x close

เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ




          วันนี้เราจะชวนเพื่อน ๆ ไปเที่ยว "ไต้หวัน" เกาะขนาดกะทัดรัดแต่อัดแน่นด้วยคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ที่น่าสนใจ ธรรมชาติอันงดงาม อาหารการกินอุดมสมบูรณ์ แหล่งช้อปปิ้งที่หลากหลาย ฯลฯ ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เป็นเสน่ห์เย้ายวนให้ใคร ๆ ก็อยากมาเที่ยวไต้หวันสักครั้ง เอาเป็นว่าลองตามบันทึกการเดินทางของ คุณเอ็ม พาบิน สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่ได้ตะลุยเที่ยวไต้หวัน กับทริปวัยรุ่นพาเที่ยว "ไต้หวัน" ด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะกันเลยค่ะ



          สวัสดีทุก ๆ คนนะครับ วันนี้กลับมารีวิวอีกครั้งกับทริปล่าสุดที่เพิ่งจบไป รีวิวนี้ผมจะพาบินไปเที่ยวที่ไต้หวัน ประเทศที่ยิ่งได้หาข้อมูลยิ่งรู้สึกว่าเป็นประเทศที่น่าไปเที่ยวมาก และอยากแนะนำว่าคุณต้องหาโอกาสไปเที่ยวที่ไต้หวันสักครั้ง แล้วคุณจะชอบเหมือนผมและหลาย ๆ คนที่ได้เคยไปเยือนที่ไต้หวันมา

          ทริปนี้ก็เป็นการเที่ยวสไตล์วัยรุ่นเที่ยว แนวไม่ต้องใช้งบเยอะ ไม่ต้องมีเงินเยอะ ก็ไปเที่ยวตามกันได้ เราบิน Lowcost นอน Hostel เน้นประหยัดเรื่องที่พักและค่าตั๋วเครื่องบิน แต่เรากินเที่ยวกันเต็มที่ครับ เท่าที่เวลาจะเอื้อให้เรา ฮ่า ๆ ทั้งทริปใช้จ่ายไปประมาณ 13,099 บาท (รวมค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ, ค่าที่พัก 3 คืน และค่ากินเที่ยว ค่าเดินทาง ทุกอย่างครับ) ล่าง ๆ จะมีสรุปค่าใช้จ่ายไว้ให้

เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ

          เราได้มีโอกาสเดินทางไปหลายสถานที่ด้วยกันครับ ไม่ว่าจะเป็นทะเลสาบสุริยันจันทรา (Sun Moon lake), อุทยานเย่หลิว (Yehliu), จิ่วเฟิ่น (Jiufen), วัดหลงซาน (Longshan), ขึ้นเขาไปถ่ายรูปตึกไทเป 101 ที่เขาเซี่ยงซาน (Elephant Mountain), ตลาดกลางคืนกงก่วน (Gongguan Night Market), ตลาดกลางคืนซือหลิน (Shilin Night Market), ตลาดซีเหมิน (Ximen) และตลาดปลาไทเป เดี๋ยวรายละเอียดแต่ละที่ติดตามได้ในรีวิวเลยนะครับ ได้มีการบอกการเดินทางไว้ด้วย

          และรีวิวนี้ก็เหมือน ๆ เดิมกับทุกรีวิวที่ผมเคยเขียน คือเป็นรีวิวตอนเดียวจบเลยนะครับ อาจจะยาวหน่อยนะ ^^

          สำหรับใครที่ชอบสไตล์การท่องเที่ยวและเขียนรีวิวของผมสามารถติดตามได้อีกทางที่

          Fanpage : เฟซบุ๊ก MJourneyPrabin

          ผมมีโอกาสได้เดินทางอยู่เรื่อย ๆ ครับ จะมารีวิวให้ติดตามกันบ่อย ๆ ครับ ^^

          การเดินทางไปไต้หวันในปัจจุบันนี้ต้องบอกเลยว่าไปได้ง่ายและไม่ต้องใช้งบเยอะครับ เพราะว่าตอนนี้มีสายการบินต้นทุนต่ำมาเปิดบินตรงเส้นทางกรุงเทพฯ (ดอนเมือง)-ไทเป ไต้หวัน แล้ว โดยมีทั้ง Tiger air Taiwan (พี่เสือ) และ V air (พี่หมี) ทำให้เดี๋ยวนี้ค่าตั๋วเครื่องบินถูกลง เพราะ 2 สายการบินนี้เค้าขยันทำโปรฯ ออกมาเรียกลูกค้าอยู่เรื่อย ๆ ครับ

เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ

          อย่างทริปนี้ ผมสอยตั๋วโปรฯ ของ พี่เสือ Tiger air Taiwan มาได้ในราคาไป-กลับ 1,600 บาท (รวมภาษีแล้ว) และก็บวกค่าตัดบัตรอีก 450 บาทต่อคน รวมแล้วสำหรับค่าตั๋วไป-กลับ กรุงเทพฯ-ไทเป ทริปนี้ ก็จะเป็น 2,050 บาท ถูกมาก ๆ เห็นราคานี้กดจองเลย ไม่ต้องคิดครับ ตอนนั้นยังไม่มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับไต้หวันอยู่ในหัวเลย รู้อย่างเดียวคืออยากไป และโปรฯ มาต้องรีบจัด ไม่งั้นหมดจะเสียดายทีหลังเอา และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของทริปนี้ครับ

           ***สำหรับคนไทยที่จะไปเที่ยวไต้หวันต้องขอวีซ่าเข้าประเทศนะครับ ค่าทำวีซ่า 1,500 บาท*** ดูรายละเอียดการทำได้ในลิงก์นี้เลยครับ https://goo.gl/sp4g5f


          มีคนถามว่าวีซ่าไต้หวันขอยากไหม : จากที่ขอมาสมาชิกทุกคนในทริปก็ขอได้หมดนะครับ เตรียมเอกสารให้ครบ แล้วก็ส่งตัวแทนไปยื่นครับ ผ่านหมดทุกคน และจากที่ได้หาข้อมูลสำหรับเตรียมทริปเที่ยวไต้หวันยังไม่เคยอ่านเจอคนที่ขอวีซ่าไต้หวันไม่ผ่านเลยนะครับ สรุปคิดว่าการขอวีซ่าไต้หวันไม่ยากครับ ขอแค่เตรียมเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ให้ครบ
       
          ถ้าไต้หวันยกเว้นวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยจะแจ่มมากครับ ฮ่า ๆ ตอนนี้ถ้าใครจะไปเที่ยวไต้หวัน นอกจากค่าตั๋วเครื่องบินแล้ว ต้องบวกค่าวีซ่าอีก 1,500 บาท เข้าไปด้วย ถ้าได้ตั๋วไป-กลับราคาไม่เกิน 4 พัน กำลังดีครับสำหรับผมนะ

        มาเริ่มต้นการเดินทางกันเลยครับ 28/05/2015

          วันนี้เรามีบินไฟลท์ 20.25 น. ครับ ช่วงบ่ายก็รีบบึ่งรถมาสนามบินดอนเมือง และพอถึงก็แวะเอาของลงที่อาคารผู้โดยสารกันก่อน เพราะที่จอดรถฟรีจะอยู่ไกลนะครับ จากนั้นก็ขับรถไปจอดที่อาคารจอดรถฟรีได้เลย (ดอนเมืองมีที่จอดรถฟรีนะครับ ดูตามรีวิวนี้ได้เลย http://pantip.com/topic/31532321)



          สมาชิกพร้อมหน้าก็ไปจัดการหาเคาน์เตอร์เช็กอินกันครับ เราบินกับ Tiger air Taiwan เคาน์เตอร์จะอยู่แถวที่ 5 อยู่ข้าง ๆ กับเคาน์เตอร์เช็กอินของไทยสมายล์เลย จัดการเช็กอินและโหลดกระเป๋าเรียบร้อย ทริปนี้ก่อนมาเราได้ทำการซื้อน้ำหนักกระเป๋าสำหรับโหลด 30 กิโลกรัม ก็แชร์น้ำหนักกันเอาครับ จะได้ประหยัด ๆ ^^ ทริปนี้มีโอกาสได้ใช้บริการของ Tiger air Taiwan ที่มาเปิดบินตรงเส้นทางกรุงเทพฯ (สนามบินดอนเมือง) สู่ไทเป (สนามบินเถาหยวน อาคาร 1) เมื่อปลายปีที่แล้วนี่เองครับ ใช้เวลาบินประมาณ 3.5 ชั่วโมง

เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ

          เดี๋ยวมารู้จักกับสายการบินนี้กันสักนิดหนึ่งไว้เป็นข้อมูล เผื่อใครได้มีโอกาสไปใช้บริการนะครับ

          Tiger air Taiwan เป็นสายการบินต้นทุนต่ำ (Lowcost airline)


