x close

ล่องเรือตกปลาที่อะแลสกา ดินแดนแห่งขั้วโลกเหนือ


อลาสก้า

          "อะแลสกา" (Alaska) อัญมณีแห่งสหรัฐอเมริกาที่ประกอบด้วยเมืองน่าอยู่มากมาย โดยเฉพาะบรรยากาศแบบชนบท ซึ่งเหมาะแก่การท่องเที่ยวพักผ่อน และถึงแม้จะไม่ใช่เมืองที่มีความหวือหวามากนัก แต่ทว่าคุณจะได้เพลินเพลินไปกับความสวยงามและความเรียบง่ายที่น่าหลงใหลจนอยากกลับมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า

          ทั้งหมดในความเป็นอะแลสกาเสมือนเป็นคำเชื้อเชิญนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้เข้ามาสัมผัสดินแดนธรรมชาติอันบริสุทธิ์ รายล้อมด้วยวิวทิวทัศน์ที่งดงามแปลกตา เหมือนกับที่ คุณสมาชิกหมายเลข 2372933 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม  ได้ไปสัมผัสความมหัศจรรย์ของดินแดนแห่งนี้ในฐานะนักตกปลามือสมัครเล่น ท่ามกลางดินแดนแห่งน้ำแข็งและหิมะ ที่ทำให้เรารู้ว่าอะแลสกาเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยการผจญภัย และคุ้มค่ากับการเดินทางไปถึง แต่ความสวยงามที่ว่าหน้าตาเป็นแบบไหน ? และสวยงามจริงอย่างที่บอกหรือเปล่า ? ตามไปดูกันเลย…



          สวัสดีครับ พบกันอีกแล้วกับกระทู้รีวิวกระทู้ที่ 2 ของผม หลังจากกระทู้แรก  "ขึ้นรถไฟไป บาเยิร์น บนเส้นทางรักสายเยอรมันโรเมนติกโรด [8 วัน 7 คืน ด้วยงบสุดประหยัด 20,000 บาท]" ได้รับการตอบรับอย่างดี เป็นกำลังใจสำคัญให้ผมอยากเล่าเรื่องราวประสบการณ์ต่างแดนให้เพื่อน ๆ ทุกคนครับ ถ้าชอบกดให้กำลังใจ ถ้าใช่กดโหวตให้ด้วยนะครับ

          เพื่ออารมณ์แห่งสุนทรียภาพในการอ่านกระทู้ แนะนำเปิดเพลงเบา ๆ คลอ ๆ ตามไปด้วยครับ

          -  ล่องเรือ ตกปลา ที่อะแลสกา ดินแดนสุดขอบโลก  -

อลาสก้า

อลาสก้า

          ไปไงมาไงถึงได้ไปอยู่ไกลถึงอะแลสกา ?

          เมื่อพูดถึงชีวิตตอนเรียนชั้นมัธยมปลาย นอกจากเรื่องราวเด็ด ๆ ต่าง ๆ ในซีรีส์เรื่องดังอย่างฮอร์โมน 3 ที่กำลังร้อนแรงอยู่ในขณะนี้แล้ว การสอบชิงทุนเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ผมเชื่อว่าเป็นที่ใฝ่ฝันของใครหลายคน ยิ่งถ้าได้ไปแลกเปลี่ยนที่สหรัฐอเมริกาแล้วละก็ อื้อหือ ! ภาพตึกระฟ้าสูง ๆ ในย่านแมนฮัตตันของมหานครนิวยอร์ก หรือจะเป็นภาพเมืองแห่งภาพยนตร์อย่างลอสแอนเจลิส ภาพติดตาที่ผมได้จากการดูหนังฮอลลีวูดเหล่านั้น แว่บเข้ามาในสมองของผมครั้งแรกตอนตัดสินใจกรอกใบสมัครกับโครงการ AFS เอาวะ ! ต้องทำให้ได้ ต้องไปอเมริกาให้ได้ ท่องไว้นิวยอร์ก นิวยอร์ก ! (อุทานเสียงดังจนคนข้าง ๆ ต้องหันมามอง 555)

          ในที่สุดผมก็ทำได้ แต่เหตุการณ์ไม่คาดคิดคาดฝันหลายอย่างก็ได้เกิดขึ้น เมื่อผมต้องย้ายบ้านจากรัฐ Wisconcin มา Alaska ด้วยวิธีนั่งรถข้ามน้ำ ข้ามทุ่งหญ้า ข้ามภูเขา ผ่านรัฐ Minessota-North Dakota-Montana-Idaho ก่อนจะมาจบที่เมือง Seattle รัฐ Washington แล้วนั่งเครื่องบินต่อไปยังเมือง Anchorage รัฐ Alaska ใช้เวลากว่าหนึ่งสัปดาห์

