x close

ใบไม้เปลี่ยนสี 2019 ญี่ปุ่น แนะนำสถานที่ชมตั้งแต่เริ่มต้นจนจบฤดูกาล

          ใบไม้เปลี่ยนสี 2019 ญี่ปุ่น กำลังจะกลับมาให้หายคิดถึงกันแล้ว การเตรียมตัวไปชมใบไม้เปลี่ยนสีอย่างไร เริ่มฤดูกาลเมื่อไร ชมใบไม้เปลี่ยนสีได้ที่ไหนบ้าง...มาดูกัน

ใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น

         
เวลาผ่านไปเร็วมาก ๆ เผลอแป๊บเดียวก็วนมาบรรจบครบรอบแห่งฤดูกาลใบไม้เปลี่ยนสีที่ญี่ปุ่นอีกครั้ง โดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่นที่จะมีใบไม้เปลี่ยนสีให้ได้เที่ยวชมทั่วทุกจังหวัด ซึ่งจะมีลักษณะการเปลี่ยนสีของใบไม้ตรงข้ามกับช่วงเทศกาลชมดอกซากุระ โดยจะเริ่มเปลี่ยนสีอย่างเต็มที่ไล่มาจากทางภาคเหนือของเกาะฮอกไกโด ลงไปสู่ทางภาคใต้ของประเทศ


ใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น

ช่วงเวลาในการชมใบไม้เปลี่ยนสี

          ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการชมใบไม้เปลี่ยนสีที่แดนอาทิตย์อุทัยจะเป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วง คือตั้งแต่กลางเดือนกันยายน-ปลายเดือนพฤศจิกายน ซึ่งแต่ละปีจะมีช่วงเวลาเปลี่ยนสีแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศของปีนั้น ๆ

การเตรียมตัวไปชมใบไม้เปลี่ยนสี

          แม้ว่าในช่วงฤดูใบไม้ผลิอากาศในญี่ปุ่นจะยังไม่หนาวมาก มีแค่ลมเย็น ๆ เท่านั้น แต่สำหรับคนไทยที่ไม่คุ้นชินกับสภาพอากาศของประเทศนี้ ก็จะมีความรู้สึกว่าอากาศหนาว จึงต้องเตรียมเสื้อแขนยาว กางเกงขายาว ถุงน่อง เสื้อคาร์ดิแกน เสื้อแจ็คเก็ต ผ้าพันคอแบบหนา ถุงเท้า รองเท้าผ้าใบ รองเท้าหุ้มส้น หรือรองเท้าบูทไปเผื่อด้วย

ใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น

สถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีในญี่ปุ่น

          ประเทศญี่ปุ่นมีปรากฏการณ์ใบไม้เปลี่ยนสีให้ชมได้ทั่วทั้งประเทศ แต่จะมีช่วงเวลาการเปลี่ยนสีที่แตกต่างกัน โดยจะไล่จากทางภาคเหนือลงสู่ภาคใต้ของประเทศ มีสถานที่ให้ชมใบไม้เปลี่ยนสีมากมาย เราไปดูกันว่ามีที่ไหนบ้าง ที่จะทำให้เราได้เห็นการเปลี่ยนสีของใบไม้แบบสวยสุด ๆ

ช่วงกลางเดือนกันยายน-ต้นเดือนตุลาคม

          1. อุทยานแห่งชาติโอนุมะ (Onuma Quasi National Park)

          ที่ตั้ง : เมืองฮาโกดาเตะ จังหวัดโอะชิมะ เกาะฮอกไกโด

          อุทยานแห่งชาติโอนุมะ อยู่ห่างจากเมืองฮาโกดาเตะ จังหวัดโอะชิมะ บนเกาะฮอกไกโดประมาณ 20 กิโลเมตร เป็นอุทยานที่มีทัศนียภาพที่สวยงาม โดดเด่นด้วยวิวของทะเลสาบโอนุมะ (Lake Onuma) ทะเลสาบโคนุมะ (Lake Konuma) และภูเขาไฟ Komagatake ซึ่งมีลักษณะแปลกตา ห้อมล้อมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่มากมาย จึงทำให้ในช่วงปลายเดือนกันยายน จะมีพื้นที่ที่ให้ชมใบไม้เปลี่ยนสีได้อย่างกว้างไกลและสวยงาม ได้วิวของทะเลสาบและภูเขามาแบบเจ๋ง ๆ

