หลีกหนีจากเมืองใหญ่ ไปชาร์จพลังงานให้กับตัวเองในเมืองเล็ก ๆ บรรยากาศเงียบสงบ ชมวิถีชีวิตเรียบง่าย มีที่ไหนบ้างไปชมกันเลย
1. อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี
ที่ท้ายปลายสุดของจังหวัดกาญจนบุรี ได้ซ่อนอำเภอเล็ก ๆ ไว้ท่ามกลางขุนเขาและแม่น้ำ "สังขละบุรี" ดินแดนที่มีแต่ความเงียบสงบ เสน่ห์ของที่นี่ไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวอันหรูหราหรือสิ่งปลูกสร้างใหญ่โต แต่เป็นเพียงวิถีชีวิตที่เรียบง่ายของชาวไทยและชาวมอญที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ รวมทั้งสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับอากาศที่เย็นสบาย อากาศบริสุทธิ์ ทัศนียภาพที่งดงามของลำน้ำ 3 สายที่มาบรรจบกัน คือ ห้วยซองกาเลีย ห้วยบีคลี่ และห้วยรันตี อีกทั้งวัฒนธรรมประเพณีของชาวมอญ และเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวสุดอันซีน อาทิ วัดวังก์วิเวการาม, เมืองบาดาล, สะพานมอญ, อุทยานแห่งชาติเขาแหลม, ด่านเจดีย์สามองค์ เป็นต้น
การเดินทาง
+ รถยนต์ส่วนตัว : จากกรุงเทพฯ เดินทางไปยังอำเภอเมืองกาญจนบุรี มุ่งตรงไปที่อำเภอสังขละบุรี โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 323 ให้สังเกตป้ายบอกทางไปอำเภอสังขละบุรี ซึ่งจะอยู่ก่อนถึงอำเภอทองผาภูมิ ขับต่อไปอีกประมาณ 70 กว่ากิโลเมตร จะถึงอำเภอสังขละบุรี
+ รถโดยสารประจำทาง : เส้นทางที่สะดวกที่สุดคือการนั่งรถโดยสารประจำทางจากสถานีขนส่งสายใต้ใหม่ หรือสถานีขนส่งสายเหนือ มาลงที่สถานีขนส่งกาญจนบุรี จากนั้นต่อรถตู้ไปยังอำเภอสังขละบุรี สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ kanchanaburi-info.com
2. อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์
ภาพจาก chanwut_jukrachai / shutterstock.com
ลับแล อำเภอที่ไม่ค่อยปรากฏในรายชื่อสถานที่ท่องเที่ยวสักเท่าไร แต่ใครจะรู้ว่าเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้มีความน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งคนเมืองอุตรดิตถ์และเมืองข้างเคียงจะทราบกันดีว่าที่ลับแลนั้นเลื่องชื่อลือชาเรื่องอาหารการกินมาก เพราะที่นี่มีอาหารพื้นเมืองอันเป็นเอกลักษณ์และรสชาติอร่อยมากอีกด้วย นอกจากนี้ในอำเภอลับแลชาวบ้านยังคงใช้ชีวิตกันแบบเรียบง่าย จึงเหมาะมาก ๆ สำหรับการปั่นจักรยานชมเมือง ซึ่งมีสิ่งที่น่าสนใจตลอดเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็น อนุสาวรีย์พระศรีพนมมาศ, บ้านราษฎร์สุดใจ, ถนนคนกิน, พิพิธภัณฑ์ผ้าซิ่นตีนจก ไท-ยวน ลับแล เป็นต้น
การเดินทาง
+ รถยนต์ส่วนตัว : อยู่ห่างจากตัวเมืองอุตรดิตถ์เพียง 9 กิโลเมตรเท่านั้น เมื่อมาถึงอำเภอเมืองอุตรดิตถ์แล้ว ให้ไปตามทางหลวงหมายเลข 1041 ประมาณ 7 กิโลเมตร ก็จะพบกับประตูเมืองลับแล
