x close

จากทัชมาฮาลสู่เลห์ ลาดักห์ สัมผัสมนตร์เสน่ห์แห่งอินเดีย


อินเดีย

          หลายคนใฝ่ฝันที่จะไปเยือน "อินเดีย" สักครั้ง อาจเป็นเพราะรีวิวต่าง ๆ ที่เผยให้เห็นความสวยงามและเชื้อเชิญให้คนอ่านหลงเสน่ห์อินเดียอย่างไม่รู้ตัว จึงคิดอยากไปพิสูจน์ให้เห็นกับตาตัวเอง เช่นเดียวกับ คุณ nong luck55 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่ได้พบกับช่วงเวลาดี ๆ ในการไปเที่ยวที่อินเดียของตัวเอง ทั้งการเยี่ยมชมปราสาทหินอ่อนที่สวยงามอย่าง "ทัชมาฮาล" ตระเวนเที่ยวเมืองในหุบเขาเจ้าของฉายา "ทิเบตน้อย" แห่งดินแดนชมพูทวีปอย่างเมือง "เลห์ ลาดักห์" ที่ที่คุณจะได้เห็นความงามของภูเขาและท้องฟ้าใสที่ไม่เหมือนที่ใดในโลก นั่นก็เพียงที่จะพิสูจน์ให้เห็นว่าอินเดียเป็นประเทศที่มีเสน่ห์ทั้งธรรมชาติและวัฒนธรรมอย่างไม่เสื่อมคลาย เอ้า ! แล้วคุณพร้อมจะไปเที่ยวอินเดียกับเราแล้วหรือยัง ?? ถ้าพร้อมก็ตามมาเลย



          สวัสดีครับ รีวิวนี้เป็นรีวิวที่สองของผมแล้วครับ และขออนุญาตใช้ Login พี่สาวเช่นเคย ครั้งนี้ผมไปเที่ยวอินเดียมาครับ ดินแดนที่ใครหลายคนคิดถึงแต่ความสกปรกหรือโดนหลอกแม้กระทั่งโดนโกงบ้างแหละ และในวันนี้ผมขอมารีวิวแชร์ประสบการณ์จากภาพถ่าย ว่าจริง ๆ แล้วประเทศอินเดียก็มีสิ่งสวยงามเหมือนกัน

          Taj Mahal

อินเดีย

          Leh

อินเดีย

          Pangong Lake

อินเดีย

          Pangong Lake

อินเดีย

          India Gate
 
อินเดีย

          จุดเริ่มต้นเลยผมอยากไปดูทัชมาฮาลครับ มันเป็นสิ่งหนึ่งที่ incredible มาก ๆๆ มันทั้งมีเสน่ห์ มหัศจรรย์ ว่าสร้างขึ้นมาได้ยังไงสำหรับคนสมัยก่อน เรื่องราวของความรักที่จักรพรรดิผู้มีรักมั่นคงต่อพระมเหสีของพระองค์ สร้างทัชมาฮาลขึ้นมา ผมมีความฝันว่าอยากไปชมกับตาตัวเองสักครั้ง โดยหลอกเพื่อนให้ไปผจญภัยอินเดียด้วยกันอีก 2 คนครับ 555 เดินทางทั้งหมดกัน 10 วัน เมื่อวันที่ 16-25 ตุลาคม 2558 ครับ

          แผนคร่าว ๆ เมืองที่ผมไปมา ดังนี้

          - New Delhi
          - Agra
          - Leh


          จากสุวรรณภูมิเราบินด้วยสายการบิน Jet Airway ลงเครื่องและเข้าเมือง New Delhi ไม่น่าเชื่อว่ารถไฟ Metro เข้าเมืองของอินเดียจะดูดีมาก ๆ เลย

อินเดีย

          ที่นั่งก็เป็นอย่างที่เห็นดูสะอาดใช้ได้

อินเดีย

          แต่หลังจากเราลง Metro และขึ้นมายังสถานีรถไฟนิวเดลีพวกเราก็ค้นพบกับความจริงของที่นี่... ขึ้นมาจากสถานี Metro New Delhi

อินเดีย

          ผู้คนที่นี่ใจดีมากครับ รีบวิ่งเข้ามาช่วยเหลือกันเต็มเลย Hello My Friend ... 5555 อันที่จริงเราตั้งใจจะไปหา information เพื่อถามว่าตั๋วรถไฟที่ผมจองมาจาก website ใช้ได้เลยหรือเปล่า เพราะว่าพวกเราต้องออกจาก New Delhi พรุ่งนี้ตั้งแต่เช้าไปเมือง Agra แต่ว่า information ปิด เพราะว่าพวกเราเข้ามาถึงก็กลางคืนแล้วครับ และหลังจากไปถามเจ้าหน้าที่สถานีพูดคุยกันสักพักก็ส่งต่อให้ใครไม่รู้ซึ่งคงเป็นหน้าม้า โดยเค้าบอกว่าตั๋วของเราใช้ไม่ได้ครับ เนื่องจากเป็นแบบ General โดยให้เราต้องไปขึ้นตั๋วใหม่ที่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง โดยเค้าจะพาไปที่นั่นนั่ง Taxi ไป และพาไปส่งโรงแรมด้วย ดูใจดีมาก ๆ ครับ แต่มีหลายรีวิวครับที่เตือนเรื่องพวกนี้ สำหรับการเดินทางโดยรถไฟ เนื่องจากพวกเราได้อ่านรีวิวอื่น ๆ กันคร่าว ๆ แล้ว หลังจากเราตั้งสติได้ พวกเราก็เข้าใจแล้วครับว่าโดนหลอกแน่ ๆ

          เลยตั้งใจเดินไปโรงแรมที่เราจองเลยดีกว่า ยังไงก็น่าเชื่อถือกว่าที่นี่ เพื่อไปสอบถามในโรงแรมว่าตั๋วใช้ได้เลยหรือเปล่า และก็เป็นเช่นนั้นครับ ตั๋วรถไฟของเราสามารถใช้ได้เลย ไม่ต้องไปขึ้นตั๋วใหม่แล้ว...รอดไป 555