        1. ราคาตั๋วจะไม่รวมบริการเสริมอื่น ๆ เช่น เลือกที่นั่ง อาหาร และสัมภาระโหลดใต้ท้องเครื่อง บริการเสริมซื้อหรือไม่ซื้อก็ได้

        2. สามารถถือกระเป๋าขึ้นเครื่องได้ 2 ใบ น้ำหนักรวมกันไม่เกิน 10 กิโลกรัม มีการเช็กน้ำหนักที่เคาน์เตอร์เช็กอินด้วย

        3. น้ำหนักกระเป๋าโหลดใต้ท้องเครื่อง สามารถแชร์กันได้ โหลดหลายใบได้ แต่น้ำหนักรวมต้องไม่เกินน้ำหนักที่ได้ซื้อไว้

        4. ใช้เครื่องบินรุ่น Airbus A320 ที่นั่งแบบ 3 3 (รุ่นเดียวกับของแอร์เอเชียครับ)

        5. Counter Check-in

          - สนามบินดอนเมือง อยู่แถวที่ 5 (ข้างไทยสมายล์)

          - สนามบินเถาหยวน แถวที่ 2 อาคาร 1


          พูดถึงเรื่องโปรโมชั่น

          เป็นอีกสายการบินหนึ่งครับที่ผมรู้สึกว่ากล้าเล่นราคาดี ปล่อยโปรฯ มาเรื่อย ๆ นะครับ ทั้งบินฟรีขาไปหรือฟรีขากลับ (จ่ายแค่ค่าภาษีสนามบิน) หรืออาจจะเห็นไป-กลับราคาสามพันกว่าบาท อันนี้ก็เห็นบ่อยครับ ถ้าใครเจอไปกลับต่ำกว่า 3 พัน อันนี้ถือว่าถูกครับ ถ้าเจอก็จัดได้เลย

          โอเคก็ได้รู้จัก Tiger air Taiwan กันคร่าว ๆ แล้ว หลังจากที่เช็กอินเสร็จก็เตรียมพร้อมขึ้นเครื่อง ออกบินสู่ประเทศไต้หวันครับ ไฟลท์ดึกก็ไม่มีอะไรมากครับ บนเครื่องนอนยาวไปเลย อาหารอะไรก็ไม่ได้สั่งกินกันหรอกครับ เพราะจัดมาเรียบร้อยก่อนขึ้นเครื่องกันแล้ว โอเคไปกันเลยครับ ไปเจอกันที่ไต้หวันเลยนะ ^^

เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ

          นั่งเครื่องประมาณ 3.5 ชั่วโมง ประมาณตีหนึ่งเราก็บินมาถึงเมืองไทเป ไต้หวัน กันแล้วครับ เครื่องลงที่สนามบินเถาหยวน อาคาร 1 กว่าจะผ่าน ตม. รับกระเป๋าอะไรเสร็จก็เกือบจะตีสอง ออกมาก็มาหาที่นั่งพัก หาที่ชาร์จแบตมือถือ สนามบินที่นี่ดีมากครับ มีจุดให้ชาร์จไฟเยอะมาก ทั้งเต้าเสียบแบบ USB และแบบเป็นปลั๊ก มี free Wi-Fi ด้วย แต่แอร์ที่สนามบินตอนกลางคืนเย็นมาก ใครจะมานอนที่สนามบินพกผ้าห่มบาง ๆ มาด้วยก็ดีครับ อากาศมันหนาวมาก แต่พวกผมยังไม่ทันได้นอนหรอกครับ เพราะเรามีกำหนดนั่งรถบัสออกจากสนามบินรอบ 04.30 น.

เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ

เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ

          มาดูวิธีการเดินทางจากสนามบินเข้าเมืองไทเปกันครับ

          ผ่าน ตม. รับกระเป๋าเรียบร้อยแล้วให้เดินตามป้าย "Bus to city" และ "Bus to High Speed Rail" มาได้เลยครับ


          1. นั่งรถบัสต่อเดียวตรงยาวเข้าเมืองเลย ของ Kuo-Kuang Motor Transport ถ้าไปช่วงดึกเคาน์เตอร์ขายตั๋วจะปิด สามารถหยอดเงินซื้อตั๋วจากเครื่องตรงนั้นได้เลย (ตามในรูป) รถมีทั้งคืนครับ ค่ารถประมาณ 125 TWD นั่งรถสุดสายไปลงที่อาคาร Taipei main station ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30-60 นาที แล้วแต่สภาพการจราจรด้วย ***ผมใช้วิธีนี้ครับ ถูกสุด หลับยาวได้เลย ไม่ต้องลากกระเป๋าหลายรอบ

          2. นั่งรถบัสแล้วไปต่อรถไฟความเร็วสูงเข้าเมือง โดยนั่งรถบัส U-Bus ไปลงที่สถานี HSR Taoyuan (ราคา 30 TWD ใช้เวลาประมาณ 20 นาที) จากนั้นขึ้นรถไฟความเร็วสูง HSR ไปลงที่สถานี HSR Taipei Station (ราคา 160 TWD ใช้เวลา 20 นาที)

เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ

          รถบัสพามาถึง Taipei main station เร็วมากครับประมาณ 30 นาที เพราะตอนเช้าถนนรถโล่ง ผมก็กำลังจะหลับเลย อ้าว ! ถึงแล้วเหรอ ฮ่า ๆ

เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ

          Taipei main station ก็จะเป็นเหมือนจุดศูนย์กลางการเดินทางไปยังที่ต่าง ๆ นะครับ มีทั้งรถไฟใต้ดิน รถไฟความเร็วสูง และสถานีรถบัสต่าง ๆ ก็จะเชื่อมเดินถึงกันได้หมดเลยที่สถานีนี้ครับ มาถึงก็จัดการซื้อบัตร Easy Card ก่อนเลยครับ ค่าบัตร 100 TWD และเติมเงินเพิ่มอีก 500 TWD (บัตรใช้เสร็จสามารถคืนได้ มีหักค่าบัตร 20 TWD) บัตรนี้ก็จะเป็นเหมือนบัตรเติมเงินสามารถใช้กับขนส่งพวกรถไฟ รถบัสได้ และใช้แตะซื้อของตามร้านสะดวกซื้อพวกเซเว่นฯ ได้ครับ (คล้าย ๆ กับบัตร EZlink ที่สิงคโปร์, บัตร Octopus ที่ฮ่องกง)

เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ

          เราตัดสินใจว่าเราจะเอากระเป๋าไปฝากกันไว้ที่พักก่อน ค่อยออกเดินทางไปทะเลสาบสุริยันจันทรา (Sun Moon lake) ซึ่งที่พักเราอยู่ย่านซีเหมินติง นั่งรถไฟใต้ดินไปลง Ximen station สถานีเดียวก็ถึง เดี๋ยวรีวิวที่พักจะอยู่ด้านล่างนะครับ หลังกลับมาจากเที่ยวทะเลสาบสุริยันจันทรา

          ตอนโผล่ออกมาจากสถานี  Ximen station บรรยากาศเงียบกริบ นี่มันเมืองร้างชัด ๆ บรรยากาศยังกับในหนังที่โดนแวมไพร์บุก ผู้คนตายทั้งเมืองอะไรอย่างนั้นเลยครับ ตอนนี้ก็เกือบ ๆ เจ็ดโมงแล้วนะครับ แต่คนมันไปไหนหมด เราก็ลากกระเป๋าไปฝากที่พัก จากนั้นก็แวะหามื้อเช้ากินกันก่อนครับ เจอเปิดอยู่ร้านหนึ่งพอดี ตรงซอยใกล้ ๆ ที่พัก

เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ

          ที่ร้านที่เรากินมื้อเช้านี่แทบจะจีนล้วนเลยครับ ภาษาอังกฤษได้นิดหน่อย ก็เลยเน้นภาษามือสื่อสารกันเลยทีนี้ ตรงนั้นมีรูปอาหารอยู่ก็เลยชี้ ๆ เอาเลย แต่น้ำดันไม่มีรูปให้ดูครับ ประเด็นคืออยากกินชาไข่มุก แต่ภาษาอังกฤษมันเรียกว่าอะไรหว่า ฮ่า ๆ ก็เลยได้มาเป็นชาเย็นครับ 555 ร้านอาหารแนวมื้อเช้าสไตล์ไต้หวัน ค่อนข้างน่ากินเลยทีเดียวนะครับ เห็นหลายร้านเลย เมนูน้ำชา นม อะไรต่าง ๆ และพวกขนมปัง อะไรเค้าดูน่ากินดีครับ กินเสร็จก็ออกเดินทางต่อกันเลย