          2. ภูเขาไฟ Asahidake

          ที่ตั้ง : ตอนกลางของเกาะฮอกไกโด

          ภูเขาไฟ Asahidake เป็นภูเขาไฟที่สูงที่สุดบนเกาะฮอกไกโด มีความสูงถึง 2,290 เมตร ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติไดเซะสึซัง (Daisetsuzan National Park) รายล้อมไปด้วยต้นไม้มากมาย นักท่องเที่ยวนิยมเดินชมรอบ ๆ อุทยาน โดยจุดที่ฮอตฮิตก็คือบริเวณสถานี Sugatami บริเวณนี้จะมีบ่อน้ำขนาดใหญ่ สามารถเดินชมใบไม้เปลี่ยนสีสะท้อนลงน้ำได้งดงาม พร้อมทั้งวิวของภูเขาไฟ Asahidake โดยจะมีทั้งต้นไม้และทุ่งหญ้าที่พากันเปลี่ยนสีของใบ ทำให้เกิดเป็นมิติที่สวยงาม

          3. ลำธารโออิราเสะ (Oirase Stream)

          ที่ตั้ง : อุทยานแห่งชาติโทวาดะ ฮะจิมันไต จังหวัดอะโอะโมะริ เกาะฮอนชู

          ลำธารโออิราเสะ เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่สามารถชมใบไม้เปลี่ยนสีได้อย่างสวยงาม ในบรรยากาศสุดโรแมนติก ลำธารโออิราเสะ ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติโทวาดะ ฮะจิมันไต (Towada Hachimantai National Park) เป็นลำธารที่รายล้อมไปด้วยต้นไม้มากมาย มีระยะทางประมาณ 14 กิโลเมตร โดยเป็นลำธารที่ไหลลดหลั่นลงมาจากทะเลสาบโทวาดะ ผ่านชั้นหินลงมาอย่างสวยงาม พอถึงฤดูกาลใบไม้เปลี่ยนสีสองฝั่งของลำธารก็จะมีแต่สีแดง เหลือง ส้มของใบไม้ ตัดกับสีขาวใสของน้ำในลำธารอย่างงดงาม

ใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น

          4. โนโบริเบทสึ (Noboribetsu)

          ที่ตั้ง : เมืองโนโบริเบทสึ เกาะฮอกไกโด

          เมืองเล็ก ๆ ในหุบเขาที่เต็มไปด้วยธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์นามว่า "โนโบริเบทสึ" แห่งนี้จะทำให้คุณไม่ผิดหวังกับการชมใบไม้เปลี่ยนสีแน่นอน โนโบริเบทสึเป็นเมืองแห่งน้ำพุร้อน ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะฮอกไกโด เป็นแหล่งบ่อน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงของภูมิภาคนี้ มีทัศนียภาพที่งดงามทั้งป่าเขา ทะเลสาบ บึงน้ำกว้างขวาง โดยเฉพาะในช่วงต้นเดือนตุลาคมบ่อน้ำพุร้อนที่นี่จะเต็มไปด้วยวิวของใบไม้เปลี่ยนสี ทำให้นักท่องเที่ยวรู้สึกผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น สร้างบรรยากาศสุดโรแมนติก

ใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น

ช่วงกลางเดือนตุลาคม-ต้นเดือนพฤศจิกายน

          1. แม่น้ำคินูงาวะ (Kinu-gawa River)

          ที่ตั้ง : หมู่บ้านออนเซ็นคินูงาวะ เมืองนิกโกะ จังหวัดโทะชิงิ

          การล่องเรือไม้ชมใบไม้เปลี่ยนสีก็เป็นกิจกรรมที่ห้ามพลาดเช่นกันสำหรับฤดูกาลนี้ โดยในช่วงปลายเดือนตุลาคมจะมีนักท่องเที่ยวมาล่องเรือที่นี่อย่างไม่ขาดสาย ระหว่างการนั่งอยู่บนเรือไม้เก่าแก่นักท่องเที่ยวจะได้ชมทัศนียภาพของภูเขาหินปูนทั้งสองฝั่งที่เต็มไปด้วยต้นไม้มากมาย ซึ่งกำลังเปลี่ยนสีจากสีเขียวเป็นเหลือง ส้ม แดง และร่วงลงสู่แม่น้ำในที่สุด โดยในพื้นที่ใกล้เคียงยังมีหมู่บ้านออนเซ็นคินูงาวะให้ได้เที่ยวชมและพักผ่อนอีกด้วย

ใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น

          2. หมู่บ้านอนเซ็นนิวโตะ (Nyuto Onsen)

          ที่ตั้ง : หมู่บ้านออนเซ็นนิวโตะ จังหวัดอะกิตะ

          หากต้องการอยู่ท่ามกลางใบไม้เปลี่ยนสี พร้อมกับนอนแช่ออนเซ็นไปด้วย ต้องไม่พลาดหมู่บ้านออนเซ็นนิวโตะ ซึ่งตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติโทวาดะ ฮะจิมันไต  (Towada-Hachimantai National Park) ทางด้านภาคตะวันออกของจังหวัดอะกิตะ (Akita Prefecture) ที่นี่เป็นหมู่บ้านออนเซ็นแบบโบราณ ซึ่งเรียกว่าเรียวกัง ตั้งอยู่ในขุนเขา รายล้อมไปด้วยต้นไม้มากมาย มีที่พักและรีสอร์ตเปิดให้บริการมากมาย แต่ละที่ก็จะมีลักษณะพิเศษของตัวเอง แต่จะสามารถสัมผัสกับฤดูกาลใบไม้เปลี่ยนสีได้ทุกที่ หมู่บ้านแห่งนี้จึงกลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมในช่วงกลางเดือนตุลาคม-กลางเดือนพฤศจิกายน

ใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น
        ภาพจาก Narongsak Nagadhana/shutterstock.com

          3. ทะเลสาบคาวากุจิ (Lake Kawaguchiko)

          ที่ตั้ง : เมืองฟุจิกะวะงุชิโกะ และเมืองมิโนบุ จังหวัดจังหวัดยามานะชิ

          ทะเลสาบคาวากุจิ เป็นทะเลสาบ 1 ใน 5 ทะเลสาบรอบ ๆ ภูเขาไฟฟูจิ ซึ่งเป็นทะเลสาบที่สามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิซังได้อย่างสวยงาม และสามารถเข้าถึงได้ง่ายที่สุด รอบ ๆ ทะเลสาบเต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ รวมทั้งแปลงดอกไม้มากมาย และมีรีสอร์ต ที่พัก แฝงตัวอยู่รายล้อมรอบ ๆ ทะเลสาบ ในช่วงปลายเดือนตุลาคม-ต้นเดือนพฤศจิกายน จะเป็นช่วงที่ใบไม้รอบ ๆ ทะเลสาบเริ่มเปลี่ยนสีสัน มีสีแดงสดเต็มที่ เป็นทัศนียภาพที่งดงาม และเป็นช่วงเวลาที่จะถ่ายภูเขาไฟฟูจิซังได้ในอารมณ์อบอุ่นและสวยงาม สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง อาทิ ภูเขาไฟฟูจิซัง, เจดีย์ชูเรโตะ และสวนสนุกฟูจิคิวไฮแลนด์ เป็นต้น

ใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น

          4. ปราสาทมะสึโมะโตะ (Matsumoto Castle)

          ที่ตั้ง : เมืองมะสึโมะโตะ จังหวัดนากาโน่

          ปราสาทไม้เก่าแก่ที่สร้างขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 1592 ถึงปี ค.ศ. 1614 รายล้อมไปด้วยสระน้ำ และมีฉากหลังเป็นภูเขาสูงใหญ่ รอบ ๆ ปราสาทมีต้นเชอร์รีมากมาย เรียงรายตามทางเดินรอบ ๆ สระน้ำและปราสาท ในช่วงฤดูใบไม้ผลิจึงเป็นที่ที่สามารถชมดอกซากุระได้อย่างสวยงาม ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่นี่ก็มีความสวยงามไม่น้อยหน้า ด้วยใบไม้จะพร้อมใจกันเปลี่ยนสีสัน ผลัดใบ ทำให้ปราสาทถูกแต่งแต้มไปด้วยสีเหลือง ส้ม แดง ของใบไม้ นอกจากจะได้มาเที่ยวชมปราสาทแล้วยังได้สัมผัสบรรยากาศสุดโรแมนติกนี้ด้วย

ใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น

          5. วัดคินคะคุจิ (Kinkakuji Temple)

          ที่ตั้ง : เขต Kita เมืองเกียวโต

          วัดคินคะคุจิ หรือที่รู้จักกันว่า วัดทอง เป็นวัดที่มีลักษณะโดดเด่น ด้วยมีปราสาทตั้งอยู่กลางสระน้ำเป็นสีทองเหลืองอร่าม วัดนี้เป็นวัดในศาสนาพุทธ นิกายเซ็น ก่อนที่จะมาเป็นวัด ที่นี่เคยเป็นที่พักของโชกุน Ashikaga Yoshimitsu หลังจากเขาเสียชีวิตลงจึงได้ปรับเปลี่ยนมาเป็นวัดคินคะคุจิ บริเวณโดยรอบของวัดทอง จัดเป็นสวนญี่ปุ่นโบราณอย่างงดงาม มีต้นไม้หลากหลายชนิด ช่วงฤดูกาลใบไม้เปลี่ยนสี บริเวณรอบ ๆ สระน้ำจะเต็มไปด้วยใบไม้สีเหลือง ส้ม แดง ประกอบกับปราสาทสีเหลืองทองสดใส ทำให้สถานที่แห่งนี้สวยงามน่าประทับใจสุด ๆ

ใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น

          6. ทะเลสาบโทวาดะโกะ (Towadako Lake)

          ที่ตั้ง : เมืองโทวาดะ จังหวัดอะโอะโมะริ

          ทะเลสาบโทวาดาโกะ ตั้งอยู่ระหว่างบนภูเขาสองลูก ที่ความสูง 400 เมตร เป็นทะเลสาบปากปล่องภูเขาไฟที่งดงามอีกแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น อยู่ระหว่างชายแดนจังหวัดอะโอะโมะริและจังหวัดอะกิตะ มีความลึก 327 เมตร น้ำในทะเลสาบสวยใส บริเวณโดยรอบอุดมสมบูรณ์ไปด้วยต้นไม้มากมาย ในช่วงกลางเดือนถึงปลายเดือนตุลาคมของทุกปี ใบไม้รอบ ๆ ทะเลสาบก็จะเปลี่ยนเป็นสีสันต่าง ๆ แต่งแต้มให้ทะเลสาบแห่งนี้มีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น โดยนักท่องเที่ยวสามารถนั่งเรือเพื่อชมบรรยากาศโดยรอบ หรือจะเดินเที่ยวชมตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติก็ได้เช่นกัน

ใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น

          7. หุบเขานารูโกะ (Naruko Gorge)

          ที่ตั้ง : นารูโกะ ออนเซ็น, เมืองโอซากิ, จังหวัดมิยากิ

          อีกหนึ่งสถานที่ที่สามารถชมใบไม้เปลี่ยนสีได้อย่างสวยงามและโรแมนติก ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของจังหวัดมิยากิ ห่างจากเมืองเซนไดประมาณ 70 กิโลเมตร จุดนี้นักท่องเที่ยวจะได้พบกับต้นไม้มากมายเต็มหุบเขาที่กำลังเปลี่ยนแปลงใบให้มีสีเหลือง ส้ม แดง ก่อนที่จะร่วงโรยในช่วงฤดูหนาว พร้อมกับชมทัศนียภาพของสะพาน Ofukazawa ที่โอบล้อมไปด้วยใบไม้หลากสีสันจากจุดชมวิว

          นักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถไฟมายังที่นี่ได้ ซึ่งจะมีวิวของสองข้างทางที่งดงามด้วยเช่นกัน บริเวณโดยรอบหุบเขานารูโกะ ยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติให้ได้เดินเที่ยวชมและสัมผัสกับบรรยากาศสุดโรแมนติกของใบไม้เปลี่ยนสีได้อย่างใกล้ชิดอีกด้วย

ใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น

          8. ที่ราบสูงอูระบันได (Urabandai)