          สภาพเมืองใน New Delhi

อินเดีย

          สภาพเมืองใน New Delhi

อินเดีย

          พวกเราจองรถไฟผ่านเว็บไซต์ cleartrip.com ครับ เดี๋ยวจะมาบอกวิธีการจองให้นะครับ รถไฟอินเดียมีหลาย Class ให้เราได้ใช้บริการครับ ผมจองขาไปจาก New Delhi ไป Agra Catt แบบ AC Chair Car เป็นรถไฟแบบนั่งแอร์

อินเดีย

          สะดวกสบายดี เท่าที่ผมสัมผัสมาก็ไม่มีกลิ่นอะไรนะ มีอาหารให้กินบนรถไฟด้วย และก็เป็นอาหารอินเดียครับตามรูป มีให้ขนมปังและไก่ทอดที่หมักด้วยเครื่องเทศ

อินเดีย

          ราคาผมจองผ่านเว็บน่าจะมีชาร์จเพิ่ม แต่ก็ไม่เป็นไรถือว่าสะดวกและพรินท์ตัวเอาไปใช้ได้เลย ราคาทั้งหมดสำหรับ AC Chair Car ก็ 1,639 รูปี หรือประมาณ 800 กว่าบาท หารสามคนก็เหลือที่นั่งละ 260 กว่าบาทต่อคน !!!

          ใช้เวลาเดินทางจาก New Delhi ถึง Agra Catt ก็ประมาณ 2 ชั่วโมงครับ ไม่ต้องห่วงว่าลงผิดสถานี ที่นี่เค้ามีประกาศบนรถไฟว่าถึงสถานีไหนแล้ว เดินออกมาจากสถานีก็จะเจอรถตุ๊กตุ๊กและ Taxi แบบ Prepaid พวกเราก็กะว่าจะไปโรงแรมกันก่อน โดยเราจองที่พักผ่าน airbnb ชื่อ Hotel Taj Plaza ครับ ราคาก็ถูกดี ที่สำคัญคือใกล้ทัชมาฮาล เดินไปได้ และข้างบนยังมองเห็นทัชมาฮาล ถ้าใครมานั่งตุ๊กตุ๊กไปโรงแรมอื่น ๆ ก็หานั่งแบบ Prepaid เพราะไม่โดนโก่งราคาด้วย แต่อาจจะหงุดหงิดหน่อย เพราะว่าแขกอินเดียจะเข้ามารุม ถามเราจะไปไหน เราไปโรงแรมซึ่งอยู่แถว Taj Mahal East Gate ราคาอยู่ที่ 160 รูปี

อินเดีย

          รูปบนดาดฟ้าที่พักของพวกเรามองเห็นทัชมาฮาลอยู่ไกล ๆ

อินเดีย

          เนื่องจากเรามีเวลาอยู่ Agra ถึง 2 วันเต็ม เลยคิดว่าไม่ต้องรีบเร่งอะไรมากนัก วันแรกมาถึงก็เที่ยวรอบ ๆ นอกทัชมาฮาลกันก่อน เราตัดสินใจกันว่าจะเช่ารถตุ๊กตุ๊กคันที่มาส่งเราเพื่อพาไปเที่ยวรอบ ๆ เมือง รวมทั้งหมดก็ 600 รูปีครับ สามคน โดยพี่ชาบูคนขับเค้าก็พูดจาดี หลงคารมไปซะงั้น ที่พาไปก็มี

          - Agra fort
          - พาไปดูการทำ White Marble หินอ่อน เสื้อผ้า และอัญมณี
          - Baby Taj
          - ด้านหลัง Taj Mahal ที่อยู่ตรงข้ามแม่น้ำ


          เริ่มแรกเลยเราไป Agra Fort

          Agra Fort

อินเดีย

          อากาศร้อนเหมือนกัน

          Agra Fort

อินเดีย

          มาหลบแดดกันข้างใน

          Agra Fort

อินเดีย

อินเดีย

          เดินเที่ยวอยู่ข้างในแบบไม่รีบก็ประมาณ 3 ชั่วโมง ป้อมนี้เคยเป็นพระราชวังที่ยิ่งใหญ่ของกษัตริย์แห่งราชวงศ์โมกุล แล้วยังมีความหลังที่เป็นลมหายใจสุดท้ายของจักรพรรดิชาห์ชะฮัน ตามตำนานเล่าว่าพระองค์ถูกพระโอรสคุมขังในป้อมอัครารวม 31 ปี ก่อนที่จักรพรรดิชาห์ชะฮันจะสิ้นพระชนม์ได้มองทัชมาฮาลที่กำลังสร้างอยู่ฝั่งตรงข้ามของป้อม ผ่านช่องเล็ก ๆ จากในห้องขังด้วยกระจกที่อยู่ในกำมือ

อินเดีย

อินเดีย

อินเดีย

          Baby Taj

อินเดีย

          Taj Mahal ด้านหลัง

อินเดีย

          ผมเสียดายมุมนี้ไม่ให้ใช้ขาตั้งกล้องนะครับ ทหารยืนถือปืนและบอกห้ามใช้ T__T ได้แต่ยืนมองเก็บความสวยงามตอนพระอาทิตย์ตกกันไป

          พวกเราใช้เวลากันถึงตอนพระอาทิตย์ตกดินกัน ที่ฝั่งตรงข้ามทัชมาฮาล ที่เป็นแม่น้ำ วิวพระอาทิตย์ตกก็สวยไปอีกแบบ แต่ทางการอินเดียจะล้อมรั้วไม่ให้เราเข้าไปใกล้แม่น้ำมากเกินไป ได้แต่ยืนมองอยู่ไกล ๆ หลังจากนั้นพี่ชาบูก็พามาส่งที่โรงแรม พี่ชาบูก็ถามว่า Are you happy ? ^^ แน่นอนว่าพี่เค้าก็พาเราไปเที่ยวแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ โดยที่พวกเราไม่ได้เตรียมข้อมูลไปเลย เราก็ประทับใจ แล้วก็จ่ายเงินไป 600 รูปี พร้อมกับทิปเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ที่ไหนได้พี่ชาบูบอกขอทิปคนละ 100 รูปี !!! เอาละไง โดนจนได้ T__T จริง ๆ แล้วเราจะไม่ให้ก็ได้ แต่ก็ดันบอกว่า Happy ไปแล้วด้วย 555 แต่ถ้าไม่ให้พี่ชาบูก็ตื๊ออยู่นั่นแหละ เลยตกลงให้ไป รวมค่าเสียหายก็ประมาณ 900 รูปี ประมาณ 450 บาท