        ทะเลสาบสุริยันจันทรา (Sun Moon lake) 29/05/2015

          ขั้นตอนการเดินทาง

        - นั่งรถไฟความเร็วสูง HSR จาก Taipei main station ไปลงที่สถานี Taichung station (765 TWD แบบจองที่นั่ง) จากนั้นนั่งรถบัสต่อเข้าไปที่ Sun Moon lake (อันนี้ซื้อเป็นแพ็กเกจรวมไป-กลับ 680 TWD)

เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ

          พอกลับมาถึง Taipei main station  เราก็มุ่งตรงไปซื้อตั๋วรถไฟความเร็วสูง HSR กันครับ ภายในสถานีมีป้ายต่าง ๆ บอกชัดเจนนะครับ ไม่ต้องกลัวหาไม่เจอ โดยที่ซื้อตั๋วมีทั้งแบบซื้อตั๋วที่ตู้กดและซื้อที่เคาน์เตอร์กับพนักงานได้เลย ทั้ง 2 วิธี สามารถใช้ทั้งเงินสดหรือบัตรเครดิตจ่ายก็ได้ครับ พวกผมเลือกไปซื้อที่เคาน์เตอร์กับพนักงาน และเลือกตั๋วเป็นแบบจองที่นั่ง (จะแพงกว่าตั๋วแบบไม่จองที่นั่งนิดหน่อย ประมาณ 20-30 TWD) จากนั้นก็ไปขึ้นรถไฟกันเลย ไปรอขึ้นตามโบกี้ที่มีระบุไว้ในตั๋วได้เลย สำหรับใครที่จองที่นั่งไว้ ใครที่ไม่ได้จองก็จะมีระบุไว้ครับว่าสามารถนั่งโบกี้ไหนได้ถึงโบกี้ไหนได้บ้าง อันนี้ขึ้นไปต้องรีบหาที่นั่งหน่อย ไม่งั้นเผื่อคนเยอะไม่มีที่นั่งครับ

เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ

          นั่งรถไฟมาได้ประมาณ 1 ชั่วโมง เราก็มาถึง Taichung station บนรถไฟมีป้ายไฟและเสียงประกาศบอกอยู่ครับ อันนี้ไม่ต้องกลัวนั่งเลยสถานี ฮ่า ๆ จากนั้นเราต้องนั่งรถบัสต่อไปที่ทะเลสาบสุริยันจันทรา (Sun Moon lake) เดินตามป้ายทางออกที่ 5 ไป Bus station ได้เลย พอไปถึงก็จะเจอเคาน์เตอร์ขายตั๋ว ตรงนี้มีตั๋วหลากหลายให้เลือกมากครับ เป็นแบบแพ็กเกจหรือจะรถบัสไป-กลับอย่างเดียวก็ได้ พวกผมเลือกซื้อเป็นแพ็กเกจราคา 680 TWD ครับ ราคานี้จะรวมรถบัสไป-กลับ Taichung station-Sun Moon lake, ล่องเรือที่ Sun Moon lake, นั่งกระเช้า และนั่งรถบัสรอบ Sun Moon lake ครับ ซึ่งจะประหยัดไปได้มาก เพราะถ้าซื้อทั้งหมดนี้แยกจะราคา 1,164 TWD (ซื้อเป็นแพ็กเกจประหยัดไปได้ 484 TWD)

เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ

          เรานั่งรถบัสมาประมาณ 1.30 ชั่วโมง ก็ถึงที่ Sun Moon lake ประมาณเกือบ ๆ สิบโมง รถบัสจะมาจอดตรงหน้า Sun Moon lake service station ครับ เป็นสุดสายที่นั่งมาเลย เพราะคนลงทั้งคัน พอลงรถมาจะมีเจ้าหน้าที่มาฉีกคูปองล่องเรือจากตั๋วแพ็กเกจที่เราซื้อมา แล้วเอาเป็นตั๋วล่องเรือจริง ๆ ให้เรา จากนั้นเราก็เดินย้อนลงไปขึ้นเรือที่ท่าเรือเลย ตอนนั่งรถบัสมาจะมองเห็นท่าเรืออยู่ครับ

เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ

เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ

          พอเดินไปก่อนถึงท่าเรือจะมีเจ้าหน้าที่เดินมาหาเราเลย เค้าเห็นตั๋วในมือเราที่เราถือ เค้าก็ฉีกหางตั๋วไปและแต้มตราแดง ๆ ที่แขนให้เรา จากนั้นเราก็ไม่ต้องใช้ตั๋วละ ใช้ตราแดง ๆ นี้ไปล่องเรือได้เลย กี่รอบก็ได้ โดยจุดจอดเรือสำหรับเที่ยวจะมี 2 จุดนะครับ สามารถลงแล้วเที่ยวจนพอใจ แล้วค่อยมารอขึ้นเรือลำถัดไปได้ เรือมาเรื่อย ๆ ครับ เดี๋ยวเราไปรอขึ้นเรือเพื่อไปเที่ยวจุดแรกกันเลยครับ

เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ

          พอเรือมาจอดจุดแรกลงเรือยังไม่ทันจะเดินขึ้นฝั่งฝนก็เทลงมาเลย ห่อกล้องแทบไม่ทัน ไม่มีใครถือร่มมาด้วยสักคน ฮ่า ๆ อุตส่าห์พกมาจากเมืองไทยแต่ดันใส่กระเป๋าฝากไว้ที่พักซะนี่ ก็รีบวิ่งหลบฝนขึ้นไปด้านบนกันครับ ฝนจะตก ๆ หยุด ๆ ครับตรงนี้

เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ

          สถานที่แวะชมสำหรับจุดแรกนี้ก็จะเป็นวัด Syuanguang ที่อยู่ข้างบนเขา เราจะต้องเดินขึ้นบันไดไป เดินขึ้นไปก็เห็นกลุ่มนักท่องเที่ยวยืนต่อแถวถ่ายรูปกับก้อนหินที่มีตัวอักษรภาษาจีนสลักอยู่ ตอนนั้นเริ่มสงสัยแล้วว่าหินก้อนนั้นมันสลักคำว่าอะไร ทำไมคนต่อแถวถ่ายรูปเยอะจัง พอกลับมาหาข้อมูลก็ได้ทราบสลักว่า Sun Moon lake ชื่อทะเลสาบนี่แหละครับ แต่สลักเป็นภาษาจีน ถ่ายรูปตรงนี้จะได้วิวฉากหลังเป็นทะเลสาบ สวยเลยทีเดียวครับ

          เดี๋ยวเราไปไหว้พระด้านในกันครับ คงรอถ่ายรูปกับหินก้อนนี้ไม่ไหว วัดนี้จะเป็นที่เก็บอัฐิธาตุส่วนหนึ่งของพระที่คิดว่าทุกคนน่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดี พระองค์นี้ได้ไปอัญเชิญพระไตรปิฎกมาจากชมพูทวีป พอจะนึกออกแล้วใช่ไหมครับ ที่ผมกำลังพูดถึงอยู่คือ "พระถังซัมจั๋ง" นั่นเองครับ นับว่าเป็นบุญมากครับที่มีโอกาสได้มาไหว้อัฐิธาตุถึงที่นี่

เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ

          จากนั้นยังมีอีกหนึ่งสิ่งถ้ามาถึงที่นี่แล้วต้องลองครับ นั่นคือ "ไข่ต้มใบชา" ครับ (จริง ๆ มีขายอยู่ทั่วไป ในร้านเซเว่นฯ ก็มีครับ ฮ่า ๆ) ร้านขายก็อยู่ตรงบันไดทางขึ้นไปวัดเลยครับ ไข่ต้มใบชาจะดูคล้าย ๆ กับไข่พะโล้เลยครับ รสชาติก็จะเค็ม ๆ หน่อย โดยรวมโอเคครับ ^^ ดีขากลับลงมาตรงนี้คนไม่เยอะละครับ ฝนก็หยุดตกแล้ว ก็เลยได้นั่งกินกันแบบชิล ๆ

เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ

          ไปรอขึ้นเรือไปเที่ยวจุดถัดไปกันครับ จุดนี้จะเป็นจุดที่เราจะไปขึ้นกระเช้า พอไปถึงท่าเรือฝนก็ตกลงมาอีกแล้วครับ ตก ๆ หยุด ๆ แต่รอบนี้คือมาแบบแรง พากันรีบวิ่งเลยครับ เพราะไม่มีใครพกร่มติดตัวมาด้วย ขึ้นท่านี้ได้ก็เลยไปหาซื้อร่มกันคนละอัน จากนั้นแวะหาข้าวกินก่อน เป็นร้านที่อยู่ตรงซอยแรกเลยครับซ้ายมือ แถวนี้มีของขายตลอดทางนะครับ ระหว่างทางเดินไปกระเช้า

