได้เห็นแง่มุมที่น่าสนใจมากมาย ลองคุณได้มาเดินสักครั้งคุณจะชอบกรุงเทพฯ แบบไม่รู้ตัว

         ●  ชอบที่ 1…ชอบที่จะได้มองเห็นวิถีชีวิตคนกรุงเทพฯ ที่แม้ว่าจะนั่งรถผ่านทุกวันก็ไม่มีวันเห็น
         ●  ชอบที่ 2…คุณอาจจะได้เพื่อนใหม่แบบไม่รู้ตัว
         ●  ชอบที่ 3…คุณจะไม่เชื่อว่า กรุงเทพฯ มีอะไรแบบนี้อยู่ด้วย ?
         ●  และชอบที่ 4…คุณจะรักกรุงเทพฯ ขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล


         หากใครอยากจะลองค้นหามุมมองที่เที่ยวกรุงเทพฯ ใหม่ ๆ แบบนี้ดูบ้าง อย่าลืมหาวันว่าง ๆ สักวัน แล้วไปสำรวจกรุงเทพฯ ดูนะคะ อย่างน้อยก็เพื่อเป็นการแสดงพลังให้เห็นว่ากรุงเทพฯ ยังมีสถานที่อีกมากมายที่รอให้คุณไปสัมผัส รับรองเลยว่าคุณจะต้องรักกรุงเทพฯ แบบไม่รู้ตัวเข้าอย่างเต็มเปา ^ ^

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
heartofbangkok.com, phamaibaankrua.com

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เดินเที่ยวกรุงเทพฯ แบบชิล ๆ รวมมิตรย่านตลาดโบ๊เบ๊-ราชประสงค์ อัปเดตล่าสุด 26 สิงหาคม 2559 เวลา 18:38:00 20,264 อ่าน
TOP