          18 ตุลาคม 2558

          วันต่อมาเราก็จะมาเข้าชมทัชมาฮาลข้างในกัน ถ้าจะเข้าไปทัชมาฮาลแนะนำครับว่าให้มากันเช้า ๆ เลย พวกเราออกมากันตั้งแต่ประมาณ 7 โมง ไปซื้อตั๋วและตรวจกระเป๋า ที่นี่เค้าเข้มงวดมากครับ ตรวจทุกอย่างข้างในกระเป๋า ผมดันพกขาตั้งกล้องเล็กเข้าไป ลืมเอาออก เจ้าหน้าที่ให้ผมเอาไปฝากที่โรงแรม พอผมเดินออกมาก็มีคนอินเดียเดินเข้ามาถามว่าฝากขาตั้งกล้องไว้ที่ร้านขายของฝากเค้าก็ได้ เค้าไม่คิดเงิน !!! มาไม้นี้ผมก็ลองดูก็ได้ ไม่คิดจริง ๆ เปล่า ปรากฏตอนเดินออกมาจากทัชมาฮาลเพื่อมาเอาขาตั้ง เค้าก็ไม่คิดเงินจริง ๆ นั่นแหละครับ แต่ก็ต้องซื้อของฝากที่ร้านเค้าเป็นการแลกเปลี่ยนสักหน่อย 555 จะว่าเค้าโกงก็ไม่ถูกนะ ผมว่าคนอินเดียมีน้ำใจก็เยอะเหมือนกัน

          หลังจากเดินเข้ามาในประตูก็จะเห็นทัชมาฮาลเราอยู่เบื้องหน้า และเงาผู้คนมากมายที่ยืนถ่ายรูปกัน ถ้าใครได้ไปประตูตรงจุดนี้สังเกตดี ๆ เวลาที่เราเดินเข้าประตูตรงนี้ไปทัชมาฮาลก็จะค่อย ๆ ขยายเห็นเต็ม ๆ เมื่อเดินผ่านพ้นประตูเข้ามา สวยงามมากครับ ^__^ พวกเราเดินเข้าเดินออกอยู่ที่ประตูนี้อยู่หลายรอบเลย 555

อินเดีย

          เดินเข้ามาในส่วนของด้านในเห็นทัชมาฮาลเต็ม ๆ อลังการงานสร้างมาก มันสวยงามจริง ๆ ครับ แต่คนก็เยอะมากจริง ๆ เหมือนกัน

อินเดีย

          พวกเราใช้เวลานานมากกับการเดินและนั่งดูทัชมาฮาลใต้ต้นไม้ (หลบแดด) นั่งชิล ๆ ไปเรื่อย ๆ ก็กว่าจะออกก็ประมาณบ่ายสามกันเลย เรียกได้ว่าเดินกันครบทุกซอกทุกมุม ... เข้าไปส่วนของข้างใน

อินเดีย

          ใส่กรอบให้ทัชมาฮาลดูบ้าง

อินเดีย

          อะไรจะดีไปกว่าการได้นั่งและชมวิวบนทัชมาฮาล

อินเดีย

          ไปถึงที่แล้วก็ก้ม ๆ เงย ๆ หามุมสะท้อนน้ำ

อินเดีย

          หลังจากออกมาซื้อของฝาก พวกเราก็กลับที่พักไปกินข้าวเที่ยงกันครับ กะว่าจะไปดูทัชมาฮาลตอนพระอาทิตย์ตกที่ข้างบนที่พัก เพราะว่าต้องรอรถไฟกลับนิวเดลีตอนกลางคืนประมาณสามทุ่มกัน ระหว่างที่นั่งรอพระอาทิตย์ตกกัน

อินเดีย

          พระอาทิตย์ไม่ตกเยื้อง ๆ ทัชมาฮาลอะ แต่ก็ได้มุมสวยไปอีกแบบ

อินเดีย

          ที่นี่พระอาทิตย์ตกเร็วมากครับ ประมาณ ห้าโมงครึ่ง-หกโมงก็เริ่ม ๆ ตกแล้ว

          ข้อมูลคร่าว ๆ สำหรับคนที่จะไป แถวนี้เป็นประตูฝั่ง East Gate ครับ ตั๋วเราสามารถซื้อตั๋วได้จากฝั่งนี้เลย โดยจากโรงแรมที่พวกเราพัก เดินย้อนกลับไปซื้อตั๋วตามแผนที่ตรงนี้ นำ Passport ไทยไปสามารถได้ส่วนลดเหลือ 510 รูปี จาก 750 รูปี และสามารถนั่งรถกอล์ฟจากจุดที่ซื้อตั๋วไปยังประตู East Gate โดยที่ขายตั๋วจะเริ่มเปิดขายตอนเช้า ประมาณ 06.30 น. ครับ

          www.google.co.th/maps/place

          และใครที่ต้องการเที่ยวเมืองอัคราด้วยตุ๊กตุ๊กเพื่อไปชมทัชมาฮาลก็ต้องต่อรองราคาดูนะครับ ที่สำคัญคือต้องถามให้แน่ใจว่าราคานี้รวมทั้งหมดแล้วใช่ไหม บางคนก็โดนหลอกให้จ่ายต่อคนจะทำให้เสียอารมณ์ไป

          19 ตุลาคม 2558

          เลห์ เมืองหลวง ของแคว้นลาดักห์ ดินแดนอ้อมกอดของเทือกเขาหิมาลัย เมืองนี้เป็นส่วนหนึ่งในประเทศอินเดีย อยู่ทางตอนเหนือของประเทศครับ และอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลมากกว่า 3,000 เมตร เล่ากันว่าเป็นดินแดนที่ชาวทิเบตได้อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานกัน ทำให้วัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมคล้ายคลึงกับทิเบตครับ จึงได้ขึ้นชื่อว่าเป็น "ทิเบตน้อย"