          สำหรับการเดินจากท่าเรือที่ 2 ไปขึ้นกระเช้า พอมาถึงท่าเรือมองไปทางซ้าย จะมองเห็นกระเช้าอยู่ไกล ๆ ก็สามารถเดินตามไปทางนั้นได้เลยนะครับ มีป้ายบอกเป็นระยะ ไม่หลงแน่นอนครับ แต่แอบเดินไกลนิดหนึ่ง แต่ถ้าวันอากาศดี ๆ ก็คงเดินได้แบบชิลเลยครับ

เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ

        พอไปถึงอาคารขึ้นกระเช้าเดินขึ้นบันไดไปชั้นบนได้เลยครับ จะเจอจุดทางเข้า เจ้าหน้าที่จะทำการฉีกบัตร เป็นบัตรที่เราซื้อเหมามานั่นแหละครับ คือมันจะรวมกระเช้าตรงนี้ด้วย ขึ้นกระเช้าไปตอนนี้มองไม่เห็นอะไรเลยครับ เพราะฝนตกลงมาหนักมาก แต่ก็สนุกตื่นเต้นดีกับการขึ้นกระเช้า นั่งไปได้ไม่นานก็จะถึงจุดที่ต้องลง ตรงจุดนี้ก็จะเป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวหนึ่งนะครับ เป็นหมู่บ้านวัฒนธรรมดั้งเดิม (Formosan Aboriginal Culture Village) ต้องเสียค่าเข้าเพิ่มเพราะตั๋วที่เรามีไม่ได้รวมครับ แต่เนื่องด้วยฝนตกหนักก็เลยตัดสินใจไม่เข้าไปข้างในครับ เดินเล่นดูของร้านอาหารตรงนี้สักพักแล้วไปนั่งกระเช้ากลับ และไปขึ้นเรือกลับไปที่ท่าเรือหลัก...จุดแรกที่เราขึ้นเรือกันครับ

เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ

        วัดกวนอู

        มาถึงท่าเรือหลัก (จุดแรกที่เราขึ้น) เดี๋ยวเราจะไปนั่งรถบัสเที่ยวรอบทะเลสาบกันครับ เดินกลับไปที่ตรงจุดขึ้นรถบัสครับ เป็นที่ที่เราลงรถบัสเมื่อเช้า แต่จะเป็นบัสคนละคัน ตรงอาคาร ตรงจุดขึ้นรถบัสจะเหมือนศูนย์บริการนักท่องเที่ยวครับ จะมีตารางเวลาของรถบัสบอกและมี Free Wi-Fi ด้วย พอรถบัสมาเราก็ใช้คูปองที่มีโชว์ให้คนขับรถดูได้เลยตอนขึ้น ซึ่งพวกเราตั้งใจว่าจะนั่งไปแค่ตรงวัดกวนอูครับ คงไม่ถึงกับนั่งรอบทะเลสาบ ตอนนั้นเหมือนต้องรีบเที่ยวแล้ว เพราะมันเย็นแล้วและเราต้องกลับเข้าไปเที่ยวไทเปกันต่อ

        นั่งบัสมาไม่นานก็ถึงวัดกวนอูครับ พอเริ่มมองเห็นตัววัดก็กดกริ่งได้เลย ตรงนี้ทัวร์ลงค่อนข้างเยอะครับ ดีที่ตอนพวกผมถึงทัวร์ประมาณบัส 4-5 คัน กำลังรวมตัวกันขึ้นรถบัสกลับพอดี ก็เลยโชคดีที่ไม่ต้องเจอคนเยอะตอนไหว้พระในวัด มาถึงวัดกวนอูอากาศดีมากเลยครับ ฟ้าเปิดพอดี แดดแอบแรงไปหน่อย แต่ดีครับจะได้ถ่ายรูปง่าย ๆ

เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ

        วัดกวนอูนี้ก่อสร้างได้ค่อนข้างใหญ่โตและมีรายละเอียดมาก ๆ ครับ บริเวณด้านหน้าก็เป็นทะเลสาบสุริยันจันทรา วิวสวยงามมาก ๆ ยิ่งช่วงเย็นอากาศชิลดีครับ น่าเช่าจักรยานมาปั่นเล่นมาก ใครมีเวลาเยอะ ๆ มานอนที่ทะเลสาบสุริยันจันทราสักคืนครับ และหาเช่าจักรยานปั่นชมบรรยากาศ ที่ทะเลสาบสุริยันจันทรานี้ติด 1 ใน 10 เส้นทางปั่นจักรยานที่สวยที่สุดในโลกเลยนะครับ ใครมีเวลาเที่ยวเยอะ ๆ มาลองดูครับ

เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ

        เราพากันไหว้พระและเดินสำรวจวัดจนไปถึงชั้นบนสุดครับ เดินไปทางด้านหลังจะมีบันไดขึ้นไปทีละชั้น ด้านบนสามารถมองเห็นวิวได้สวยงามกว่าข้างล่างมาก อีกทั้งไม่ค่อยมีคนเดินขึ้นมา ด้านบนก็จะมีเป็นเหมือนประตูอยู่ด้านหลังวัด ซึ่งทำให้รู้สึกว่าวัดนี้สร้างได้ใหญ่โตและสวยงามมาก ๆ ใครที่มาทะเลสาบสุริยันจันทราอย่าลืมแวะมาเที่ยวและไหว้พระที่นี่กันนะครับ

เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ

        เป็นอันจบทริปสำหรับการเที่ยวทะเลสาบสุริยันจันทราใน 1 วันแล้วครับ เราใช้คูปองทุกใบที่มีในแพ็กเกจตั๋วที่เราซื้อมา เรียกได้ว่าคุ้มค่าและประหยัดไปได้เยอะครับถ้าซื้อเป็นแบบแพ็กเกจรวมมา แล้วก็ได้เวลาเดินทางกลับไปไทเปกันครับ การเดินทางเหมือนตอนมาเลยครับ มายังไงก็กลับอย่างนั้น

        โดยเริ่มต้น

        1. นั่งรถบัสจากหน้าวัดกวนอูกลับไปที่จุดขึ้นรถบัส ตอนขามาที่เราลงนะครับ

        2. นั่งรถบัสจากจุดขึ้นรถบัสไปที่สถานีรถไฟความเร็วสูง HSR ใช้เวลาประมาณ 1.30 ชั่วโมง อันนี้ก็หลับยาวไปเลยครับ จุดจอดคนลงเยอะ ๆ นั่นแหละครับ แสดงว่าถึงแล้วแต่ก่อนถึงก็จะมองเห็นเป็นสถานีรถไฟเลยครับ

        3. นั่งรถไฟความเร็วสูง HSR ไปลงที่สถานี Taipei main station ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครับ

เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ

        อันนี้แนะนำนิดหนึ่งนะครับ ตอนซื้อตั๋วให้ซื้อเป็นแบบระบุที่นั่งเลย จะเสียเงินเพิ่มประมาณ 30-40 บาท จากตั๋วแบบไม่ระบุที่นั่ง จะแยกโบกี้กันชัดเจนครับระหว่างตั๋วที่จองที่นั่งมากับไม่ได้จอง พวกผมดันซื้อมาแบบไม่จองที่นั่ง กลับช่วงค่ำพอดี คนเยอะมากครับ ตอนขึ้นรถไฟผมดันแย่งที่นั่งไม่ทันเค้า 555 เลยต้องไปยืนตรงจุดเชื่อมต่อระหว่างโบกี้เอาครับ รอให้คนลงสถานีถัดไปค่อยไปนั่งครับ แต่นาน ๆ จะจอดทีนะครับ เพราะรถไฟความเร็วสูงจะตรงยาวไปเลย จอดไม่กี่สถานีครับ สังเกตว่ามีผู้ร่วมชะตากรรมไม่มีที่นั่งแบบผมกันอีกหลายคนอยู่ครับ ที่มายืนตรงจุดเชื่อมต่อนี้ แต่เพื่อนที่มาด้วยกันอีก 3 คน นั่งได้ทันครับ ^^

เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ

        พอมาถึงสถานี Taipei main station เดี๋ยวเราไป Check-in เข้าที่พักกันก่อนครับ โดยต่อรถไฟสายสีแดงไปอีก 1 สถานี ไปลงที่ Ximen station Exit 6 ครับ พอเดินออกมารู้สึก โอ้โห !! คนเยอะมาก คนละบรรยากาศกับเมื่อเช้าที่มาเลย คนที่เคยมาเที่ยวที่ไต้หวันบอกว่าย่านซีเหมินติงนี้เปรียบได้กับย่านสยามบ้านเรานะครับ คือเป็นแหล่งวัยรุ่น พวกผมออกมาเจอนี่รู้สึกตื่นตาตื่นใจกันสุด ๆ ระหว่างเดินไปที่พักก็มีร้านค้าของขายตลอดทางครับ