          พื้นที่เขตอูระบันไดเป็นภูเขาสูง โดยมีภูเขาที่สำคัญคือ "ภูเขาไฟบันได" (Mt. Bandai-san) ในทางทิศเหนือของภูเขานี้มีทะเลสาบและสระน้ำมากมาย ซึ่งเกิดจากการที่ลาวาของภูเขาไฟไหลลงมาเมื่อหลายร้อยปีก่อน แล้วเย็นตัวลงในแม่น้ำ Nagase-gawa จึงทำให้เกิดบ่อเล็ก บ่อน้อยมากมาย ล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ พอถึงฤดูกาลที่ใบไม้เปลี่ยนสี ทะเลสาบและสระน้ำในบริเวณนี้ก็จะสะท้อนภาพของใบไม้หลากสีสันที่อยู่รอบ ๆ ออกมาอย่างงดงาม

ใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น


ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน-ต้นเดือนธันวาคม

          1. อาราชิม่า (Arashiyama)

          ที่ตั้ง : เขต Ukyo เมืองเกียวโต

          พื้นที่ป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ อยู่ไม่ห่างจากเมืองโตเกียวมากนัก บริเวณโดยรอบเป็นภูเขาสูงใหญ่ เต็มไปด้วยต้นไม้มากมายหลากหลายชนิด มีแม่น้ำไหลผ่าน สร้างความผ่อนคลายได้อย่างดีเยี่ยม ถือได้ว่าเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจสุดฮิตของชาวเมืองโตเกียวและนักท่องเที่ยว สิ่งที่โดดเด่นของที่นี่ก็คือ "อุโมงค์ไม้ไผ่" มีเส้นทางปั่นจักรยานได้โดยรอบ สามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่นี่ก็จะมีดอกเชอร์รีบานสะพรั่งมากมาย ส่วนช่วงเดือนพฤศจิกายนใบไม้ก็จะเปลี่ยนสีสันทั่วทั้งหุบเขา การนั่งเรือชมดินแดนแห่งนี้เป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด

ใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น
        ภาพจาก PodPad/shutterstock.com

          2. ถนน Icho Namiki

          ที่ตั้ง : สวนศาลเจ้าเมจิ ถนน Icho Namiki เมืองโตเกียว

          หากมีโอกาสไปเที่ยวเมืองโตเกียวในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคม ต้องไม่พลาดไปเดินเที่ยวชมต้นแปะก๊วย (ginkgos) หรือต้นโอจิที่กำลังเปลี่ยนสีใบของตัวเองให้กลายเป็นเป็นสีเหลืองทองอร่าม โดยถนนต้นแปะก๊วยนี้มีชื่อเรียกว่า ถนน Icho Namiki ใกล้กับศาลเจ้าเมจิ มีต้นแปะก๊วยมากกว่า 300 ต้น เรียงรายเป็นแถวแนวยาวของทั้งสองฝากฝั่งถนน นักท่องเที่ยวสามารถเดินเที่ยวชมรอบ ๆ ปั่นจักรยาน หรือเลือกที่จะนั่งดื่มชา กาแฟ ร้อน ๆ ในคาเฟ่บริเวณถนนเส้นนี้ก็ได้เช่นกัน

ใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น
        ภาพจาก  cowardlion/shutterstock.com

          3. เมืองฮาโกเนะ (Hakone)

          ที่ตั้ง : เมืองฮาโกเนะ เขตอาชิงาระชิโมะ จังหวัดคานางาวะ

          เมืองฮาโกเนะ เป็นเมืองที่มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ เต็มไปด้วยทิวทัศน์ของป่าเขา พร้อมทั้งบ่อน้ำพุร้อนและรีสอร์ตท่ามกลางธรรมชาติสุดชิลมากมาย ส่วนหนึ่งของเมืองตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติฟุจิ-ฮะโกะเนะ-อิซุ (Fuji Hakone Izu National Park) ซึ่งสามารถมองเห็นวิวของภูเขาไฟฟูจิซังได้อย่างสวยงามอีกแห่งหนึ่งด้วย

          ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนจะเป็นช่วงที่เมืองฮาโกเนะมีบรรยากาศอบอุ่น เพราะอากาศยังไม่หนาวมาก อีกทั้งยังมีทิวทัศน์ของหุบเขาที่เต็มไปด้วยใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงามมากมาย นักท่องเที่ยวจึงสามารถที่จะเลือกทำกิจกรรมได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเดินหรือปั่นจักรยานชมใบไม้เปลี่ยนสีตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ, นั่งล่องเรือในทะเลสาบชมความงดงามของหุบเขาที่มีสีสันสดใส หรือจะพักผ่อนในรีสอร์ตที่โอบล้อมไปด้วยใบไม้สีเหลือง ส้ม แดง ฮาโกเนะจึงกลายเป็นอีกเป็นอีกหนึ่งจุดที่จะทำให้คุณหลงรักญี่ปุ่นแบบถอนตัวไม่ขึ้นเลยทีเดียว

ใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น

          4. วัดคิโยะมิซุ (วัดน้ำใส) (Kiyomizudera Temple)

          ที่ตั้ง : เขตฮิกาชิยาม่า เมืองเกียวโต

          วัดคิโยะมิซุ หรือวัดน้ำใส ตั้งอยู่บนเนินเขาในเขตฮิกาชิยาม่า เมืองเกียวโต เป็นอีกหนึ่งวัดที่มีความสำคัญต่อคนญี่ปุ่น และมีสถาปัตยกรรมของอาคารไม้ที่โดดเด่น ได้รับการจดบันทึกให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก เมื่อปี ค.ศ. 1994 ตัววัดอยู่ในเขตเดียวกับน้ำตก Otowa สูงจากระดับพื้นดินประมาณ 13 เมตร มีอาคารไม้ยื่นตัวออกไปจากหน้าผาหิน ล้อมรอบไปด้วยต้นเชอร์รีมากมาย ที่นี่จึงเป็นหนึ่งในสถานที่ชมดอกเชอร์รีบานและใบไม้เปลี่ยนสี นักท่องเที่ยวจะได้ชมวิวของภูเขาสูงใหญ่เบื้องหน้า ไปพร้อม ๆ กับบรรยากาศสุดอบอุ่นของช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี

ใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น

          5. วนอุทยานแห่งชาติชินจุกุ เกียวเอน (Shinjuku Gyoen National Garden)

          สวนสาธารณะแห่งนี้เป็นสวนที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองโตเกียว อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟชินจูกุ ภายในสวนร่มรื่นไปด้วยต้นไม้มากมาย จัดในสไตล์สวนญี่ปุ่นโบราณ มีสระน้ำสร้างความสดชื่น พร้อมทั้งทางเดินรอบ ๆ สวน ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ที่นี่จะเป็นจุดชมดอกซากุระหรือดอกเชอร์รีที่ฮอตฮิตอีกแห่งหนึ่งของเมืองโตเกียว ในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน ถึงกลางเดือนธันวาคมก็จะกลายเป็นสถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงาม ไม่ว่าจะมาในฤดูกาลไหนที่นี่ก็สวยงามเสมอ

ใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น

เว็บไซต์แนะนำสถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสี

          1. เว็บไซต์แนะนำการเตรียมตัวและสถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสี

          ++ yokosojapan
 
          2. เว็บไซต์แนะนำสถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีทั่วทั้งญี่ปุ่น

          ++ kouyou

          ++ japan-guide
 
          3. เว็บไซต์สถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสี เมืองโตเกียว

          ++ japan-guide

          4. เว็บไซต์แนะนำสถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสี ภูมิภาคโทโฮะกุ

          ++ en.tohokukanko

          หวังว่าข้อมูลข้างต้นจะเป็นประโยชน์สำหรับหลาย ๆ คนที่มีแผนจะไปชมฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ใครที่ยังไม่ได้เตรียมตัวก็ต้องรีบกันสักนิด เพราะใบไม้เปลี่ยนสีในญี่ปุ่นจะอยู่กับเราอีกเพียงแค่ 2 เดือนกว่า ๆ เท่านั้น ขอให้สนุกกับทริปครั้งต่อไปค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
jnto.go.jp, japan-guide.com, jnto.go.jp, hokkaido, tobu.co.jp, nto.go.jp, japan-guide.com, japan-guide.com, matsumoto-castle.jp, yokosojapan, japan-guide.com, aomori
japan-guide.com, jnto.go.jp, japan-guide.com, fukushima, japan-guide.com, japan-guide.com, kanagawa, hakonenavi.jp, kiyomizudera.or.jp, japan-guide.com

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ใบไม้เปลี่ยนสี 2019 ญี่ปุ่น แนะนำสถานที่ชมตั้งแต่เริ่มต้นจนจบฤดูกาล อัปเดตล่าสุด 2 สิงหาคม 2562 เวลา 12:07:00 26,136 อ่าน
TOP