อินเดีย

          ผมเคยเจอหนังสือ "เลห์ ลาดักห์ LITTLE TIBET" นามปากกาของผู้เขียน "เส้นนำสายตา" เลยซื้อกลับมาอ่านและดูภาพครับ สวยมาก ๆ เลย อ่านยังไม่จบผมก็หาข้อมูลและมาเยือนดินแดนแห่งนี้เลย ช่วงที่ผมมาก็เดือนตุลาคม เริ่มใกล้หน้าหนาว และเนื่องจากอยู่เหนือระดับน้ำทะเลมากกว่า 3,000 เมตร สิ่งที่ต้องเตรียมตัวก็คือเสื้อกันหนาว ถุงมือ ยา Diamox ฯลฯ ส่วนออกซิเจนกระป๋อง ถ้าซื้อจากไทยไปเอาขึ้นเครื่องไม่ได้นะครับ แนะนำให้ไปซื้อที่ร้านขายยาที่เมืองดีกว่า กระป๋องหนึ่งก็ 450 รูปี

          ส่วนช่วงเวลาที่น่าท่องเที่ยวน่าจะอยู่เดือนมิถุนายน-กรกฎาคมครับ พวกเราจองที่พักกันที่ Ree yul Guest House ครับ รีวิวที่พักที่นี่คนไทยเคยมากันหลายคนแล้ว ผมเลยจองที่นี่เลยครับ ค่าห้องก็ 1,500 รูปี ทั้งหมด 3 คน เจ้าของชื่อซารีม เป็นกันเองมาก ใกล้ตลาดและแหล่งท่องเที่ยว วันที่เรานั่งเครื่องมาลงที่เลห์ ซารีมก็ให้คนขับรถชื่อ "ทาชี" มารับที่สนามบินไป Guest House ครับ

อินเดีย

          ระหว่างทางไป Guest House

อินเดีย

          มาถึง Guest House เราก็เตรียมตัวนอนกัน 555 เนื่องจากซารีมบอกให้พวกเราพักผ่อนเพื่อปรับตัวจากสภาพที่สูง และตกลงเรื่องเหมารถไปเที่ยวที่ทะเลสาบพันกองและวัดต่าง ๆ

อินเดีย

          ที่นี่มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายครับ แต่ต้องใช้เวลาในการเดินทางพอสมควร เนื่องจากการมาอินเดียครั้งนี้ ผมให้เวลากับที่เลห์ 5 วัน 4 คืน ผมว่าอาจจะน้อยไปหน่อย ส่วนใหญ่คนที่มาก็มายาว ๆ ที่เลห์เลย 10 วัน หรือมากกว่านั้น เลยได้ทริปเวลาอันสั้นแต่รูปถ่ายเยอะมากกกกกกกกก ทริปที่เมืองเลห์เลยเป็นดังนี้

          19 ตุลาคม 2558 : มาถึงเช้านอนพัก ตอนบ่าย ๆ ออกไปเดินเล่นที่ตลาด และไปพระราชวังเลห์ และ Shanti Stupa

          20 ตุลาคม 2558 : ออกเดินทางไปวัด Lamayuru ผ่านเส้นทาง Magnetic Hill วัดต่าง ๆ ข้างทาง

          21 ตุลาคม 2558 : ออกเดินทางไปทะเลสาบพันกอง แวะ Shey Palace และ Thiksey Monastery และพักที่ทะเลสาบพันกอง

          22 ตุลาคม 2558 : เดินทางกลับเลห์ แวะไปวัด Hemis

          23 ตุลาคม 2558 : ออกมาเดินเล่นตลาดอีกนิดหน่อย แล้วขึ้นเครื่องรอกลับนิวเดลี


          ซารีมบอกว่าช่วงนี้เป็นช่วงหน้าหนาว ไม่น่าจะไปค้างที่ทะเลสาบพันกอง ให้เราไปเช้า-เย็นกลับจะดีกว่า อีกวันก็ไป Nubru Valley แบบเช้า-เย็นกลับเช่นกัน แต่พวกเราดื้อครับ เลยต้องตัด Nubru Valley ออกไป เลือกไปแต่ทะเลสาบพันกอง และอยากใช้เวลา Slow Life ในการถ่ายภาพ ชมความงามของสองข้างทาง เพราะการนั่งรถไปกลับอย่างต่ำก็ 10 ชั่วโมงเลย แต่สำหรับบางคนอยากไปให้ครบในแต่ละสถานที่ก็สามารถทำได้ครับ แน่นอนผมต้องหาเวลากลับไปซ้ำอีกแน่นอนครับ 5555 หลังจากนั้นบ่ายเราก็เดินเล่นในตลาดกันครับ

อินเดีย

อินเดีย

          และก็หาอะไรกินกันตอนบ่าย ๆ ข้าวผัดและเนื้อแพะ อาหารอร่อยใช้ได้

อินเดีย

          หลังจากนั้นก็ไปที่ Leh Palace ตั้งอยู่อย่างโดดเด่นกลางเมืองเลห์ สามารถเดินขึ้นไปได้หรือจะนั่งรถไปก็ได้ครับ ข้างบนนี่วิวสวยเช่นกัน สถาปัตยกรรมเค้าก็สวยงามและรับอิทธิพลมาจากทิเบต

อินเดีย

          วิวข้างบนพระราชวังเลห์

อินเดีย

อินเดีย

          อีกสถานที่ท่องเที่ยวคือ "วัดนัมเกล เซโม" อยู่ข้างบนพระราชวังเลห์ แต่พวกเราไม่ได้ขึ้นไปครับ

          Shanti Stupa เจดีย์สันติภาพ เป็นเจดีย์สีขาวขนาดใหญ่ โดยญี่ปุ่นเป็นผู้สร้างขึ้นเพื่อประกาศพระศาสนาและแสดงถึงสันติภาพแห่งโลก สามารถมองเห็นวิวเมืองเลห์ได้ทั้งเมือง แต่เนื่องจากพวกเรามาก็มืดแล้วเพราะไปเดินอยู่ในพระราชวัง Leh อยู่นาน เลยได้แต่เดินเล่นชมวิวกันไป วิวตรงนี้ถ้าใครมาถ่ายรูปจะมารอแสงพระอาทิตย์ตกสวยงามเช่นกัน