+ รถโดยสารประจำทาง : จากสถานีขนส่งหมอชิต 2 ให้ใช้บริการของรถโดยสารประจำทางที่จะไปอำเภอเมืองอุตรดิตถ์ แล้วต่อรถโดยสารประจำทางในจังหวัดไปยังอำเภอลับแล
3. อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย
ภาพจาก gubgib /shutterstock.com
เชียงคาน เมืองสุดชิลริมแม่น้ำโขง ที่ไม่ว่าใครได้มาเยือนเป็นต้องหลงรัก ทั้งวัฒนธรรมประเพณีของคนท้องถิ่น บ้านเรือนไม้ที่ตั้งเรียงรายอยู่ชายฝั่งโขง และบรรยากาศแสนผ่อนคลายมองเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ กิจกรรมยอดฮิตของการมาเยือนเชียงคานก็คือการตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อมาสัมผัสกับอากาศเย็น และฟังเสียงสวดมนต์ที่ลอยแผ่วเบามาจากฝั่งประเทศลาว พร้อมทั้งใส่บาตรข้าวเหนียวพระสงฆ์ที่เดินเรียงรายมาหลายสิบรูปในช่วงเช้า แล้วไปทานข้าวเปียกที่ร้านชื่อดัง ตอนกลางวันออกไปตะลุยยังสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง อาทิ วัดศรีคุณเมือง, แก่งคุดคู้, ภูทอก, หมู่บ้านวัฒนธรรมไทดำ ฯลฯ ก่อนจะกลับมาเดินเล่นที่ถนนคนเดิน ซึ่งจะมีเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ นอนพักในบ้านไม้ริมโขง รับอากาศบริสุทธิ์อีกสักคืน เท่านี้ก็สามารถชาร์จพลังงานได้แบบเต็มเปี่ยมแล้ว
การเดินทาง
+ รถยนต์ส่วนตัว : จากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่จังหวัดเพชรบูรณ์ เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 21 แล้วไปเลี้ยวเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 203 เข้าสู่อำเภอหล่มสัก หล่มเก่า มุ่งตรงไปที่จังหวัดเลย ให้ตรงไปอำเภอภูเรือ ผ่านตัวเมืองจังหวัดเลย แล้วเข้าสู่อำเภอเชียงคาน
+ รถโดยสารประจำทาง : นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นรถโดยสารประจำทางได้ที่สถานีขนส่งหมอชิต 2 สายกรุงเทพฯ-เลย และกรุงเทพฯ-เชียงคาน ได้ทุกวัน
4. อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน
อำเภอลี้ อาจถูกมองข้ามจากใครหลายคน เพราะเป็นเพียงจังหวัดทางผ่านที่จะไปกรุงเทพฯ หรือขึ้นไปเชียงใหม่เท่านั้น แต่ในความเล็กของลี้นี่เองที่ได้แอบซ่อนสิ่งดี ๆ ไว้มากมาย โดยเฉพาะเป็นแหล่งปลูกลำไยที่ขึ้นชื่อ หากอยากลิ้มรสลำไยแบบหวานเข้าเส้น แถมยังหอมหวานด้วยละก็ ต้องมาเก็บกันทานที่ลี้นี้เท่านั้น นอกจากนี้อำเภอลี้ยังโอบกอดไปด้วยขุนเขา จึงทำให้อำเภอเล็ก ๆ แห่งนี้มีอากาศเย็นตลอดทั้งปี เมื่อมาถึงลี้แล้วก็ต้องไม่พลาดที่จะไปเยี่ยมชมหมู่บ้านชาวกะเหรี่ยงในหมู่บ้านห้วยต้ม พร้อมทั้งสักการะพระมหาธาตุเจดีย์ศรีเวียงชัย ซึ่งเป็นเจดีย์แบบล้านนาที่มีความสวยงามและยิ่งใหญ่ จากนั้นก็สามารถเที่ยวชมรอบ ๆ หมู่บ้าน ซึ่งมีหลายจุดที่น่าเที่ยวชม อาทิ หมู่บ้านโบราณ ไม่มีไฟฟ้า น้ำประปาใช้, โครงการหลวงพระบาทห้วยต้ม, วัดพระบาทห้วยต้ม, ศูนย์จำหน่ายของที่ระลึก, ศูนย์หัตถกรรมพื้นบ้าน เป็นต้น
