สวัสดีครับเป็นอีกทริปที่เก็บมาฝากกันนะครับ เป็นทริปสั้น ๆ ขับรถเที่ยวไม่ได้วางแผนการเดินทาง มีเป้าหมายแค่ว่าอยากไปทะเล เอาที่ไม่ไกลมากนัก แล้วก็ที่สำคัญคือเที่ยวแบบประหยัดตามแบบฉบับคนงบน้อย...^_^
^_^...ไปเที่ยวกันครับ.....^_^
ฝากกระทู้แรกด้วยนะครับ...เพชรบูรณ์เมืองในสายหมอก...^_^ http://pantip.com/topic/34066746
แวะพบปะพูดคุยทักทายกันได้ครับ
เฟซบุ๊ก yuttana.pichanchai
เริ่มออกเดินทางจากโคราชบ้านกระผมเองประมาณตีสามกว่า ๆ ครับ ขับรถเรื่อย ๆ ไม่เร่งรีบกับเป้าหมายแรกคือ "จันทบุรี"
จุดหมายแรกของผมคือ โบสถ์วัดแม่พระปฏิสนธินิรมล ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกับโรงเรียนสตรีมารดาพิทักษ์ (เดิมเป็นโรงเรียนสอนศาสนา) เป็นโบสถ์คริสต์นิกายโรมันคาทอลิก มีลักษณะตามศิลปะแบบโกธิก เดิมมีหลังคาเป็นยอดแหลมแต่ได้มีการรื้อส่วนแหลมออกในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อไม่ให้เป็นเป้าหมายในการโจมตีทางอากาศ มีการตกแต่งโบสถ์ไม้ฉลุลายประดับกระจกสีเป็นรูปนักบุญในศาสนาคริสต์ รูปปั้นพระแม่มารีสีหน้าสงบ เปี่ยมประกายเมตตา ยืนอยู่หน้าวิหารทรงโกธิกซึ่งดูยิ่งใหญ่ หากภายในกลับมีแต่ความสงบเย็นและงดงามด้วยศิลปะตกแต่งแบบยุโรป อาคารอันงดงามนี้ยืนหยัดผ่านกาลเวลามากว่าศตวรรษ โบสถ์แม่พระปฏิสนธิ จึงมิเพียงเป็นโบสถ์ที่สวยงามที่สุดเท่านั้น หากยังเป็นศูนย์รวมศรัทธาของผองชาวคริสต์ทั้งปวง มิเพียงเฉพาะเมืองจันทบูรแต่ครอบคลุมไปทั่วฝั่งทะเลตะวันออกทีเดียว (ขอบคุณข้อมูลจาก www.paiduaykan.com) และก็เป็นเรื่องปกติครับที่แผนที่กูเกิลจะพาผมหลงทาง 555 วนไปวนมา แต่ก็ไม่มีครั้งไหนที่กูเกิลทำให้ผิดหวังครับ เพราะหลงทุกครั้ง 555 สุดท้ายก็เจอจนได้ครับเพราะจอดรถถามทางคนพื้นที่ครับ
ในวันที่ผมไปท้องฟ้าไม่เป็นใจสักเท่าไรครับ ฟ้าขาวบวกกับแดดที่จัดมาให้แบบเต็ม ๆ บอกได้เลยครับร้อนมาก
เดินวนถ่ายภาพรอบ ๆ โบสถ์ครับ ถึงอากาศจะร้อนแต่ผมกับรู้สึกสงบใจอย่างประหลาด
มาดูภาพมุมกว้าง ๆ กันบ้างครับ โบสถ์วัดแม่พระปฏิสนธินิรมลในมุมมองแบบพาโนรามา
หลบแดดร้อน ๆ เข้ามาภายในกันบ้างนะครับ ผู้ที่จะเข้ามาภายในโบสถ์ควรอยู่ในอาการสงบและแต่งตัวให้เรียบร้อยด้วยนะครับ ภายในเย็นสบายและเงียบสงบมาก ๆ ครับ.../\\_/\\
หลังจากชมโบสถ์เสร็จแล้วเป้าหมายต่อไปของผมคือ "ชุมชนริมน้ำจันทบูร" ชุมชนเก่าแก่กว่า 300 ปี ตั้งอยู่ในตัวเมืองจันทบุรี ริมน้ำจันทบูร (แม่น้ำจันทบุรี) ที่นี่มีบ้านเรือนเก่าแก่หลายแบบ ทั้งบ้านริมน้ำแบบไทย ตึกสถาปัตยกรรมแบบยุโรปผสมกับจีน โดยเดินข้ามสะพานนิรมลครับผม
สองฝั่งแม่น้ำก็จะมีบ้านเรือนทั้งเก่าและใหม่สลับ ๆ กันไปครับ