          วิวด้านบน

อินเดีย

อินเดีย

อินเดีย

          พวกเรามาเที่ยวแบบไม่ค่อยมีแผนเท่าไร มาถาม ๆ และหาเอาข้างหน้า เลยไปสถานที่ต่าง ๆ ไม่ครบบ้าง แต่รับรองครับที่นี่สวยงามจริง ๆ ใครที่ไปมาแล้วมาแนะนำได้นะครับ หรือยังไม่ไปก็คิดว่าข้อมูลพวกนี้น่าจะมีประโยชน์นะครับ วิวข้างบน Guest House ผมขึ้นไปถ่ายทางช้างเผือกมาครับ

อินเดีย

          วันต่อมา 20 ตุลาคม ตื่นนอนตั้งแต่เช้า พวกเราจะไปวัดลามะยูรูกันครับ แน่นอนว่าเส้นทางนี้ผ่าน Magnetic Hill, Zanskar River วิวข้างทางสวยมาก ๆ แวะถ่ายรูปตลอดเวลา คนขับที่ชื่อทาชีก็หยุดให้เราตลอดครับ

อินเดีย

          เพื่อนถ่ายให้ ระหว่างทาง Magnetic Hill

อินเดีย

อินเดีย

          นี่สินะที่เขาเรียกว่าอ้อมกอดหิมาลัย

อินเดีย

อินเดีย

อินเดีย

          วิวด้านบนสวยเกินบรรยายครับ นั่งมองไปเห็นหมู่บ้านเล็ก ๆ และใบไม้เปลี่ยนสี ฟินนนนนนนน....

อินเดีย

          นี่เป็นเส้นทางที่พวกเราไป

อินเดีย

          เส้นทางคดเคี้ยว ขึ้นเขา แต่ไม่มากและมีบางเส้นทางที่ซ่อมทางอยู่ด้วย อีกทั้งพวกเราใช้เวลานานครับกับการถ่ายภาพ กว่าจะไปถึงวัด Lamayuru ก็ประมาณ 4 ชั่วโมง ตรงเส้นทางนี้เค้าว่ากันว่าเป็นเหมือน Moon Land ด้วยครับ ซึ่งผมก็ไม่เคยไปเห็นดวงจันทร์ด้วยสิว่าหน้าตามันเป็นยังไง 5555

          sandeepachetan.com

อินเดีย

          แม่น้ำ Zanskar จุดนี้เป็นจุดที่แม่น้ำซันสการ์ไหลมารวมกับแม่น้ำสินธุที่นี่ครับ ช่วงหน้าหนาวแม่น้ำจะกลายเป็นน้ำแข็ง และจะมีผู้คนมากมายมาเดิน Trekking กัน ถ้าใครมีโอกาสก็มาลองกันนะครับ ระดับความโหดใช้ได้เลย เนื่องจากเดินกันบนน้ำแข็งและอากาศหนาว -10 เลยทีเดียว ถ้าผมมีโอกาสก็อยากไปลองเหมือนกัน จะเห็นว่าแม่น้ำสองสายไหลรวมตัวกันเป็นแม่น้ำสองสี สวยงามเลยครับ

อินเดีย

อินเดีย

อินเดีย

          วิวข้างทางไปวัด

อินเดีย

          วัด Lamayuru เป็นวัดที่สำคัญและมีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในลาดักห์ครับ เท่าที่หาข้อมูลมาคือเป็นวัดพระพุทธศาสนานิกายหมวกแดง และภายในวัดสวยมากครับ แต่ผมไม่ได้เอามาลงให้นะครับ เพราะว่าบางที่ไม่ให้ถ่ายภาพ

อินเดีย

          วัดตั้งอยู่บนเขาและสามารถมองเห็นหุบเขาและหมู่บ้านได้เลย

อินเดีย

อินเดีย

อินเดีย

อินเดีย

          ระหว่างทางกลับก็รถติดครับ เนื่องจากมีการซ่อมสะพาน ใครที่มาก็เผื่อ ๆ เวลาบ้างก็ดีนะครับ

อินเดีย

อินเดีย

อินเดีย

          วันที่ 21 ตุลาคม เดินทางไปทะเลสาบพันกอง (Pangong) โดยแวะพระราชวัง Shey Palace และวัด Thiksey ซึ่ง Shey Palace เป็นพระราชวังฤดูร้อนของกษัตริย์แห่งลาดักห์ อันนี้ผมก็หาข้อมูลมาจากอินเทอร์เน็ตครับ ข้างบนเดินขึ้นไปทำเอาหอบเหมือนกัน เนื่องจากอยู่สูงและอากาศเบาบาง ประกอบกับหาทางเข้าไปดูข้างในไม่เจอครับ ตอนมาเหมือนจะไม่มีใครอยู่เลย เลยได้แต่ถ่ายรูปด้านนอกกัน ซึ่งก็มีเจดีย์และธงทิเบตอยู่มากมาย ข้างบนนี้วิวก็สวยนะครับ ใครเคยไปมาแล้วบ้างมารีวิวให้ดูบ้างก็ได้นะครับ

          หน้าพระราชวัง Shey ต้นไม้สวยเลย

อินเดีย

          พระราชวัง Shey

อินเดีย

อินเดีย

อินเดีย

อินเดีย

          นั่งรถไปอีกประมาณ 15 นาที ก็ถึงวัด Thiksey เป็นวัดลามะนิกายหมวกเหลืองขนาดใหญ่ มีองค์พระอยู่ในวิหารของวัด มีร้านขายของและร้านอาหารอยู่ข้างใน พวกเราใช้เวลาเดินอยู่ข้างในวัดและถ่ายรูปอยู่นานเลยครับ จนคนขับรถบอกว่ากลัวไปถึงพันกองแล้วมืด เลยรีบไปกันต่อ ไม่ได้ทานข้าวเที่ยงเลย 555