การเดินทาง
+ รถยนต์ส่วนตัว : จากกรุงเทพฯ มุ่งตรงไปยังจังหวัดนครสวรรค์ แล้วใช้ถนนทางหลวงสายเอเชียหมายเลข 2 ผ่านจังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดตาก เมื่อถึงอำเภอเถิน จังหวัดลำพูน ให้เลี้ยวเข้าสู่ถนนหมายเลข 106 ตรงไปจนถึงอำเภอลี้
+ รถโดยสารประจำทาง : จากสถานีขนส่งหมอชิต 2 มีรถโดยสารประจำทางสู่อำเภอลี้ทุกวัน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สถานีขนส่ง จังหวัดลำพูน โทร. 0 5356 1263
5. อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน
ถ้าพูดถึงความสำคัญของอำเภอแม่สะเรียง คงต้องบอกว่าที่นี่มีความสำคัญเป็นอำเภอต้น ๆ ของจังหวัดแม่ฮ่องสอน เพราะมีศูนย์ราชการต่าง ๆ ตั้งอยู่ที่นี่มากมาย เป็นศูนย์รวมแห่งการค้าขาย และติดต่องานราชการ แต่ที่นี่ยังคงมีเสน่ห์ด้วยธรรมชาติของขุนเขาที่โอบล้อม พร้อมกับวิถีชีวิตแบบเรียบง่ายของชาวบ้านและชาวเขา ภายในตัวอำเภอมีร้านกาแฟเล็ก ๆ น่ารักให้ได้พักผ่อนหย่อนใจ บ้านเรือนยังคงเป็นห้องแถวไม้ ยามเช้าจะมีทั้งชาวบ้านในพื้นที่และชาวเขาลงมาจับจ่ายซื้อของกันในตลาด เสียงหัวเราะและรอยยิ้มจากคนท้องถิ่นจะปรากฏให้ได้เห็นอยู่ตลอด มีบรรยากาศผ่อนคลาย อากาศหนาวเย็น สามารถมองเห็นไอหมอกที่คลอเคลียบนยอดเขาอย่างชัดเจน สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจทั้งในอำเภอแม่สะเรียงและอำเภอใกล้เคียง อาทิ วัดกิตติวงศ์, วัดจองสูง, วัดแสนทอง, วัดพระธาตุจอมทอง, วัดพระธาตุจอมแจ้ง, วัดพระธาตุจอมกิตติ, ทุ่งบัวตอง ดอยแม่เหาะ เป็นต้น
การเดินทาง
+ รถยนต์ส่วนตัว : จากจังหวัดตาก ใช้ทางหลวงหมายเลข 105 ผ่านอำเภอแม่สอด อำเภอแม่ระมาด อำเภอท่าสองยาง เข้าสู่อำเภอแม่สะเรียง
+ รถโดยสารประจำทาง : จากสถานีขนส่งหมอชิต มีบริษัทเดินรถไปยังจังหวัดแม่ฮ่องสอนทุกวัน สอบถามรายละเอียดได้ที่บริษัท สมบัติทัวร์ โทร. 0 2553 1753
6. อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง
ถึงแม้ว่าอำเภอเมืองจะเป็นศูนย์กลางของจังหวัดลำปาง แต่ที่นี่ยังคงมีความเงียบสงบ ไม่ได้ถูกบดบังด้วยตึกสูงใหญ่ ชาวบ้านในตัวเมืองยังคงใช้ชีวิตกันแบบเรียบง่าย นักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถม้าเที่ยวชมบ้านเรือนเก่าแก่ และวัดวาอารามต่าง ๆ ภายในตัวเมือง ท่ามกลางอากาศที่เย็นสบาย พร้อมกับสัมผัสวิถีชีวิตของคนลำปาง ทั้งอาหารพื้นเมือง ประเพณีวัฒนธรรมพื้นเมือง สถานที่ท่องเที่ยวที่ห้ามพลาด อาทิ วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม, พระพุทธรูปเรืองแสง สำนักสงฆ์ดอยวังเฮือ, บ้านเสานัก, พิพิธภัณฑ์เซรามิคธนบดี, วัดปงสนุก, สะพานรัษฎาภิเศก, ตลาดรัษฎา เป็นต้น
การเดินทาง