กำแพงนี้เป็นอีกแลนด์มาร์กหนึ่งที่ต้องถ่ายครับ
เนื่องจากวันที่ผมไปเป็นวันธรรมดาครับ นักท่องเที่ยงจึงค่อนข้างน้อย ร้านต่าง ๆ ก็ปิดซะส่วนใหญ่ เดินถ่ายภาพดูวิถีชีวิตของคนที่นี่ก็เพลินดีครับ แต่อยากบอกว่าร้อนสุด ๆ 555
ร้านนี้เด็ดสุดครับ น่าจะเป็นแหล่งประลองความรู้และเป็นที่รวมตัวของวัยรุ่น (รุ่นใหญ่) ของที่นี่ครับ บอกได้เลยคึกคักมาก ๆ
อีกหนึ่งเป้าหมายของผมครับ แต่......ปิดซะงั้น...น้ำตาจะไหล
เดินเพลินเที่ยงซะแล้วครับ ขอเติมพลังสักหน่อย...ร้านเจ๊จิ้ม-ร้านก๋วยเตี๋ยวหมูเลียง...เข้าร้านก๋วยเตี๋ยวแต่ผมกินสุกี้แห้งครับ อร่อยประหยัดราคาไม่แพง แม่ค้าใจดี...ผมเลยได้โอกาสสอบถามข้อมูลที่เที่ยวซะเลย...อิอิ
และแล้วก็ได้เป้าหมายต่อไปครับ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ได้เริ่มก่อตั้งตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในคราวที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินประกอบพิธีเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชที่จังหวัดจันทบุรี เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2524 โดยมีพระราชดำริแก่ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี มีสาระสำคัญดังนี้....
"ให้พิจารณาพื้นที่ที่เหมาะสมจัดทำโครงการพัฒนาอาชีพการประมงและการเกษตร ในเขตที่ดินชายฝั่งทะเล จังหวัดจันทบุรี"
และได้พระราชทานเงินที่ราษฎรจังหวัดจันทบุรีร่วมทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายโดยเสด็จพระราชกุศล ในโอกาสดังกล่าวเป็นทุนริเริ่มดำเนินการ ต่อมาเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2524 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้มีพระราชดำริเพิ่มเติม ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน สาระโดยสรุปว่า...
"ให้พิจารณาจัดหาพื้นที่ป่าสงวนเสื่อมโทรมหรือพื้นที่สาธารณประโยชน์ เพื่อจัดตั้งศูนย์ศึกษาการพัฒนา เช่นเดียวกับศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน ให้เป็นศูนย์ศึกษาเกี่ยวกับการพัฒนาในเขตที่ดินชายทะเล"
จังหวัดจันทบุรีได้ร่วมหารือกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องและพิจารณาความเหมาะสมจึงกำหนดพื้นที่ตำบลคลองขุด อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี เป็นพื้นที่จัดตั้งศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนฯ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2525 ศูนย์ศึกษาดังกล่าวเป็นหน่วยงานที่ดำเนินการศึกษาสาธิต และการพัฒนาในเขตที่ดินชายทะเล โดยวิธีการผสมผสานความรู้อันหลากหลายของแต่ละหน่วยงาน เพื่อวางแผนพัฒนาการจัดการทรัพยากรที่มีอยู่ให้เหมาะสมและยั่งยืนตลอดไป