          วัด Thiksey

อินเดีย

          วิวด้านบนวัดจากมุมสูง

อินเดีย

          สถาปัตยกรรมด้านในวัด

อินเดีย

อินเดีย

อินเดีย

          ลามะน้อย

          ข้างในถ่ายรูปได้นะครับ แต่ว่าห้ามถ่ายวิดีโอ

อินเดีย

อินเดีย

          วัด Thiksey

อินเดีย

          ส่วนใหญ่แล้ววัดต่าง ๆ เหล่านี้จะแวะตอนขากลับจากทะเลสาบพันกองกัน แต่พวกเราอยากจะแวะเลย เพราะว่าใช้เวลาถ่ายรูปนาน กลัวว่าขากลับจะไม่มีแรงในการเดินไปชมข้างในกัน

          หลังจากผ่านวัด Thiksey ไปก็นั่งรถยาวไปจนถึง Changla Pass ซึ่งเป็นเส้นทางถนนที่สูงที่สุดอันดับสามของโลก สูงประมาณ 5,360 เมตรจากระดับน้ำทะเล Chang แปลว่าทิศใต้ ส่วน La แปลว่าทางผ่าน Changla Pass ก็คือทางผ่านไปยังทางใต้ ส่วนใครที่มาผ่านตรงนี้แล้วมีอาการเวียนหัว อาเจียน ระวังนะครับ เกิดจากอาการ High Altitude Sickness หรือว่าอาการแพ้ความสูง

          thaitravelclinic.com

          ก่อนจะมาเส้นทางนี้ควรทานยา Diamox และเตรียมออกซิเจนกระป๋องเผื่อไว้นะครับ เราไม่รู้ว่าร่างกายเรารับได้ขนาดไหน ผมซื้อมาสามกระป๋องแต่ก็ไม่ได้ใช้

          การเดินทางมาที่ทะเลสาบพันกองต้องมีการทำใบอนุญาต Permit เพื่อเข้าพื้นที่ ผมติดต่อกับซารีมเจ้าของ Guest House และคนขับไว้ เค้าก็เอา Passport ไปทำให้ และต้องทำล่วงหน้าก่อนวันที่จะมาสักวันสองวันนะครับ ถ้าตรงกับวันหยุดของทางการอาจจะต้องรอ

          เส้นทางที่ผ่าน

อินเดีย

อินเดีย

          พวกเราก็มาถึงจุด Changla Pass โดยไม่มีอาการใด ๆ เพราะว่าทานยา Diamox มาล่วงหน้าและพักผ่อนเต็มที่...พร้อมลุย ข้างบนนี้อากาศหนาวมากครับ มีร้านขายของอยู่ข้างบน ทาชีเลยชวนมากินมาม่ากัน ไม่คิดว่าจะมากินมาม่าเจที่ความสูงระดับสามของโลก ฮา ๆๆ และแน่นอนผมต้องเข้าห้องน้ำ จุดที่สูงที่สุดให้ได้ครับ ทำธุระเสร็จเรียบร้อยก็ลงไปยังทะเลสาบพันกองกันต่อ

อินเดีย

          จุดที่สูงที่สุดของเส้นทางนี้

          ธงทิเบต

อินเดีย

อินเดีย

          ทะเลสาบพันกอง เป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่อยู่สูงที่สุดในโลก ประมาณ 4,320 เมตรจากระดับน้ำทะเล ทะเลสาบพื้นที่ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ทิเบต อีกนิดหน่อยเป็นของอินเดีย จึงเป็นพื้นที่ชายแดนก็ว่าได้ ถ้าว่ายน้ำข้ามไปได้ก็ไปอีกประเทศได้เลย 5555

อินเดีย

          กว่าจะมาถึงที่ทะเลสาบพันกองก็ประมาณบ่ายสามโมงครับ เนื่องจากเดือนที่เรามาเป็นช่วงเข้าฤดูหนาว ที่พักต่าง ๆ พากันปิด ซึ่งซารีมก็บอกไว้แล้ว แต่ก็ยังมี Guest House บางแห่ง บางแห่งจริง ๆ นะ เหลืออยู่แค่ 3-4 แห่ง ให้ได้พักกัน ใครมาช่วงนี้ก็ต้องมาหา Guest House กันเองนะครับ ทาชีก็พาพวกเรามาหาเหมือนกัน เราตกลงกันได้ที่พักชื่อ Sosama Guest House เป็นที่พักหลังเล็ก ๆ ห่างออกมาไกลจากทะเลสาบเหมือนกัน ไม่มีฮีสเตอร์ในห้องนอนแต่มีที่ห้องครัว ในห้องนอนมีแต่เทียนไขหนึ่งเล่ม และเตียงผ้าห่ม ดีที่พวกเราไม่จองที่พักใกล้ทะเลสาบ เพราะว่ากลางคืนที่นี่หนาวมาก ประมาณ -15 องศา อีกทั้งลมยังแรงอีก ยิ่งใกล้ทะเลสาบเท่าไรลมแรงมากครับ หนาวจริง ๆ พอได้ที่พักพวกเราก็ไปถ่ายรูปกันตรงทะเลสาบครับ ที่นี่มืดเร็วมาก ถ่ายแป๊บหนึ่งก็ไม่มีอะไรให้ถ่าย

อินเดีย

อินเดีย

          หลังจากนั้นเจ้าของ Guest House ก็ทำอาหารให้กินกันครับ มันคือหัวมันกับแกงถั่ว พร้อมกับข้าวสวย

อินเดีย

          เฮฮามากครับ พวกเราต่างเล่าเรื่องและโชว์รูปใน iPad ให้ดูเมืองไทย อาหารไทย และเรื่องราวต่าง ๆ ที่ได้ไปมา และทาชีก็เล่าประสบการณ์ต่าง ๆ ที่ได้เจอมา ไม่น่าเชื่อว่าคนที่นี่ยังไม่รู้จักเมืองไทยเลยด้วยซ้ำ เป็นมื้ออาหารที่อร่อยและมีความสุขมากจริง ๆ