        มาถึงที่พักของทริปนี้ครับ Meander Taipei Hostel

        เราเลือกพักที่ Meander Taipei Hostel ย่านซีเหมินติง เป็นแบบห้อง 4 คน เตียง 2 ชั้น ห้องน้ำในตัวครับ มีอาหารเช้าให้ เราพักที่นี่ทั้ง 3 คืน ราคา 11,008 บาท (สำหรับ 3 คืน) หารแล้วตกคนละ 2,752 บาท และที่นี่มี Free Wi-Fi ทุกห้องเลยนะครับ

        การเดินทาง : มาลงที่สถานี Ximen station รถไฟใต้ดินสายสีแดง Exit 6 เพียง 1 สถานี จากสถานี Taipei main station ส่วนแผนที่การเดินทางสามารถดูได้ที่เว็บไซต์ของที่พักโดยตรงเลยนะครับ Link : www.meander.com.tw

        ที่พักที่นี่จะเป็นลักษณะแบบพักรวมห้องแบบ Dom นะครับ โดยชั้นล่างจะเป็นพื้นที่ส่วนรวมให้ใช้งานร่วมกันครับ มีคอมพ์ มีทีวี มีโต๊ะให้นั่งเล่นครับ บางคืนจะเปิดหนังให้ดูด้วย มีคนมานั่งดูกันเต็มเลยครับ ถ้าใครชอบเดินทางแนว Backpack และชอบการพูดคุยหาเพื่อนใหม่ ๆ ที่นี่เหมาะมาก ๆ ครับ

เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ

        Staff ที่นี่ก็โอเคมากครับ มีหลายคนเลย ยังวัยรุ่น ๆ กันอยู่เลยครับ ทุกคนคือภาษาอังกฤษดีมาก เหมือนเป็นพวกนักเรียนอินเตอร์เลย ลักษณะการพูดการแต่งตัวดูมีสไตล์ ให้การดูแลดีครับ ต้องการหรืออยากได้คำแนะนำอะไรถามได้ตลอด สำหรับแขกที่พักที่นี่ ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอนอะไรพวกนี้แขกต้องทำเองนะครับ เค้าจะมีผ้าวางไว้ให้ที่เตียง ส่วนเวลา Check-out ก็ต้องถอดแล้วเอาไปวางในถุงด้านนอกให้เค้าครับ ออกแนวช่วยเหลือตัวเอง

        มาถึงอาหารเช้าที่นี่ก็จะเป็นแบบง่าย ๆ ครับ ขนมปังกล้วย ผลไม้ กาแฟ นม อะไรพวกนี้ครับ หรือใครอยากกินเป็นข้าวเช้าแบบสไตล์ไต้หวันเลยออกไปกินด้านนอกได้ครับ ระหว่างทางเดินไปสถานีรถไฟมีหลายร้าน ร้านสะดวกซื้อใกล้ ๆ ก็มีเยอะครับ

        โอเค...เข้าที่พัก เก็บของอาบน้ำกันเรียบร้อย ก็เกือบ ๆ 4 ทุ่ม แล้วครับ ออกไปเดินย่านซีเหมินติงและไปหาของกินกันดีกว่า เย็นนี้เราตั้งใจจัดหนักเป็บบุฟเฟต์สุกี้ ชาบูครับ ที่ไต้หวันถือเป็นอีกเมนูเด็ดที่มาแล้วต้องลองชิมนะครับ ร้านมีเยอะมากครับ เห็นได้ทั่วไป ระหว่างทางเดินจากที่พักมาสถานีรถไฟก็ผ่าน 2 ร้าน แต่ที่เราตั้งใจจะไปกินเป็นบุฟเฟต์ครับ เรามาร์กพิกัดมาแล้ว เดี๋ยวไปเดินหากันครับ ฮ่า ๆ

        ไปเริ่มต้นจากสถานี Ximen station รถไฟใต้ดินสายสีแดง Exit 6 แล้วหันขวาจะเจอถนนทางเดินหลักของตลาดนะครับ เดินไปเรื่อย ๆ จนเจอแยกแรกที่มีร้าน KFC อยู่ซ้ายมือ จากนั้นเลี้ยวซ้ายตรงแยกนั้นได้เลยครับ เดินตามไปอีกเรื่อย ๆ จนเจอแยกที่มีป้าย KTV มองขวาบนของตึกฝั่งตรงข้ามกับแยกตรงนั้นนะครับ ร้านสุกี้ก็จะอยู่ข้าง ๆ กับป้าย KTV ตรงนี้นี่แหละครับ เป็นร้านป้ายแดง ๆ ต้องขึ้นบันไดไปชั้น 2 ครับ ร้านอยู่ด้านบน

เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ

        ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในลิงก์นี้เลยนะครับ พวกผมก็ตามรีวิวนี้มาครับ ^^  www.1000milesjourney.com

        -  ร้านเปิดตั้งแต่ 11.30-05.00 น. กินกันทั้งวันทั้งคืนได้เลยครับ
        - นั่งได้ 2 ชม. ครับ

เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ
 
       สำหรับบุฟเฟต์สุกี้ ชาบู มื้อนี้เรียกได้ว่าจัดเต็มกันมากครับ ซีฟู้ดเค้าจัดเต็มมาก กุ้ง หอย ปู ปลา มีเนื้อปลาฉลามให้ลองชิมกันด้วยนะ บุฟเฟต์รวมเบียร์ไต้หวันด้วย และไอศกรีมเค้านี่จัดเต็มมาก ๆ มี 4 ตู้ เรียงยาวไปเลย เป็นไอศกรีมอย่างดีด้วย Movenpick และ Haagen-Dazs เลย แต่ชาบูที่ไต้หวันเสียอย่างเดียวครับ (สำหรับผมนะ) คือมันต้องผสมน้ำจิ้มเอาเอง ร้านเค้าจะมีส่วนผสมต่าง ๆ เอาไว้ให้ แต่คือผมผสมไม่เป็น ฮ่า ๆ แนะนำว่าใครมาไต้หวันให้พกน้ำจิ้มสุกี้มาด้วยครับ จะได้กินแบบถูกปากคนไทยมากขึ้นครับ เพราะวัตถุดิบที่นี่เค้ามาเต็มอยู่แล้วครับ

เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ

        สำหรับมื้อนี้กินเสร็จกันประมาณเกือบตีหนึ่งครับ โดนค่าเสียหายไปคนละ 680 TWD (ประมาณ 7 ร้อยกว่าบาทไทย) แต่บอกเลยว่ารู้สึกคุ้มมาก ๆ เป็นมื้อที่เราสนุกสนานในการกินมากเลยครับ ร้านนี้ใครไปเที่ยวกลับมาดึก ๆ ก็มาแวะกินได้นะครับร้านมันปิดตีห้า ไปเที่ยวผับกลับมาก็มาแวะกินได้ ฮ่า ๆ ช่วงตีหนึ่งที่พวกผมออกมาคนก็ยังแน่นร้านอยู่เลยนะ โอเค...อิ่มท้องกันเรียบร้อยเดินกลับที่พักไปนอนละนะครับ

        30/05/2015 มาเริ่มกันต่อสำหรับการเที่ยววันที่ 2

        หลังจากที่เมื่อคืนพากันไปจัดหนัก Buffet shabu กลับมาถึงห้องตีหนึ่งกว่า ๆ แต่วันนี้พวกเราก็ยังคงพากันตื่นแต่เช้าครับ เพราะวันนี้มีแพลนไว้จะออกไปเที่ยวนอกเมืองไทเปกัน รีบพากันอาบน้ำแต่งตัวลงมากินอาหารเช้าที่ทางที่พักจัดไว้ให้ครับ ก็เป็นอาหารง่าย ๆ ทั่วไป พวกขนมปัง ผลไม้ ชา กาแฟ อะไรพวกนี้ครับ กินเสร็จก็พากันรีบออกเดินทาง กว่าจะออกจากที่พักได้ก็ประมาณแปดโมงครับ ระหว่างทางเดินไปสถานีรถบัสเจอร้านซูชิและก็พวกอาหารญี่ปุ่น ร้านนี้เหมือนจะมีหลายสาขามากเลยครับ เห็นหลายที่เลย รู้สึกเหมือนอยู่ญี่ปุ่นมาก ๆ ร้านนี้ ก็พากันซื้ออะไรไว้ไปกินครับ ข้าวเช้าไม่น่าจะอยู่ท้อง ฮ่า ๆ

เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ

        สำหรับที่แรกที่เราจะไปวันนี้คือ อุทยานเย่หลิว (Yehliu)

        การเดินทาง

        1. นั่งรถไฟฟ้ามาลงที่ Taipei Main Station จากนั้นเดินออกไปที่ทางออก Z3

        2. เมื่อออกจากทางออก Z3 มาจะเจออาคาร Taipei West Bus Station Terminal A เราจะมาขึ้นรถบัสไปอุทยานเย่หลิวที่นี่ครับ โดยนั่งรถสาย 1815 ครับ ค่ารถประมาณ 80 TWD แต่พวกผมไม่ได้ซื้อตั๋วนะครับ ใช้บัตรแตะขึ้นมาได้เลย