อลาสก้า

          ภาพแผนที่ทวีปอเมริกาเหนือ อะแลสกาเป็นรัฐที่ 49 ของสหรัฐอเมริกาที่ซื้อต่อจากรัสเซีย จะเห็นว่าอะแลสกาอยู่สุดติ่งด้านบนสุดเลยครับ ซึ่งไม่มีดินแดนติดกับอเมริกาแผ่นดินใหญ่เลย (Below 48 states)

          สิ่งแรกเมื่อผมรู้ว่าต้องย้ายไปอะแลสกาคือ ห้ะ ! อะแลสกา ? มันอยู่ส่วนไหนของโลกเนี่ย ? เอาจริง ๆ ณ ตอนนั้นนอกจากภาพปูอะแลสกา ภาพบ้านน้ำแข็งบนถุงไอศกรีมเอสกิโม และภาพหมีกริซลีจับปลาแซลมอนในลำธาร โดยที่ปลาจะว่ายทวนน้ำแล้วกระโดด ส่วนน้องหมีก็จะคอยรอจังหวะโอกาสนั้นจับปลาเข้าปาก เป็นภาพที่ผมพอจะนึกออกได้บ้างจากสารคดีโปรดในวัยเด็ก อย่างรายการสำรวจโลก National Geographic นอกจากนั้นแล้วผมก็แทบจะนึกอะไรไม่ออกเกี่ยวกับอะแลสกา รัฐที่ผมต้องใช้ชีวิตนักเรียนแลกเปลี่ยนที่นั่นอีก 10 เดือน อีกเลย

          ขณะที่เครื่องบินแลนดิ้งภาพที่ผมเห็นเมื่อมองออกไปจากช่องหน้าต่างบานเล็ก ๆ ของสายการบิน Alaska Airline มีแต่ป่า ป่า ป่า และภูเขาที่ปกคลุมด้วยไปหิมะ สีขาวโพลนครับ อ้าว ! แล้วภาพตึกระฟ้าแห่งนิวยอร์กซิตี้ที่ฝันไว้ละ จบกัน เกริ่นมาตั้งนานออกทะเลไปซะไกล นี่ยังไม่ทันได้ลงเรือเลย กลับมาก่อน ๆๆ

อลาสก้า

          ภาพภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะในช่วงเดือนสิงหาคม ถ่ายขณะเครื่องบินกำลังแลนดิ้งครับ

อลาสก้า

อลาสก้า

          ภาพภูเขาหิมะสวย ๆ ในเดือนมีนาคม ถ่ายตอนนั่งเครื่องบินเล็ก ชมวิวภูเขา ไว้มีโอกาสจะรีวิวให้ชมครับ

          ตลอดระยะเวลา 10 เดือน ในอะแลสกา ความฝันที่ผมลิสต์ไว้ว่าต้องทำให้ได้คือกินหิมะ ตั้งแคมป์เดินเขา ตามล่าหาแสงออโรร่าหรือแสงเหนือ และอีกสิ่งคือออกไปตกปลาแซลมอนแบบน้องหมีกริซลีในสารคดีสำรวจโลก ซึ่ง 3 อย่างแรกมิชชั่น Completed จนรู้สึกหายอยาก หายตื่นเต้นไปเลยละครับ โดยเฉพาะหิมะ ตก ตก ตกตั้งแต่เดือนตุลาคมยันเดือนพฤษภาคมเลยทีเดียว กะว่าจะไม่ให้ผมได้เห็นสีเขียว ๆ ของต้นไม้ต้นหญ้าเลยหรือไง

          ทีนี้ก็เหลืออีกหนึ่งสิ่งที่ยังทำไม่สำเร็จ คือการออกไปตกปลาแซลมอนแบบน้องหมีกริซลีในสารคดีสำรวจโลก แต่น่าเสียดายมาก ๆ เพราะช่วงเวลาที่ปลาแซลมอนจะขึ้นมาวางไข่ที่ต้นน้ำแบบในสารคดีนั้นคือช่วงเดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นช่วงที่ผมต้องเดินทางกลับเมืองไทยแล้ว น่าเสียดายเอามาก ๆ เลยครับ

อลาสก้า

อลาสก้า

อลาสก้า

          Aurora lights ภาพแสงเหนือสวย ๆ ที่สามารถเห็นได้ตั้งแต่ช่วงเริ่มเข้าหน้าหนาว ราว ๆ ปลายเดือนตุลาคม ภาพนี้ถ่ายที่ Flat Top ซึ่งเป็นยอดเขาหลังบ้าน Host Family ครับ ถ่ายภาพนี้โดยเพื่อนช่างกล้องของผมเอง credit by Daniel Kim Wongi