+ รถยนต์ส่วนตัว : จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 แล้วเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 32 ตรงไปยังจังหวัดนครสวรรค์ เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 1 อีกครั้ง ผ่านจังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดตาก มุ่งตรงสู่อำเภอเมืองลำปาง
+ รถโดยสารประจำทาง : จากสถานีขนส่งหมอชิต 2 มีรถโดยสารประจำทางสายกรุงเทพฯ-ลำปาง ให้บริการทุกวัน สอบถามรายละเอียดได้ที่บริษัท ขนส่ง จำกัด โทร. 1490
7. อำเภอหันคา จังหวัดชัยนาท
สำหรับใครที่รักท้องทุ่งนาต้องไม่พลาดที่จะไปเยือนอำเภอหันคา จังหวัดชัยนาท ซึ่งเต็มไปด้วยบรรยากาศของท้องทุ่งสีเขียวขจี ยิ่งถ้าไปในช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน ก็จะได้พบกับบรรยากาศอันแสนอบอุ่นของนาข้าวสีเหลืองทอง และที่สำคัญยังเป็นเส้นทางปั่นจักรยานของนักปั่นอีกด้วย นอกจากทิวทัศน์ของนาข้าวที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตาแล้ว ที่นี่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสุดอันซีน นั่นก็คือ สะพานลูกบวบ ณ บึงกระจับใหญ่ เกาะท้าวอู่ทอง ให้ได้เที่ยวชม ปั่นจักรยาน หรือเดินเล่นสูดอากาศบริสุทธิ์อีกด้วย
การเดินทาง
+ รถยนต์ส่วนตัว : จากกรุงเทพฯ ใช้ถนนหมายเลข 340 ผ่านจังหวัดปทุมธานี จังหวัดสุพรรณบุรี เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนหมายเลข 3039 ตรงไปสู่อำเภอหันคา
+ รถโดยสารประจำทาง : จากกรุงเทพฯ สามารถขึ้นรถตู้ได้ที่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จะมีรถตู้ไปอำเภอหันคา จังหวัดชัยนาท ตารางเวลาการเดินรถสอบถาม โทร. 08 8887 0915
8. อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา
ถึงแม้อำเภอเมืองสงขลาจะไม่รุ่งเรืองเหมือนแต่ก่อน แต่กลับมีเสน่ห์มากกว่าเมื่อก่อนเสียอีก ด้วยบ้านเรือนเก่าแก่ที่ได้รับอิทธิพลมาจากชาติตะวันตก พร้อมทั้งวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นที่น่ารัก นอกจากที่นี่จะมีสถาปัตยกรรมอันล้ำค่าให้ได้เที่ยวชมแล้ว ก็ยังมีหาดทรายขาว สะอาดตา พร้อมทั้งศิลปะแนวสตรีทอาร์ตให้ได้แวะเยี่ยมชมอีกด้วย เรื่องอาหารการกินเมืองสงขลาก็ไม่น้อยหน้า มีทั้งของคาวและของหวานอร่อย ๆ เพียบ สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ อาทิ หาดสมิหลา, ตัวเมืองเก่าสงขลา, สะพานติณสูลานนท์, เขาน้อย, เขาตังกวน, ทะเลสาบสงขลา, วัดมัชฌิมาวาส, ประติมากรรมพญานาคพ่นน้ำ, เกาะยอ เป็นต้น
การเดินทาง
+ รถยนต์ส่วนตัว : จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 4 มุ่งหน้าสู่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ผ่านจังหวัดชุมพร จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดตรัง จังหวัดพัทลุง แล้วเข้าสู่จังหวัดสงขลา