        3. นั่งรถไปประมาณชั่วโมงกว่า ๆ พอรถเริ่มขึ้นเขาหน่อย ๆ ก็เริ่มสังเกตป้ายได้เลยนะครับ จะเจอป้ายตามในรูปอยู่ทางฝั่งขวามือก็ลงได้เลยมีคนลงเยอะอยู่ครับตรงนี้

        4. พอลงรถมาแล้วก็เดินตามทางไปเรื่อย ๆ เลยครับ เค้าจะทาสีทางเดินไว้ยาวไปจนถึงอุทยานเย่หลิวเลยครับ ไม่มีหลงแน่นอน

        รถบัสที่นั่งมาเป็นรถแอร์นะครับ แต่ไม่เย็นเลย ร้อนมาก ขับไปสักพักก็เริ่มรู้สึกเหมือนจะเมารถ ดีนะรถถึงก่อน...เกือบอ้วก -__-"

เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ

        พอไปถึงอุทยานเย่หลิว (Yehliu) ก็จัดการไปซื้อตั๋วเข้ากันก่อนครับ โดยเสียค่าเข้าคนละ 80 TWD โดยก่อนทางเข้ามีเป็นเหมือนอาคารบริการนักท่องเที่ยวนะครับ จะมีพวกร้านขายของที่ระลึก ร้านขายพวกเครื่องดื่ม มี Locker เล็ก ๆ ให้ฝากของด้วยครับ ส่วนชั้นบนก็จะมีห้องแอร์ให้นั่งเล่นได้ มี Wi-Fi ให้ใช้ฟรีด้วยครับ พวกผมพอขึ้นมาเจอ Free Wi-Fi ก็จัดการนั่งอัพ Social กันก่อนครับ ตากแอร์แก้ร้อนกันด้วยครับ เพราะทริปนี้ไม่ได้ซื้อ Sim Net หรือเช่า Pocket Wi-Fi กันเลย พอเจอ Wi-Fi ก็เลยต้องนั่งจัดกันซะหน่อยครับ

เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ

        จากนั้นเข้าไปเดินเที่ยวด้านในอุทยานกันเลย ที่นี่ค่อนข้างทำเป็นแหล่งท่องเที่ยวเลยครับ มีทัวร์มาลงค่อนข้างเยอะ สถานที่ทางเดินอะไรก็ทำไว้ค่อนข้างโอเคเลยครับ คนพิการที่นั่งรถเข็นแบบไฟฟ้ามาก็สามารถมาเที่ยวที่นี่ได้เองเลยนะครับ เค้าทำทางไว้ดีเลยครับ แต่วันนี้คนค่อนข้างเยอะครับ

เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ

        อุทยานเย่หลิว (Yehliu) ก็เหมือนเป็นอุทยานหินที่เหมือนโดนน้ำทะเลกัดเซาะจนเกิดเป็นหินรูปทรงต่าง ๆ หลายรูปครับ แต่ที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่เลยที่คนต่อแถวถ่ายรูปกันก็จะเป็นหินรูปทรงมงกุฎราชินีครับ แต่พวกผมนี่ขอบายเลยครับ ไม่ได้ไปต่อแถวถ่ายรูปกับเค้าหรอกครับ อากาศวันนี้ค่อนข้างร้อนเลยครับ แต่ดีที่ติดทะเลเลยมีลมพัดมาตลอดเวลา เดินเที่ยวไปเรื่อย ๆ จะมีร้านเครื่องดื่มโดยมีสินค้าขายดีเป็น mango smoothie ครับ ก็เลยจัดมาลองชิมซะหน่อย แก้วละ 120 TWD ครับ รสชาตินี่เหมือนกินเนื้อมะม่วงปั่นเลยครับ ก็อร่อยพอแก้ร้อนได้ และตรงนี้มีห้องน้ำให้เข้าด้วยครับ ตรงภูเขาเล็ก ๆ สามารถเดินขึ้นไปชมวิวได้

เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ

        อยู่เที่ยวที่นี่ได้พักใหญ่ เวลาก็ล่วงเลยมามากแล้ว ต้องรีบไปที่ต่อไปกันแล้วครับ เพราะต้องนั่งรถต่อไปอีกประมาณ 1.30 ชั่วโมง เพื่อไปที่ "จิ่วเฟิ่น" ครับ

        การเดินทางจาก อุทยานเย่หลิว (Yehliu) ไป จิ่วเฟิ่น (Jiufen)

เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ

        1. กลับไปรอรถบัสตรงป้ายจากจุดรอรถบัสฝั่งตรงข้ามที่เราลงเมื่อเช้าครับ เพื่อรถสาย 790 เพื่อไปต่อรถอีกทีที่เมืองจีหลง (Keelung)

        2. พอถึงเมืองจีหลง (Keelung) ตรงแถวท่าเรือสังเกตเห็นสะพานลอยตามรูป เห็นแล้วลงได้เลยครับ จากนั้นขึ้นสะพานลอยไปฝั่งตรงข้าม ตรง Family Mart เพื่อรอขึ้นรถสาย 788 ไปลงที่จิ่วเฟิ่น (Jiufen)

        3. พอขึ้นรถบัสสาย 788 แล้วอีกประมาณ 1 ชั่วโมง ก็จะถึงจิ่วเฟิ่นครับ โดยก่อนถึงจะสังเกตง่าย ๆ มันจะเป็นช่วงขึ้นเขาและจะมองเห็นกลุ่มบ้านอาคารที่อยู่บนเขา สังเกตจุดลงรถบัสจะเห็นหลังคาวัดเหมือนตามในรูปก็ลงได้เลยครับ จากนั้นเดินขึ้นไปอีกหน่อยก็จะเจอซอยทางเข้าตลาด คนจะเยอะ ๆ ครับ อยู่ข้าง ๆ ร้านเซเว่นฯ จากนั้นก็เดินเที่ยวกันได้เลย

เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ

        พอมาถึงที่นี่เดินเข้าซอยมา ก็เจอของกินเต็มเลยครับร้านมีตลาด 2 ข้างทางที่เดินมาเลย คนค่อนข้างเยอะครับ วันนี้ตั้งใจจะมาชิมหลาย ๆ อย่างที่เห็นในรีวิว เค้าบอกมาแล้วต้องลองชิมดูนะ

        อย่างแรกที่ลองชิมเลยคือไอศกรีม ไอศกรีมเค้าจะไม่เหมือนบ้านเรานะครับ คือเค้าจะวางแผ่นแป้งก่อนจากนั้นเอาถั่วตัดบดโรยแล้วก็เอาไอศกรีมวาง จากนั้นก็ห่อให้ครับ สำหรับผมคืออร่อยเลย สงสัยกำลังหิวด้วยเพราะบ่ายสองบ่ายสามแล้วยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงกันเลย ก็กะว่าจะมาหาของกินที่จิ่วเฟิ่นนี่แหละครับ ระหว่างซื้อไอศกรีมบอกแม่ค้าว่าขอถ่ายรูปหน่อย แม่ค้าก็จัดแจงให้ถ่ายแบบดูเป็นงานมากครับ ฮ่า ๆ ผมนี่แอบยิ้มเลยอะ

เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ

        จากนั้นก็เดินหาร้านนั่งกินข้าวครับ ที่นี่ก็ร้านเยอะเหมือนกัน ระหว่างทางหาร้านกินข้าวก็ซื้อของกินชิมไปกันตลอดทางครับ และแล้วเราก็เจอร้านสำหรับนั่งกินข้าวครับ ร้านนี้ขายหลายอย่างเลย ราคาโอเคทั่วไปครับ ไม่ได้แพง สั่งมา 4-5 อย่าง แต่ก็กินกันไม่หมดเพราะได้ซื้อขนมกินมาระหว่างทางก่อนจะมาถึงร้านนี้แล้ว กินเสร็จก็เลยเอามือถือมาเปิดรูปร้านกาแฟให้เด็กในร้านดู คือจะถามว่าร้านนี้มันอยู่ตรงไหนเหรอ เด็กในร้านก็บอกนี่เลย มันเดินไปตรงซอยตรงข้ามร้านนี่แหละ

เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ

        เดินลงซอยมาไม่ไกลเราก็เจอมุมถ่ายรูปร้านที่เราจะมาถ่ายรูปแล้วครับ แต่เค้าบอกว่าให้ขึ้นไปถ่ายบนตึกร้านที่อยู่ตรงนั้น พวกผมก็โอเค เดี๋ยวเราขึ้นไปนั่งด้านบนแล้วสั่งอะไรมากินสักหน่อย เพื่อที่จะได้ถ่ายรูปแล้วก็นั่งชมวิวชิล ๆ ก็เลยสั่งน้ำส้ม น้ำมะนาว แล้วก็เบียร์มา พอเอาน้ำผลไม้มาเสิร์ฟมองเห็นหน้าตาแล้วก็พอจะนึกรสชาติออก พอชิมเท่านั้นแหละครับ มันเป็นอย่างที่คิดจริง ๆ ด้วย ไม่อร่อยเอามาก ๆ แก้วละ 160 NTD (ประมาณ 174 บาท) 555 ราคาเท่าเบียร์เลย ต้องกล้ำกลืนฝืนทนกินจนหมดครับ 555 กินไปก็บ่นไป เค้าทำน้ำรสชาติแบบนี้ออกมาได้ยังไง แล้วก็บอกตัวเองว่ามันแก้วละ 160 NTD นะ ดูด ดูด ดูดให้หมด 555 แต่วิวที่นี่ดีจริง ๆ ครับ มองเห็นภูเขา ทะเล ลมก็พัดมาเย็น ๆ รู้สึกชิลจริง ๆ ครับตรงนี้ ถึงน้ำผลไม้จะไม่อร่อยเอาซะเลยก็เถอะ ใครมาที่นี่แนะนำสั่งเบียร์กินเถอะครับ 555

เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ

        นั่งอยู่ร้านน้ำชานี่จนตกเย็นแล้วก็ได้เวลากลับไทเปกันแล้วครับ ระหว่างเดินกลับก็นึกได้ว่ามีเต้าหู้เหม็นอีกอย่างหนึ่งที่ไม่ได้ลองกิน ก็เลยแวะซื้อร้านตรงทางเข้าซอย กะชิมให้รู้รสชาติซะหน่อย ดูรายการทีวีมาเค้าบอกว่ากลิ่นมันเหม็น ๆ นะ แต่รสชาติคือได้อยู่ ผมซื้อมาก็บอกกับสมาชิกที่ไปด้วยกันแบบนี้เลยครับ แต่ผมชิมดูเป็นคนแรก พอเอาเข้าปากเท่านั้นแหละครับ คุณพระ !!! ผมนี่คายแทบไม่ทันเลยครับ กลิ่นมันยังไงรสชาติมันอย่างนั้นเลยครับ ผมยังนึกถึงรสชาตินั้นตอนเข้ามาอยู่ในปากผมได้อยู่เลยนะครับ มันเป็นรสชาติที่ไม่สามารถที่จะเคี้ยวและฝืนกลืนลงไปได้ สำหรับผมต้องคายทิ้งอย่างเดียวเลยครับ

เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ

        รูปนี้ถ่ายตรงป้ายรถบัสที่รอรถบัสกลับไทเปครับ

        เดี๋ยวเราเดินทางกลับไทเปกันครับ กลับคนละอย่างกับตอนมานะครับ ขากลับนี่จะตรงยาวไปไทเปเลย พอออกจากซอยตรงทางเข้าข้างเซเว่นฯ ให้เลี้ยวขวา เดินขึ้นเนินไปอีกนิดเดียวจะเจอป้ายรถบัสครับ จากนั้นก็รอรถบัสสาย 1062 กลับไปไทเปได้เลยครับ พอรถมาก็ใช้บัตรแตะขึ้นได้เลย รถสายนี้เค้าจะให้ขึ้นแค่ตามจำนวนคนนั่งนะครับ ไม่ให้ยืน นั่งรถไปประมาณ 1 ชั่วโมง ก็ถึงไทเปครับ (เวลาแล้วแต่สภาพการจราจรด้วยนะครับ)

เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ

        โดยรถจะมาจอดที่ใกล้ ๆ สถานี  MRT Zhongxiao Fuxing พอรถจอดให้เลี้ยวซ้ายแล้วเดินตรงไปอีกไม่ไกล จะเจอห้าง SOGO เขียวครับ ทางเข้ารถไฟฟ้าก็อยู่ใต้ตึกนี้แหละครับ แต่พวกเราไปเดินห้าง SOGO ก่อน เพราะทราบมาว่าห้างนี้มี Shop รองเท้า Onitsuka Tiger อยู่ครับ อยู่ที่ชั้น 5 ของตึก ตรงที่รถบัสมาจอด เป็นร้านเดียวกับที่เราไปกินชาบูวันแรกเลยครับ แต่คนละสาขา

เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ

        ที่ Shop Onitsuka Tiger ตรงนี้จะมีรุ่นให้เลือกค่อนข้างเยอะครับ เยอะกว่าที่ตลาดรองเท้ากงกวนมากครับ (ไปเดินมาวันถัดไป) แต่บาง Size ก็อาจจะไม่มีครับ ซื้อที่นี่ก็สามารถทำ Tax Refund ได้ด้วยครับ วันนี้สมาชิกจัดไปก่อน 2 คู่ เพราะยังไม่กล้าจัดเยอะ เพราะพรุ่งนี้เดี๋ยวเราไปดูกันอีกที่ตลาดกงกวน เห็นว่าที่นี่ถูกเหมือนกัน

        ดูรองเท้ากันเสร็จเรานั่งรถไฟไปเที่ยวต่อที่ ตลาดกลางคืนซือหลิน (Shilin Night Market) กันครับ

        ตลาดกลางคืนซือหลิน (Shilin Night Market)

        การเดินทาง : นั่ง MRT มาลง ที่สถานี Jiantan Exit 1 เดินตรงมาอีกนิดหนึ่งก็เจอครับ คนเยอะมากครับตลาดนี้

เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ

        ตลาดกลางคืนซือหลินของขายค่อนข้างเยอะมาก ทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ของกิน อุปกรณ์เสริม พวกกล้อง มือถือ อะไรพวกนี้ก็เห็นเยอะมากครับ เป็นตลาดที่น่าเดินและน่ามาช้อปปิ้งครับ มาตลาดนี้ตั้งใจจะมากิน 2 อย่าง คือน้ำมะระปั่นแล้วก็ไก่ทอด Hot star ครับ และแล้วก็เดินมาเจอร้านน้ำผลไม้ปั่น จริง ๆ ตรงทางเข้ามีหลายร้านเลย แต่นึกว่าเดินมาด้านในจะเยอะ ปรากฏว่าโซนด้านในไม่ค่อยเจอ พอเจอร้านหนึ่งก็เลยจัดสั่งน้ำมะระปั่นมาชิมซะเลย มะระที่ไต้หวันจะเป็นลูกขาว ๆ อวบ ๆ แลดูไม่ขมนะครับ พอได้ชิมคำแรกสำหรับผมกินได้ครับ เพราะปกติเป็นคนชอบกินผักอยู่แล้ว แต่ใครกินผักไม่ได้อาจจะเหม็นเขียวนิด ๆ ครับ แต่ใครกินได้นี่บอกเลยว่ามีประโยชน์มากครับ

        จากนั้นพากันเดินหาร้านไก่ทอด Hot star เดินหาตั้งนานครับกว่าจะเจอ มาถึงก็ต่อคิวรอซื้อ ขายดีจนทอดตามไม่ทัน ชิ้นมันใหญ่มาก อร่อยด้วยครับ สมกับที่ขายดีแหละครับ ราคาก็ไม่แพงชิ้นละประมาณ 70 TWD กินเสร็จก็พากันเดินทางกลับที่พักกันครับ นั่ง MRT ไปลงที่ตลาด Ximen เลยครับ

เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ

        พอมาถึงย่านซีเหมินเรายังไม่เข้าที่พักครับ เดินเล่นย่านวัยรุ่นแห่งนี้ต่อก่อนอีกสักหน่อย เดินไปเดินมาไปเจอร้านไก่ทอด Hot star ครับ 555 ตรงย่านที่พักเราก็มี ร้านใหญ่ด้วย ที่ไปเดินหาอยู่ตั้งนานคืออะไร 555 เดินเที่ยวได้สักพักก็กลับที่พัก นอนพักผ่อนกันดีกว่าครับ จบการเที่ยววันที่ 2 มาไต้หวัน 2 วันแรกก็ออกเที่ยวนอกเมืองกันทั้ง 2 วันเลย เดี๋ยวอีก 2 วัน ที่เหลือเราจะอยู่เที่ยวในไทเปแล้วครับ ^^