          20 มิถุนายน จดหมายฉบับหนึ่งซึ่งจ่าหน้าซองถึงผมได้ถูกส่งมาถึงที่บ้าน แม้จะรู้อยู่คร่าว ๆ จากเพื่อนในกลุ่มไลน์แล้วว่าเป็นจดหมายเกี่ยวกับการเดินทางเข้าร่วม Workshop : End of Stay ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และการเดินทางกลับสู่ประเทศไทย นั่นหมายความว่าชีวิตนักเรียนแลกเปลี่ยนกำลังจะจบลง แล้วทริปตกปลาของผมล่ะ ?? เพื่อความมั่นใจจึงเปิดจดหมายอ่านอย่างละเอียด ได้ใจความว่าต้องเดินทางออกจาก Hosted state วันที่ 25 มิถุนายน และวันที่ 28 มิถุนายน เดินทางกลับประเทศไทย นอกจากกำหนดการการเดินทางและกำหนดการรายละเอียดเกี่ยวกับไฟลท์บินแล้ว ในจดหมายฉบับนี้ยังได้แนบตั๋วเครื่องบินมาด้วย ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่าต้องเดินทางกลับจริง ๆ แล้วสิ เหลือเวลาอีกเพียง 5 วันเท่านั้น

          เมื่อจดหมายฉบับนี้ถึงมือครอบครัวอุปถัมภ์ สีหน้าของทุกคนก็แสดงออกถึงความเศร้าได้ชัดเจน 555 ในใจเขาอาจจะดีใจอยู่ก็ได้ เด็กนี่กลับบ้านแล้ว เราประหยัดค่าอาหารขึ้นเยอะ เพราะมันกินจุ 555 อันนี้ล้อเล่นนะครับ  อ้าวแล้วเมื่อไหร่จะได้ไปตกปลาล่ะเนี่ย ?? ใกล้แล้วครับ ๆ ใจเย็น ๆ

          ในที่สุดโฮสต์พ่อก็เซอร์ไพรส์ผมด้วยทริปตกปลา ห้ะ !! ฟังไม่ผิดใช่ไหม ? ตอนนั้นจำได้ว่าผมตื่นเต้นและย้ำเขาหลายรอบเอามาก ๆ ว่าจริง ๆ ใช่ไหม เขาบอกว่าได้ยินผมบ่นมาตลอดเรื่องอยากเห็นปลาแซลมอนกับน้องหมีกริซลีแบบในสารคดี และอีกไม่กี่วันผมต้องเดินทางกลับประเทศไทยแล้ว เขาอยากให้เราสนุกและใช้เวลากับครอบครัวอุปถัมภ์อย่างเต็มที่ จึงจัดทริปตกปลาขึ้นครับ

          เอาล่ะ...ก่อนอื่นเรามาดูแผนที่กันก่อนครับ ทริปตกปลาที่ผมกำลังจะพาทุกท่านไปด้วยกันนั้น มันไปอย่างไร มันอยู่ตรงส่วนไหนของโลกใบนี้

อลาสก้า

          ทริปตกปลาในครั้งนี้ผมเริ่มเดินทางจากจุดสีแดงข้างบนสุด นั่นคือเมือง Anchorage เมืองใหญ่ที่สุดในอะแลสกา และเป็นเมืองที่ผมอาศัยอยู่ครับ เราเริ่มเดินทางออกจากบ้านตั้งแต่เช้าตรู่ ไปขึ้นรถโคชที่โรงแรมกัปตันฮุค ในย่านดาวน์ทาวน์ของเมืองครับ หลังจากล้อหมุน เราใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง เดินทางจากเมือง Anchorage ผ่านอุโมงค์ที่ยาวมาก ๆ ซึ่งบรรยากาศข้างทาง เต็มไปด้วยต้นสน และลำธาร ซึ่งเกิดจากการละลายของหิมะในช่วงย่างเข้าฤดูร้อน ตลอดระยะเวลากว่า 4 ชั่งโมง บนรถโคช นอกจากผมจะดื่มด่ำกับบรรยากาศดิบ ๆ ของอะแลสกาแล้ว อีกสิ่งที่ผมเชื่อว่าใคร ๆ อีกหลายคนต้องทำแน่ ๆ นั่นคือการนอนหลับครับ ก็แน่อยู่แล้วออกจากบ้านตั้งแต่ไก่โห่ก็ต้องง่วงเป็นธรรมดา