ผมชอบที่นี่มาก ๆ นะครับ ทางเดินเป็นสะพานไม้ทอดยาวเข้าไปในป่าชายเลน เดินเพลิน ๆ ครับ
ในวันที่ผมไปค่อนข้างเงียบเหงาครับ คงเพราะเหตุผลเดิมคือเที่ยวในวันธรรมดาวันที่ใคร ๆ เขาไม่เที่ยว แต่เสน่ห์ของการมาเที่ยววันธรรมดาก็คือไม่ต้องแย่งกันกินแย่งกันเที่ยว นี่แหละครับผมถึงชอบเที่ยววันธรรมดา...^_^
เดินเรื่อย ๆ ออกมาที่ปากอ่าว สวย ๆ มากครับ เสียดายที่วันนั้นฟ้าปิด ฟ้าไม่สวยเลยได้มาเท่านี้...Y_Y
ที่นี่มีเรือให้พายด้วยนะครับ แต่สำหรับผมวันนี้คงไม่ไหว เดี๋ยวจะคว่ำจมทั้งคนทั้งกล้อง 555 ปิดท้ายที่นี่ก่อนเดินทางต่อครับ
ขับรถออกมาแวะถ่ายภาพมุมนี้อีกหน่อยครับสวยและสงบดีเหมาะแก่การพักผ่อนมาก ๆ เลยถ่ายลูกชายเอาไว้ดูเป็นความทรงจำสักหน่อย
เดินทางกันต่อครับเป้าหมายต่อไป "จุดชมวิวเนินนางพญา" ซึ่งจะมองเห็นถนนเลียบชายหาดคุ้งวิมาน หรือชื่ออย่างเป็นทางการก็คือ ถนนบูรพาชลทิศ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นถนนเส้นที่สวยที่สุดในภาคตะวันออก เสียดายวันที่ผมไปฟ้าไม่เป็นใจเลย ได้แค่ฟ้าหม่น ๆ มาแทน...Y-Y
จุดชมวิวเนินนางพญา สามารถมองเห็นวิวได้กว้างมาก ๆ ครับ ใครไปเมืองจันท์พลาดที่นี่ไม่ได้เด็ดขาดนะครับ
ก่อนอาทิตย์จะสิ้นแสง ใกล้ ๆ กันผมเห็นมุม ๆ หนึ่งเลยไปรอเก็บแสงเย็นที่นั่น ไม่แน่ใจว่ามุมนี้เค้าเรียกว่าอะไร แต่ผมว่ามันเป็นอีกมุมที่สวยไม่แพ้กันครับ
ส่งท้ายด้วยแสงสุดท้ายภาพนี้นะครับ ก็จะกลับไปที่ "หาดเจ้าหลาว" เพื่อหาที่ซุกหัวนอน เพราะคืนนี้ยังไม่รู้ชะตากรรมว่าจะนอนที่ไหน...555
หลังจากเมื่อคืนได้ที่พักที่หาดเจ้าหลาวในราคาคืนละ 400 บาท ห้องแอร์พร้อมเครื่องทำน้ำอุ่น ก็ทำให้ผมได้พักผ่อนหลังจากลุยมาทั้งวันทำให้ผมมีแรงลุยต่อในวันนี้ครับ กับเป้าหมายต่อไป "เกาะแสมสาร" เกาะที่ผมเพิ่งเคยได้ยินชื่อเมื่อคืนนี้เอง เพราะตอนแรกตั้งใจจะไปเกาะขาม แต่ว่าเกาะขามไม่เปิดทำการวันธรรมดาเลยต้องเปลี่ยนเป้าหมายแบบกะทันหัน
เกาะแสมสาร อยู่ในเขตอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เป็น 1 ใน 9 เกาะ ในโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี การซื้อตั๋วข้ามเกาะแสมสารไม่มีการจองล่วงหน้า นักท่องเที่ยวที่ต้องการข้ามเกาะแสมสารต้องเดินทางมาจองคิวและซื้อตั๋วแบบวันต่อวัน.......ราคาตั๋วเกาะแสมสาร ผู้ใหญ่ 300 บาท ค่าตั๋วรวมเข้าชมพิพิธภัณฑ์ เรือไป-กลับเกาะแสมสาร บริการรถบนเกาะแสมสาร สุขา-ห้องอาบน้ำ.... ยังไงลองเช็กรายละเอียดดูอีกทีนะครับ เหมือนเคยครับผมไปแบบชิล ๆ จองตั๋วได้รอบ 11.00 น. โดยส่วนใหญ่ผมสังเกตจะเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่า แล้วจะมาเป็นกรุ๊ปทัวร์คุยกันโขมงโฉงเฉงเลย ไอ้เราก็ฟังไม่รู้เรื่องได้แต่แอบมองสาว ๆ ขาว ๆ 555 ระหว่างรอขึ้นเรือก็เดินถ่ายอะไรเล่น ๆ ไปเรื่อย ๆ ครับ