          หลังจากนั้นก็ได้เวลาล่าทางช้างเผือกกัน ที่นี่มืดเร็วทำให้เรามีเวลาในการออกไปถ่ายรูปทางช้างเผือก แต่วันนี้เป็นวันที่ดวงจันทร์มีแสงสว่างมาก เลยถ่ายออกมาไม่เห็นสักเท่าไร ต้องหาวิธีบังแสงจากดวงจันทร์เอาครับ ใครที่มาที่นี่กลางคืนเห็นดาวเต็มท้องฟ้าเลยนะครับ พวกเราออกมายืนถ่ายทางช้างเผือกกันอยู่นานเป็นชั่วโมง ลมแรงมาก ที่สำคัญคือหนาวจริง ๆ น้ำที่อยู่ในขวดน้ำกลายเป็นน้ำแข็งเลยทีเดียว

          Guest House ที่ทะเลสาบ เอามาเป็นฉากหน้าเลย ^___^

อินเดีย

 

อินเดีย

          เอาตัวเองไปยืนส่องไฟบ้าง แต่ไม่เห็นจะมีไฟ ไม่รู้เค้าถ่ายกันยังไงให้ไฟส่องทางช้างเผือก

อินเดีย

          กลางคืนที่นี่หนาวจริง ๆ ตอนกลางคืนนอน ๆ อยู่สะดุ้งตื่น หายใจไม่ออก หาออกซิเจนกระป๋องไม่เจอ เพราะว่าไม่มีไฟฟ้า เลยพยายามสูดหายใจลึก ๆ ครับละก็ นอนต่อ 5555

          ตื่นเช้ามาออกมาถ่ายพระอาทิตย์ขึ้นที่ทะเลสาบ ลำธารเป็นน้ำแข็งเลยครับตอนเช้า

อินเดีย

          พวกเรากะว่าจะกลับกันตอนประมาณ 9 โมง แต่ว่าเจอมนตร์สะกดของทะเลสาบพันกองแบบนี้เข้าไป กว่าจะออกจากทะเลสาบก็เที่ยงกันเลย

อินเดีย

อินเดีย

อินเดีย

          ทาชีคนขับรถของเรา

อินเดีย

อินเดีย

อินเดีย

อินเดีย

อินเดีย

          น้ำในทะเลสาบใสมาก ๆๆๆๆ

อินเดีย

          เจอมนตร์สะกดของทะเลสาบพันกองกันเลยทีเดียว

          หลังจากกลับจากเลห์พวกเรามาเที่ยวนิวเดลีกันต่อ แต่มานอนพักคืนหนึ่งที่นิวเดลี เพราะว่าไม่สบายกัน เลยมีเวลาเที่ยวแค่วันเดียว ที่ที่พวกเราไปก็มี

          - Qutab Minar
          - India Gate

          ไปเที่ยวน้อยมากสำหรับนิวเดลี เนื่องจากไปยืนตากลมทนหนาวกัน เป็นไข้ตอนอยู่เลห์ พวกเราซื้อบัตรรถไฟ Metro แบบ One Day 150 รูปี โดยที่ถ้าคืนบัตรเราจะได้คืน 50 รูปี

          แผนที่สถานีรถไฟ Metro

          delhimetrorail.com

อินเดีย

          ที่แรกเลยที่เราไป Qutab Minar คือหอคอยสุเหร่าที่สูงที่สุดในอินเดีย ลงชื่อสถานี Qutab Minar และต่อตุ๊กตุ๊กไป 50 รูปีครับ สำหรับพวกเราสามคน แถวนี้คงใกล้สนามบิน เลยทำให้เห็นเครื่องบินบินผ่านเสาอนุสรณ์แห่งนี้

อินเดีย

อินเดีย

          ส่วนอีกที่ India Gate วิธีไปผมนั่งรถไฟ Metro ไปลงที่สถานี Khan Market แถวนี้เป็นเหมือนแหล่งช้อปปิ้งคนรวยกัน ดูแล้วก็เหมือนสยามบ้านเรา ร้านอาหารเยอะมาก ๆ และแพงด้วย หลังจากไป Khan Market เราต่อรถตุ๊กตุ๊กไป 50 รูปี ไปยัง India Gate ครับ

อินเดีย

อินเดีย

          จบแล้วครับสำหรับการรีวิวของพวกผม สำหรับทริปที่น่าตื่นเต้น ทำให้เราโตขึ้นตั้ง 10 วัน ได้ทั้งประสบการณ์แปลกใหม่สำหรับการ Backpack มันไม่ใช่การท่องเที่ยวแบบสบายนัก ทั้งโดนหลอก สับสน แต่การได้ไปดูทัชมาฮาลเป็นอะไรที่ผมว่าคุ้มค่ามากครับ มันสวยงาม ยิ่งตอนไปที่เลห์ อินเดียเหนือ วิวสวย ๆ แบบนี้ แน่นอนว่าผมและเพื่อน ๆ ต้องกลับไปอีกครั้งแน่นอน ขอบคุณเพื่อน ๆ ชาว Pantip และคนอื่น ๆ นะครับที่ติดตามรีวิวนี้ หวังว่าข้อมูลและประสบการณ์ต่าง ๆ น่าจะมีประโยชน์สำหรับคนที่จะไปครั้งแรก อาจจะรีวิวได้ไม่ดีเหมือนคนอื่น ๆ ก็ต้องขออภัยด้วยนะครับ ใครมีอะไรสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มบอกได้เลยนะครับ ผมจะเอามาใส่ให้หลังจากนี้

          ขอบคุณเพื่อนร่วมทางที่ไปผจญภัยด้วยกัน และพี่ ๆ น้องทั้ง น้องยุทธ พี่ออย พี่พงษ์ ยินดีที่ได้เจอกันที่เลห์นะครับ

          ขอบคุณซารีมสำหรับบ้านพักในเมืองเลห์ และทาชีคนขับรถของเราที่พาไปได้เจอสิ่งสวยงาม

          และใครที่จะไปเลห์ครั้งแรกผมแนะนำลองติดต่อที่พักกับ Ree yul Guest house เลยนะครับ ผมได้ประสบการณ์ดี ๆ จากที่นี่ไปเยอะ และก็มีคนไทยมาพักเยอะเหมือนกัน ซารีมเจ้าของเป็นคนใจดีมาก ไม่ได้จะโฆษณาขายของนะ แต่แค่อยากแชร์ประสบการณ์ดี  ๆจากที่นี่ไป