          ในที่สุดผ่านไป 4  ชั่วโมง ผมก็เดินทางมาถึงท่าเรือที่เมือง Whittier นั่งจิบกาแฟร้อน ๆ ท่ามกลางบรรยากาศ 5 องศาเซลเซียส ฟินชะมัด ก่อนที่จะขอตัวออกไปยืดเส้นยืดสาย หลังจากนั่งรถยาวถึง 4 ชั่วโมง และได้โอกาสถ่ายรูปท่าเรือเล็ก ๆ น้อย ๆ มาฝากครับ

อลาสก้า

อลาสก้า

          ท่าเรือที่เมือง Whittier ตอนสาย ๆ กับหมอกบาง ๆ

          >>> ทุกคนพร้อม เสื้อชูชีพพร้อม เสบียงพร้อม คันเบ็ดตกปลาพร้อม 3 4 ออกเดินทางกันเลย <<<

          จากท่าเรือเล็ก ๆ ที่เมือง Whittier เราก็ออกเดินทางสู่เวิ้งน้ำอันกว้างใหญ่ไพศาล บริเวณที่เรากำลังจะไปนั้น เรียกรวม ๆ ว่า Gulf of Alaska ครับ ซึ่งกินพื้นที่ถึง 2 อุทยานแห่งชาติด้วยกัน นั่นคือ Gugach National Park และ Kenai Fjords National Park เรือที่ผมโดยสารวันนี้เป็นเรือขนาดกลาง เพื่อนร่วมเดินทางประมาณ 12 คน และน้องหมา 1 ตัว ซึ่งทุกคนเป็นเพื่อนที่บริษัทของโฮสต์พ่อครับ

          เส้นทางการเดินเรือวันแรก เราจะลัดเลาะตามภูเขาในเขตอุทยานแห่งชาติไปเรื่อย ๆ เพียงไม่นานเมื่อเรือเคลื่อนออกจากฝั่ง ภาพที่เห็นอยู่เบื้องหน้าของผม อู้หูววววว !! อุทานเป็นภาษาไทยออกมา มันคืออะไรกันเนี่ย ? นี่มันใช่ธารน้ำแข็งล้านปี หรือ Glacier ในภาษาอังกฤษที่ผมพร่ำท่องพร่ำเรียนในวิชาโลกและดาราศาสตร์หรือไม่ ?? ของจริงอะไรมันจะดูยิ่งใหญ่ขนาดนี้ (อันนี้เริ่มเว่อร์ละ 555) แม้ว่าวันนี้โชคอาจไม่เข้าข้างผมมากนัก เพราะหมอกลงต่ำแถมฟ้ายังครึ้มอีก แต่ก็ไม่ได้ทำให้ภาพธารน้ำแข็งลาง ๆ ตรงหน้า ซึ่งเกิดจากการทับถมของหิมะเป็นเวลาว่าล้านปีดูแปลกตาน้อยลงไปเลย

อลาสก้า

อลาสก้า

          จากนั้นเรือก็มุ่งหน้าพาผมไปยังธารน้ำแข็งอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่แรกมากนัก แสงแดดเริ่มสาดส่องลงมา ฟ้าเริ่มเปิด โชคเริ่มเข้าข้าง ทันใดนั้นภาพที่เห็นหลังม่านหมอกคือธารน้ำแข็งขนาดยักษ์สีฟ้าอมน้ำเงิน โอ้โห ! ณ จุดนี้ ผมสตั๊นต์ไป 20.25 วินาที อันที่ผ่านมาว่าสวยแล้ว อันที่อยู่ข้างหน้านั้นสวยยิ่งกว่า

อลาสก้า

อลาสก้า

          บรรยากาศรอบตัวผม ณ ตอนนั้นมีเพียงธรรมชาติอันดิบ ๆ ของอะแลสกา ผืนน้ำ ท้องฟ้า สายลม และสิ่งที่เพิ่มเติมทำให้ทุกอย่างดูแปลกตาและน่าอัศจรรย์มากยิ่งขึ้น คือธารน้ำแข็งขนาดใหญ่มหึมา ที่ตั้งตระหง่านอยู่ข้างหน้าผม ทุกคนบนเรือต่างเงียบกริบ มีแต่เสียงเครื่องยนต์ที่ดังไม่มากนัก กับเสียงคลื่นทะเลที่ซัดสาดกับโขดหิน สักพักเหมือนกะลาสีเรือเขารู้ใจ เปิดเพลง My heart will go on ตาผมเริ่มปิดลง สายลมเย็น ๆ ที่พัดผ่านมากระทบบนใบหน้า ประหนึ่งว่าผมเป็นแจ๊คที่กำลังจับมือโรสอย่างเหนียวแน่น เหมือนดั่งในเรื่องชู้รักเรือล่ม เฮ้ย ! ไททานิค นั่นเองครับท่านผู้ชม