ในที่สุดก็ได้ข้ามเกาะมาครับ สำหรับผมยังไม่เคยลงไปเที่ยวทะเลทางภาคใต้มาก่อน เลยไม่รู้ว่าที่นั่นสวยขนาดไหน แต่สำหรับที่นี่วันที่ผมได้ไปเยือนฟ้าหม่นไม่สวย แต่น้ำทะเลที่นี่ถือว่าใสและหาดทรายขาวมาก ๆ ^_^
จริง ๆ อยากแอบถ่ายสาวต่างชาติเล่นน้ำนะครับ แต่ไกด์เค้าจ้องผมซะจนผมป๊อดเลยเดิน ๆ ก้มหน้าก้มตาถ่ายวิวดีกว่า 555
ชมภาพเพลิน ๆ นะครับ กิจกรรมมากมาย เล่นน้ำ ดำน้ำ ลงเรือกระจก เล่นวอลเลย์บอลชายหาด หรือจะนอนพักริมหาดก็แล้วแต่ความสุขของแต่ละคนครับ ส่วนผมเดิน ๆ ถ่ายภาพอย่างเดียว 555
วันสุดท้ายของทริปไปปิดทริปกันที่ "อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า" ครับผม ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านเพ อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 20 กิโลเมตร ได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลแห่งที่ 3 ครอบคลุมพื้นที่บนฝั่งและในทะเล ตลอดจนเกาะต่าง ๆ เช่น หาดแม่รำพึง เขาแหลมหญ้า และหมู่เกาะเสม็ด ประกอบด้วย เกาะเสม็ด เกาะจันทร์ เกาะกุฎี เกาะขาม เกาะกรวย เกาะปลายตีน เกาะทะลุ และเกาะท้ายค้างคาว สถานที่ที่เป็นจุดเด่นคือเกาะเสม็ดหรือเกาะแก้วพิสดาร
อุทยานมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ 3 เส้นทาง คือ เกาะเสม็ด เกาะกุฎี และเขาแหลมหญ้า ในแต่ละเส้นทางจะพบพันธุ์ไม้นานาชนิด เช่น พันธุ์มะนาวป่า ต้นไข่เต่า ต้นขันทองพยาบาท ต้นเสม็ดแดง และสัตว์ป่า เช่น อีเห็นเครือ พังพอนเล็ก ลิงแสม กระรอกหลากสี นกนางแอ่นบ้าน และนกฮูก เป็นต้น นอกจากนั้นทั้ง 3 เส้นทาง ยังเป็นจุดชมวิวอีกด้วย
ค่าเข้าอุทยานชาวไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท อย่าเสียเวลาครับไปเที่ยวกันดีกว่า
ที่นี่ไม่มีหาดสำหรับเล่นน้ำนะครับ เหมาะสำหรับเดินเล่นถ่ายภาพและชมวิวครับผม
ลมแรงมาก ๆ ครับ เดินเล่น ๆ เนี่ยฟินเลย
เห็นคุณลุงนอนแล้วอิจฉาจริง ๆ แทบหยุดเวลาเลยครับ
ถ้ามีโอกาสก็อยากกลับมาที่นี่อีก แล้วมีใครสักคนมานั่งบนชิงช้านี้ด้วยกันคงจะดีไม่น้อย มโนแป๊บ 555
เดินไปเรื่อย ๆ ครับเหนื่อยก็พัก
เส้นทางศึกษาธรรมชาติเดินแล้วก็เพลินดีครับ
วิวมุมสูงสักใบ
หินนี้เค้าเรียงไว้เพื่ออะไรครับ วอนผู้รู้ช่วยตอบที่
ส่งท้ายกันด้วยสองภาพนี้นะครับ แสงสุดท้ายที่เขาแหลมหญ้า ขอบคุณทุก ๆ ท่านที่เข้ามาติชมและพูดคุยครับ ถ้ามีโอกาสคงได้เจอกันอีกครับผม.../\\_/\\
ขอขอบคุณข้อมูลจาก คุณสมาชิกหมายเลข 2576913 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และ เฟซบุ๊ก Yuttana Pichanchai