+ รถโดยสารประจำทาง : นักท่องเที่ยวสามารถใช้บริการรถโดยสารประจำทางสายกรุงเทพฯ-สงขลา ได้ทุกวัน ที่สถานีขนส่งสายใต้ใหม่ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ transport
9. อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย
อำเภอสังคม เป็นอำเภอเล็ก ๆ ในจังหวัดหนองคาย ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง จึงมีบรรยากาศที่แสนผ่อนคลาย พร้อมทั้งได้เห็นวิถีชีวิตแบบชาวอีสาน ผสมผสานวิถีชีวิตของคนลาว อำเภอแห่งนี้โอบล้อมไปด้วยขุนเขา มีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ มีสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ซ้ำใครมากมาย และใครจะคิดว่าที่นี่จะมีทะเลหมอกสุดอลังการให้ได้เที่ยวชม สามารถพบกับทะเลหมอกได้ที่ "ภูห้วยอีสัน" พร้อมกับนั่งเรือท่องเที่ยวในลำน้ำโขง ชมเกาะแก่งกลางน้ำ และหาดทรายแสน หาดทรายอันเงียบสงบและงดงาม
การเดินทาง
+ รถยนต์ส่วนตัว : จากกรุงเทพฯ ขับรถมุ่งหน้าตรงไปที่จังหวัดหนองคาย จากตัวเมืองจังหวัดหนองคายขับตามทางหลวงหมายเลข 211 ประมาณ 96 กิโลเมตร ก็จะถึงอำเภอเมืองสังคม
+ รถโดยสารประจำทาง : นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นรถโดยสารได้ที่สถานีขนส่งหมอชิต 2 โดยมีบริษัทเดินรถที่ให้บริการสายกรุงเทพฯ-สังคม คือ บริษัทบุษราคัมทัวร์ โทร. 0 2936 4247, 0 2936 0772
10. อำเภอท่าลี่ จังหวัดเลย
จังหวัดเลย ไม่ได้มีเพียงอำเภอเชียงคานเท่านั้นที่อยู่ติดกับริมน้ำโขงและมีบรรยากาศสุดชิล อำเภอท่าลี่ก็เป็นอีกหนึ่งเมืองที่อยู่ติดแม่น้ำโขง อีกทั้งยังสามารถเดินทางไปเมืองหลวงพระบางได้อย่างง่ายดาย ด้วยการข้ามพรมแดนไทย-ลาว ที่บ้านนากระเซ็ง ข้ามสะพานข้ามแม่น้ำเหืองไทย-ลาว ไปยังแขวงไชยบุรี ของประเทศลาว แล้วเดินทางต่อไปยังเมืองหลวงพระบาง หรือจะข้ามไปเพื่อซื้อของ ช้อปปิ้งสินค้าพื้นเมืองก็ได้เช่นกัน นอกจากนี้อำเภอท่าลี่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ อาทิ พระธาตุสัจจะ, วัดพระธาตุอุโมงค์, แก่งโตน, น้ำตกห้วยไค้, น้ำตกตาดข่า เป็นต้น
การเดินทาง
+ รถยนต์ส่วนตัว : จากตัวเมืองเลย ให้ขับเข้าสู่ถนนหมายเลข 2115 แล้วเข้าสู่ถนนหมายเลข 2099 ขับตรงไปจนถึงอำเภอท่าลี่
+ รถโดยสารประจำทาง : จากกรุงเทพฯ สามารถขึ้นรถโดยสารประจำทางได้ที่สถานีขนส่งหมอชิต 2 ให้เลือกปลายทางที่อำเภอเมืองเลย แล้วนั่งรถโดยสารประจำทางท้องถิ่นไปยังอำเภอท่าลี่
ถึงแม้ว่าอำเภอต่าง ๆ ที่นำมาเสนอจะเป็นเพียงอำเภอเล็ก ๆ แต่เชื่อเถอะว่าอำเภอเล็ก ๆ เหล่านี้ จะทำให้คุณหลงรักโดยไม่รู้ตัว ขอเพียงแค่ให้คุณออกไปสัมผัส แล้วจะเห็นว่าเมืองไทยยังมีอะไรที่ดีงามอีกมากมาย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
, , chiangkhan.com, maehongson.mots.go.th, songkhla.go.th, thali.loei.doae.go.th