อลาสก้า

          แต่แล้วในขณะที่ผมกำลังเคลิบเคลิ้มกับบรรยากาศอยู่นั้น จู่ ๆ เสียงดังกระหึ่มดั่งฟ้าลั่นดัง...ตูม !!!!! มันดังสนั่นมาก เข้ามาตัดบท เรียกผมให้ตื่นจากฝันกลางวัน และปล่อยให้อารมณ์โรแมนซ์ชะงัก แบบไม่ทันได้บอกกล่าวให้เตรียมตัว ด้วยเสียงที่ดังมากทำให้ผมรีบเบิ่งตาดูว่าเกิดอะไรขึ้น สิ่งที่เห็นอยู่เบื้องหน้าคือภาพของธารน้ำแข็งละลายตกลงมากระทบกับผืนน้ำ เรือพยายามที่จะพาเราเข้าใกล้ แต่ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยเราจึงได้แต่มองอยู่ห่าง ๆ ครับ

อลาสก้า

          ธารน้ำแข็งล้านปี ยิ่งเข้าใกล้ยิ่งสวยมากครับ

          หลังจากที่ผมดื่มด่ำกับธารน้ำแข็งเป็นเวลานานพอสมควรแล้ว ก็ได้เวลานอน นอน และนอน แม้ว่าผมจะเป็นเด็กเกาะ เกิดมาพร้อมกับทะเล แต่ความเป็น Islander นี่ก็ไม่ได้ช่วยผมเรื่องอาการเมาเรือเลย ซัดยาแก้เมาไปหนึ่งเม็ด ก่อนจะหลับใหลนอนพักเอาแรงครับ

          จากจุดชมธารน้ำแข็งเรือแล่นออกไปประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง เพื่อหาพิกัดแหล่งที่ปลาชุกชุม โดยใช้คลื่นโซนาร์ในการตรวจหาปลาครับ ในที่สุดผมก็ตื่นด้วยเสียงดังของทุกคนบนเรือ ที่ต่างเตรียมพร้อม เตรียมอุปกรณ์สำหรับตกปลารอบแรกกันครับ

          ปลาที่ผมจะตกรอบแรกวันนี้ จากข้อมูลที่สอบถามคนเรือมาเขาบอกว่าจะเป็นปลาแซลมอน ซึ่งแซลมอนรอบนี้เป็น King Salmon เป็นปลารอบแรกที่ว่ายน้ำกลับมายังฝั่งเพื่อจะผสมพันธุ์

          ที่อะแลสกาไม่มีอุตสาหกรรม ฟาร์มเพาะพันธุ์ หรือเพาะเลี้ยงปลาแซลมอน มันเป็นสิ่งผิดกฎหมาย เพราะว่า เขาต้องการจะส่งออก Wild Salmon เพราะฉะนั้นถ้ามีฟาร์มเลี้ยงปลาเกิดขึ้น ความเป็น  Wild Salmon ก็จะถูก Discredit ทันทีครับ

          เอาล่ะ...ในที่สุดก็ได้เวลาตกปลาแล้ว ผมไม่รอช้ารีบเหวี่ยงเบ็ดลงสู่ทะเล ในระยะความลึกประมาณ 15 ฟุต เหตุผลที่ต้องหย่อนเบ็ดลงไป 15 ฟุต เพราะว่าเป็นช่วงความลึกจากระดับผิวน้ำที่ปลาแซลมอนหากินครับ

อลาสก้า

          วิวขณะตกปลาครับผม

อลาสก้า

          เจ้าตัวนี้ไม่ใช่แซลมอนนะครับ ส่วนปลาแซลมอนพอตกได้ปุ๊บเขาก็เก็บเลย ไม่ทันได้ถ่ายรูปเลย

          ผมใช้เวลาไม่นานมากนัก เบ็ดตกปลาผมก็กระตุก "โอ้...นี่มันต้องเป็น King Salmon ในตำนานแน่ ๆ" ยิ่งผมออกแรกหมุนเอ็นเท่าไร แรงต้านก็ยิ่งแรงไปมากเท่านั้น "ข้าไม่ยอมแพ้เจ้าหรอก ! จงมาเป็นอาหารของข้าเสียดี ๆ !" ในใจผมตอนนั้นมีแต่ความมุ่งมั่น "กูต้องตกแซลมอนให้ได้" ยิ่งผมออกแรงมากขึ้นเท่าไรคันเบ็ดยิ่งโค้งงอมากขึ้นตามตัว ผมยังไม่หมดความพยายาม ยังคงต่อสู้กับแซลมอนในตำนานตัวนี้ต่อไป