          อันนี้ facebook : Saleem Bijal

          ส่วนอินเดียสำหรับนิวเดลีและอัครา การมาท่องเที่ยวก็ต้องระวังตัว ทั้งกระเป๋าตังค์และพยายามเดินกันเป็นกลุ่มนะครับ ชาวอินเดียที่นี่ส่วนใหญ่จะเข้ามา Hard Sale มาก ๆ ตื๊อตลอดเวลา ถ้าเราเดินไม่สนใจเค้าก็จะไปเอง สำหรับผู้หญิงที่จะไปอินเดียในนิวเดลีและอัคราแบบ Backpack แนะนำว่าไปกันเป็นกลุ่มหรือหาเพื่อนไปก็จะดีมากครับ ถ้าไปคนเดียวอาจต้องทำการบ้านพอสมควร

อินเดีย

อินเดีย

          จบด้วยภาพเล็ก ๆ แต่มีความหมาย : Incredible India

          ผมจะมารีวิววิธีการจองตั๋วรถไฟอินเดียนะครับ

          การจองตั๋วรถไฟในอินเดียเราต้องมี Account ของ Web Cleartrip ก่อน และหลังจากนั้นค่อยสมัคร Account IRCTC (เป็นการรถไฟของอินเดีย)

อินเดีย

          1. เข้า www.cleartrip.com ให้สมัคร Account ของ Cleartrip ครับ

อินเดีย

          2. เลือกจองรถไฟ โดยเข้าไปกดดูข้อมูลของวันเวลาที่จะเดินทาง ตัวอย่างผมกด Class รถไฟ Acc Chair Car และวันที่ 10/12/15 (ตรงส่วนนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นวันที่เราจะเดินทางก็ได้ครับ ใส่เพื่อแค่จะสมัคร Account IRCTC)

อินเดีย

          3. ลองเลือกขบวนรถไฟอะไรก็ได้ และกดปุ่ม Check Availability

อินเดีย

          4. กรอกข้อมูลสมัคร Account IRCTC กรอกให้ครบนะครับ แล้วกด Register (Username แล้วแต่ตั้งครับ ไม่เกิน 10 ตัวอักษร Mobile และ Zipcode กรอกมั่ว ๆ ก็ได้แต่มันจะ Check ว่า Mobile ต้องไม่ขึ้นต้นด้วยเลข 0-6, Zipcode ต้องมี 6 หลัก)

อินเดีย

          5. ข้อนี้สำคัญ หลังจากนั้นจะให้กรอก IRCTC Username Mobile OTP, Email OTP ตรงส่วนนี้เราจะไม่ได้ Mobile OTP มาเนื่องจากเราไม่มีเบอร์โทรศัพท์ของอินเดีย ให้เราเขียน Email ไปที่ care@irctc.co.in โดยบอกว่าเราเป็นนักท่องเที่ยวต้องการจะจองรถไฟ แต่ไม่สามารถ Active Account ได้ ขอ Mobile OTP โดยเราต้องบอก User ที่สมัคร, บอก User ของ Cleartrip และบอก Email OTP และแนบหน้า Passport ไปด้วย เขียนเป็นภาษาอังกฤษ .... I would like to Mobile OTP ... user id is ... email otp is ... user cleartrip is ... อะไรก็ว่าไป

อินเดีย

          6. หลังจากส่งรอเค้าตอบมาครับ ผมไม่แน่ใจว่ากี่วัน แต่ผมแค่ 10 นาทีก็ตอบมาละ บางคนอาจจะเป็นวัน

          7. ผ่านไปไวเหมือนโกหก เค้าตอบมาแล้วก็เอาข้อมูล Username IRCTC, Mobile OTP, Email OTP ไปกรอก

อินเดีย

อินเดีย

          8. เข้ามาหาข้อมูลเหมือนเดิมครับ คราวนี้จะจองตั๋วจริง ๆ ละ หาข้อมูลของรถไฟและเลือกวันที่จะเดินทางจริง ๆ และกดปุ่ม Check Availability จะเห็นว่าหน้าตาเปลี่ยนไปสามารถกด Book ได้เลย

อินเดีย

          9. จองแล้วก็ตัดผ่านบัตรเครดิต อันนี้ก็แล้วแต่ค่าเงินบาทที่บัตรเครดิตนั้น ๆ ว่าเรตค่าเงินเท่าไร ไม่ยากเนอะ

อินเดีย

          10. จองเสร็จแล้วพรินท์ตัวใน Email และยื่นให้คนตรวจตั๋วในรถไฟได้เลย

          เล่าประสบการณ์

          รถไฟขบวน Bropal Shatabdi (12002) เป็นรถไฟที่ผมจอง โดยขึ้นที่ New Delhi 06.00 น. ถึง Agra Catt ประมาณ 07.57 น. ถ้าใครไปวันเดียวกลับและต้องการเที่ยวที่ Agra แบบเต็มที่เต็มวัน ก็สามารถกลับขบวน Ndls Shatabdi E (12001) จาก Agra Cantt 21.15 น. ถึง New Delhi 23.30 น. ได้เช่นกัน ซึ่งเป็นรถขบวนเดียวกับ 12002 ขาลง แต่จะมาถึง New Delhi ก็ดึกครับ สำหรับผู้หญิงไม่แนะนำนะครับ เพราะมาถึงสถานี New Delhi ดึก แต่สามารถจองขบวนอื่น ๆ ก็ได้ครับ พวกผมจองขบวนนี้แต่กลับกันอีกวันหนึ่ง และนั่งรถ Taxi ไปนอนสนามบินครับ 555

          หวังว่าจะมีประโยชน์กับคนที่กำลังจะจองนะครับ ^___^

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ nong luck55 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
จากทัชมาฮาลสู่เลห์ ลาดักห์ สัมผัสมนตร์เสน่ห์แห่งอินเดีย อัปเดตล่าสุด 9 พฤศจิกายน 2558 เวลา 15:47:42 13,622 อ่าน
TOP