          ในขณะที่ผมกำลังมุ่งมั่นอยู่กับการหมุนเอ็น อีกฝั่งหนึ่งของเรือ คุณลุงผู้ร่วมเดินทางด้วยในครั้งนี้ก็ออกแรงไม่น้อยไปกว่าผมเช่นกัน "เอาล่ะวะ ! มาแข่งกันว่าใครจะได้ปลาตัวแรกก่อนกัน" เวลาผ่านไปสักครู่คนเรือเดินมาบอกให้ผมผ่อนแรก ด้วยความงง ๆ ก็บอกเขาว่า "นี่ไอกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มเลยนะ" เขาบอกว่า "ไม่หรอก"  "อ้าวทำไมล่ะ ยูไม่เห็นเหรอ ?? และสุดท้ายเขาก็บอกว่าปลามันไม่ได้กินเบ็ดหรอก แต่ไอ้ที่เบ็ดมันกระตุกเพราะตัวเบ็ดมันดันไปเกี่ยวกับเบ็ดของลุงอีกฝั่งหนึ่ง อ้าว ๆๆๆๆ จ๋อยไปเลย

          สุดท้ายแล้วการตกปลารอบแรกของวันนี้ผ่านไป คนอื่นเขาก็ตกได้กันหลายตัว แต่ผมได้แต่ตกเบ็ด เฮ้อออออออ ไม่เป็นไรนะรุส พรุ่งนี้ยังมีโอกาสแก้ตัว

อลาสก้า

          เพื่อนร่วมทริปคนอื่นกำลังตกปลากันอย่างเมามันส์เลย ไม่รู้เมาเรือแบบผมด้วยหรือเปล่า ??

          หลังจากที่ทุกคนใช้เวลาตกปลาไปกว่า 2 ชั่วโมง เรือก็แล่นไปยังเกาะเกาะหนึ่งในเขตอุทยานแห่งชาติ วันนี้เราจะนอนพักกันที่คาบินไม้กลางป่า อู้หูววววว !!! คาบินไม้ มันจะมียุงเข้ามาไหม ? ต้องกางมุ้งนอนด้วยไหมเนี่ย ?

อลาสก้า

อลาสก้า

          บรรยากาศภายในคาบินดูอบอุ่นและน่านอนอยู่

          หลังจากเก็บข้าวของสัมภาระ ก่อนจะรับประทานอาหารเย็นเป็นช่วงพักผ่อนตามอัธยาศัยครับ ผมเลือกที่จะออกไปเดินเล่นและเก็บภาพธรรมชาติดิบ ๆ ของอะแลสกา

อลาสก้า

อลาสก้า

อลาสก้า

อลาสก้า

          เพื่อนร่วมทริปคนอื่น ๆ ก็เลือกใช้เวลานี้เก็บภาพความประทับใจเช่นกัน

อลาสก้า

อลาสก้า

อลาสก้า

อลาสก้า

          เรือที่ผมใช้โดยสารตลอดทริปในครั้งนี้ครับ

อลาสก้า



อลาสก้า

          ในระหว่างที่เดินเล่นอยู่นั้นผมก็เจอนกอินทรี ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของสหรัฐอเมริกาและป่าสนที่ยังคงอุดมสมบูรณ์

อลาสก้า

อลาสก้า

          ภาพความสวยงามและความเยือกเย็นที่ผมสัมผัสได้

          ไม่นานนักดวงอาทิตย์ก็เริ่มลับขอบฟ้า แม้ช่วงที่ผมไปจะเป็นช่วงหน้าร้อนที่ดวงอาทิตย์จะลับขอบฟ้าแค่แป๊บเดียวแล้วก็โผล่ขึ้นมาอีก แต่ก็ยังมีแสงสวย ๆ ให้ได้เห็นกันครับ

อลาสก้า

อลาสก้า

          จบวันแรกของทริปตกปลาด้วยอาหารเย็นมื้อใหญ่ ทั้งปูอะแลสกาและปลาแซลมอนที่จับได้ตอนบ่ายครับ หลังจากกินอิ่มแล้วก็ได้เวลานอนชาร์จแบตร่างกายสำหรับวันรุ่งขึ้น

อลาสก้า

          เช้าวันที่สองของทริปล่องเรือตกปลา

          ภาพเคลื่อนไหวบางส่วนที่บันทึกด้วยไอโฟนขณะนั้นครับ

          แปะคลิป

          วันนี้ผมตื่นด้วยความสดใสและมั่นใจว่าต้องตกปลาได้แน่ ๆ หลังจากที่เมื่อวานตกไม่ได้สักตัว วันนี้พร้อมแล้วขอแก้ตัวครับ

อลาสก้า

อลาสก้า

          บรรยากาศยามเช้ากับแสงอุ่น ๆ วันนี้อากาศเต็มใจ ท้องฟ้าปลอดโปร่ง คลื่นลมเงียบสงบ

          ในขณะที่เรือกำลังมุ่งหน้าไปทาง Kenai Fjords National Park รอบกายผมเต็มไปด้วยไอซ์เบิร์กหรือก้อนน้ำแข็งที่เกิดจากการละลาย และหลุดออกจากธารน้ำแข็งที่เราไปชมกันเมื่อวานลอยเต็มไปหมด

อลาสก้า

อลาสก้า

อลาสก้า

อลาสก้า

          ส่วนเรือก็ยังคงแล่นหาจุดที่ปลาชุกชุม ตามภาพที่โชว์บนจอของเครื่องโซนาร์หาปลา ไม่นานนักเรือก็แล่นผ่านธารน้ำแข็งอีกแห่งครับ สวยไม่แพ้เมื่อวานเลย

อลาสก้า

อลาสก้า

          คันเบ็ดพร้อม คนพร้อม วันนี้เอาจริง เมื่อวานแค่แซมเปิล (นี่ก็โม้ไปเรื่อย)

อลาสก้า

อลาสก้า

          เอาล่ะ...ถ้าพร้อมแล้วก็ขว้างเหยื่อลงน้ำกันเลย (งานปลิดชีพก็มา ช่วงเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนเป็นช่วงที่หลายคนไม่สามารถปฏิเสธน้ำหนักที่ทะยานขึ้นอย่างรวดเร็วดั่งจรวดได้ และผมก็เช่นกัน เป็นช่วงที่อ้วนที่สุดในชีวิตละ AFS and Another Fat Student lol that is absolutely true !)

อลาสก้า

          อื้อหือแรงเยอะนะเราอะ ครั้งนี้คงต้องเป็นปลาแล้วสินะ คงไม่ใช่ตะขอของใครเหมือนเมื่อวาน เอ้า !! ออกแรงหมุนกันหน่อย ดูแล้วปลาตัวนี้คงไม่ธรรมดา แรงเยอะใช่ย่อย อย่าให้จับได้นะ หึหึ จะจับมาต้มยำให้รู้แล้วรู้รอดเลย

อลาสก้า

          แต่นแต๊นนนนนนน ในที่สุดปลาตัวแรกก็ติดกับดักของผมจนได้ นี่มันปลาอะไรกันเนี่ย ?? หน้าตาพิลึกพิกล จะกินได้ไหมเนี่ย ? จากการสอบถามพี่อ้วน คนเรือ พี่เค้าบอกว่ามันคือ Stone Fish ครับ เป็นปลาที่หากินตามแนวโขดหินและผิวดิน สาเหตุที่ผมตกได้เจ้านี่เพราะผมปล่อยเอ็นลึกเกินไป ไม่ได้ล็อกระดับความลึกของน้ำ จึงตกได้ปลาหินมาซะงั้น 555 แต่ก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีนะ

อลาสก้า

          พี่อ้วน ผู้เชี่ยวชาญเรื่องปลา ปลาในน่านน้ำอะแลสกา ปลาอะไรโผล่มาพี่แกรู้หมด

          หลังจากตกได้ตัวแรก ตัวที่ 2 ตัวที่ 3 ก็ตามมาเรื่อย ๆ ครับ ชักเริ่มจะสนุกแล้วสิ

อลาสก้า

อลาสก้า

อลาสก้า

อลาสก้า

          Red snapper เหมือนปลาเก๋าเพลิงที่บ้านผมเลย น้ำลายไหล สด ๆ ตัวพี ๆ แบบนี้ ถ้าได้เอาไปแกงส้มแล้วใส่ยอดมะพร้าว มันลอย ๆ กินกับข้าวสวยร้อน ๆ นะ หรอยแรงนิ ! นึกแล้วหิวข้าวที่บ้านเลย

          ปอปลาตากลมสด ๆ เต็มแท็งก์เลยครับ ตกกันไม่ทันเลยทีเดียว

อลาสก้า

อลาสก้า

          ซูมเข้าไปอีก
          ซูมเข้าไป

อลาสก้า

อลาสก้า

          ถ้าปลามันพูดได้มันคงตะโกนดัง ๆ ออกมาว่า "กูไม่น่าติดกับดักเหยื่อเลย เฮ้ออออออเพลีย " (ขออนุญาตใช้คำหยาบเพื่ออรรถรสนะครับ)

          >> สรุปแล้ววันนี้ผมตกปลาไปได้ถึง 15 ตัว ด้วยกัน สนุกมาก ๆ แถมได้ปลาที่ตกได้กลับมากินด้วย <<

          และแล้วภารกิจตกปลาก็สำเร็จ แม้จะตกปลาแซลมอนไม่ได้ แต่ก็ได้ปลาแซลมอนกลับมากินนะครับ

อลาสก้า

          เรือมุ่งหน้าพาเรากลับมายังฝั่งที่ท่าเรือ Seward ซึ่งเป็นท่าเรือท่องเที่ยวขนาดใหญ่ ระหว่างทางกลับก็มีสิงสาราสัตว์น้อยใหญ่ออกมาต้อนรับด้วยครับ เริ่มที่เจ้าตัวแรกเลย

อลาสก้า

          Humpback Whale ว่ายมาอวดโฉม แล้วก็กระโดดโชว์เราด้วย

อลาสก้า

          Right whale

อลาสก้า

          Horned Puffin

          และตัวสุดท้ายที่เจอ เจ้า Sea otter

อลาสก้า

          แม้ว่าทริปตกปลาจะจบลงแล้ว แต่โฮสต์แฟมิลี่น่ารักมากครับ โฮสต์ซิบลิ้ง (พี่น้อง) และโฮสต์แม่ นั่งเฮลิคอปเตอร์จากเมืองมารับ แล้วเราก็นั่งรถไฟ Exclusive class จากท่าเรือ Seward กลับไปยังเมือง Anchorage

อลาสก้า

อลาสก้า

          รถไฟเอ็กซ์คลูซีฟสุด ๆ ไปเลย หลังคาเป็นกระจกให้เราได้มองเห็นทัศนียภาพ และยังมีอาหารบริการตลอดการเดินทางด้วย...แหล่มเลย

อลาสก้า

อลาสก้า

          ใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง เดินทางถึงเมือง Anchorage ตลอดระยะเวลา 6 ชั่วโมง บนรถไฟนอกจากกิน (เยอะมาก) แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่พยายามใช้ให้มากที่สุดก็คือเวลาที่อยู่ร่วมกับโฮสต์แฟมิลี่ครับ

อลาสก้า

          โฮสต์บราเทอร์

อลาสก้า

          และแล้วผมก็เดินทางกลับถึงบ้าน ใช้เวลาอาบน้ำเกือบหนึ่งชั่วโมง หลังจากไม่ได้อาบมาถึง 2 วัน ทั้งกลิ่นไอทะเลและความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง หลังจากนั้นก็รีบขึ้นไปทานข้าวเย็น เมนูวันนั้นคือปลาแซลมอนอบเลมอน รสชาติอร่อยมาก ๆ เลยครับ เสร็จจากอาหารเย็นผมก็รีบเข้านอน เพราะวันรุ่งขึ้น วันที่ 24 มิถุนายน 2013 เป็นวันสุดท้ายที่จะได้อยู่กับโฮสต์แฟมิลี่ และต้องเตรียมตัวจัดกระเป๋าให้เสร็จ ก่อนจะบอกลาโฮสต์แฟมิลี่และอะแลสกา เดินทางไปยังกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ในเช้าวันที่ 25 และเดินทางกลับเมืองไทยวันที่ 28 มิถุนายน 2013

          นับได้ว่าเป็นประสบการณ์ชีวิตที่ดีมากที่สุดช่วงหนึ่ง แม้จะผ่านเรื่องร้าย ๆ มาในตอนแรก แต่สุดท้าย 10 เดือน กับการเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนก็จบลงด้วยความประทับใจ ต้องขอบคุณโครงการ AFS Thailand และทุน Kennedy-Lugar Youth Exchange and Study program ที่มอบโอกาสนี้ให้ผม ขอบคุณโฮสต์แฟมิลี่ และขอบคุณทุกท่านที่รับชมด้วยน้าครับ ไว้เจอกันใหม่ในรีวิวหน้า

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณสมาชิกหมายเลข 2372933 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ล่องเรือตกปลาที่อะแลสกา ดินแดนแห่งขั้วโลกเหนือ อัปเดตล่าสุด 13 พฤศจิกายน 2558 เวลา 16:56:04 9,299 อ่าน
TOP