        มาถึงวันที่ 3 กันแล้ว 31/05/2015

        ตื่นมาเช้านี้มองออกไปนอกหน้าต่างพบว่ามีรอยฝนตก ฟ้าก็ครึ้ม ๆ ใช่แล้วครับจากที่ดูพยากรณ์อากาศมา วันนี้จะเป็นวันที่มีฝนตก และวันนี้จะมีสมาชิก 1 คน ต้องเดินทางกลับก่อนครับ เพราะว่าจองตั๋วทีหลัง ขากลับไฟลท์เดียวกันวันพรุ่งนี้มันราคาอัพ ก็เลยเลือกกลับเป็นวันนี้ไฟลท์สี่โมงเย็นแทน แต่ก็ยังมีเวลาเที่ยวด้วยกันอยู่ในช่วงเช้า ตื่นเช้ามาก็เหมือนเดิมครับหาอะไรรองท้องที่พักก่อนค่อยออกไปเที่ยว เช้านี้ออกเช้ากว่าปกติ มารอกินมื้อเช้าตั้งแต่ก่อน 7 โมง มื้อเช้าตั้งตอน 7 โมง ก็นั่งเล่นรอกันไปก่อน  อิ่มท้องแล้วออกเดินทางไปที่เที่ยวที่แรกของเราเลยครับ

        อนุสรณ์สถานเจียงไคเช็ค (Chiang Kai Shek Memorial Hall)

        การเดินทาง : นั่ง MRT มาลงที่สถานี Chiang Kai Shek Memorial Hall ออกมาก็เจอเลยครับอยู่ติดสถานีรถไฟเลย

เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ

        สถานที่แห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงอดีตประธานาธิบดีเจียง ไคเช็ค ซึ่งเป็นประธานาธิบดีคนแรกของไต้หวัน พอเดินเข้ามาจะเจอลานกว้าง ๆ และจะเห็นอาคารใหญ่ ๆ อยู่ทั้งฝั่งซ้ายและขวา ทั้ง 2 อาคาร คือ National Theater และ National Concert Hall ส่วนหอขาว ๆ ตรงกลางก็คืออนุสรณ์สถานเจียงไคเช็คครับ โดยด้านล่างของตึกนี้จะเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงประวัติของเจียงไคเช็ค และความเป็นมาของพัฒนาการของประเทศไต้หวัน ใครอยากรู้ประวัติและเรื่องราวกว่าจะมาเป็นไต้หวันลองค้นข้อมูลดูเพิ่มเติมนะครับ ^^

เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ

        วันนี้พอมาถึงฟ้าครึ้มมาก ๆ ครับ ฝนเตรียมตกแล้ว พวกผมก็รีบเดินรีบถ่ายรูปกันเลย ที่นี่กว้างใหญ่กว่าที่คิดมากครับ มองลงไปตรงลานกว้าง เห็นคนเป็นเล็ก ๆ เหมือนมดเลย เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งที่ที่ควรแวะมาอยู่นะครับ เพราะมาง่าย รถไฟฟ้าใต้ดินมาถึงเลย วันนี้คนมาเที่ยวก็ค่อนข้างเยอะเหมือนกัน กลุ่มคนไทยก็มากันเยอะครับ เดินเที่ยวได้สักพักและแล้วฝนก็ตกลงมาจริง ๆ เดี๋ยวไปที่อื่นต่อกันดีกว่าครับ

เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ

        ตึกไทเป 101

        การเดินทาง : นั่ง MRT มาลงที่สถานี Taipei City Hall ในสถานีจะมีป้ายบอกชัดเจนเลยนะครับว่าตึก Taipei 101 ต้องออกไปทางไหน ออกมาก็จะเจออาคารสูงเด่นเลยครับ ก็เดินมาตามอาคารได้เลย แต่ก่อนออกไปหาอะไรกินที่เซเว่นฯ กันก่อนครับ ที่ไต้หวันจะมีเป็นพวกลูกชิ้น เต้าหู้ ก้อนเลือด ไข่ต้มใบชา ฯลฯ ขายครับ อยากได้อะไรก็ตักแล้วก็เอาไปให้เค้าคิดตังค์ครับ จะตกอันละประมาณ 10 TWD ครับ กินเสร็จก็เรียกว่าอิ่มเลยครับ เหมือนกินข้าวมื้อหนัก ๆ มื้อหนึ่งเลย เพราะมันน่ากินหลายอย่างก็เลยตักมาเยอะเลย ^^ อิ่มแล้วก็ไปเที่ยวกันต่อครับ

เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ

        เนื่องจากเรามาเที่ยวไต้หวันวันนี้ก็เป็นวันที่ 3 แล้ว แต่เรายังไม่ได้มาถ่ายรูปกับ Land Mark ของไต้หวันเลย ซึ่งก็คือตึกไทเป 101 นี่แหละครับ สมาชิกหนึ่งคนก็จะกลับวันนี้ ก็เลยต้องพามาแวะถ่ายรูปซะหน่อยครับ แต่ยังไม่ขึ้นไปเที่ยวบนตึก เนื่องด้วยเวลาไม่เยอะ ก็เลยว่าเดี๋ยวครั้งหน้าค่อยมาใหม่ รอบนี้อย่าเพิ่งเก็บหมดเลย ฮ่า ๆ เหลือที่ให้เที่ยวบ้าง เผื่อได้มาอีกรอบ

เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ

        ตึกไทเป 101 นี้เรียกได้ว่าเป็นความภาคภูมิใจของคนไต้หวันเลยครับ เพราะสถาปนิกผู้ออกแบบก็เป็นชาวไต้หวันที่ไปร่ำเรียนจากเมืองนอกเมืองนามา ที่ชื่อตึกไทเป 101 นี้ ก็เพราะว่ามีทั้งหมด 101 ชั้นนั่นเอง และยังครองแชมป์ตึกที่สูงที่สุดในโลกตั้งแต่ปี 2547-2553 มีความสูง 509.2 เมตร ก่อนที่จะมาเสียแชมป์ให้กับตึก "เบิร์จ คาลิฟา" (Burj Califa) ของเมืองดูไบ ในปี 2553 มีความสูงกว่า 828 เมตร

เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ

        ถ่ายรูปตึกเสร็จลงมาสถานีหาอะไรกินต่อครับ ระหว่างรอเวลา สถานี Taipei City Hall เหมือนเป็นสถานีที่เชื่อมกับห้างครับ ของขาย ร้านนั่งกินค่อนข้างเยอะครับ ระหว่างทางเดินออกไปตึกไทเป 101 กินเสร็จก็ได้เวลาไปส่งสมาชิก 1 คน ที่ต้องเดินทางกลับก่อน โดยเดี๋ยวไปส่งที่สถานีรถบัสครับ ที่เราไปขึ้นรถบัสไปเย่หลิวเมื่อวานนั่นเองครับ เดี๋ยวขอข้ามตอนนี้ไปเลยแล้วกันนะครับ ^^

        ส่งสมาชิกเสร็จเดินทางต่อไปเที่ยว วัดหลงซาน  (Longshan) กันครับ

        วัดหลงซาน (Longshan)

        การเดินทาง : มาง่าย ๆ ครับนั่ง MRT สายสีน้ำเงิน มาลงสถานี Longshan temple Exit 1 ออกมาแล้วเลี้ยวขวา เดินไปอีกประมาณ 180 เมตร ก็จะเจอครับ ใกล้ ๆ สถานีเลย

เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ

        วัดหลงซาน ถือเป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในไทเปเลยนะครับ พอเดินเข้ามาก็รู้สึกได้เลยว่าที่นี่เต็มไปด้วยผู้คนที่มีความเลื่อมใสศรัทธามากราบไหว้ ภายในวัดมีธูปให้หยิบไหว้ฟรีนะครับ ไม่ต้องพกมาเองก็ได้ และภายในวัดก็จะมีร้านเครื่องรางให้ได้ซื้อมาเก็บไว้บูชา จะเป็นเครื่องรางทางจีน ๆ หน่อยครับ ผมเองก็ไม่ค่อยรู้จัก

        ส่วนบริเวณด้านหน้าของวัดจะเป็นเหมือนแหล่งที่ผู้สูงอายุเค้ามาทำกิจกรรมกันนะครับ คือเยอะมาก ๆ มีทั้งคนมาร้องเพลง มีทั้งตั้งวงกันเล่นหมากล้อม อะไรพวกนี้ครับ

เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ

        ไหว้พระเสร็จมีช่วงว่าง ๆ อยู่ประมาณ 2-3 ชั่วโมง ก่อนที่ช่วงเย็น ๆ จะไปขึ้นเขาไปถ่ายรูป ก็คิดกันว่าจะไปไหนดีหว่า...สรุปกลับที่พักไปพักกันสักนิดก่อนดีกว่า แต่พอไปถึงย่านซีเหมินย่านที่พักของเราต้องถึงกับตื่นตาตื่นใจเลยเพราะว่าคนเยอะมากครับ เป็นครั้งแรกที่ได้มาเดินย่านนี้ตอนกลางวัน ปกติเราจะมาถึงค่อนข้างดึกก็จะได้เห็นแต่ตอนกลางคืน วันนี้เป็นวันอาทิตย์พอดี จะมีเหมือนเป็นตลาดทุกวันเสาร์-อาทิตย์นะครับ

เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ

        ย่านซีเหมินนี่ก็เป็นย่านวัยรุ่นของไทเปเลยครับ พอ ๆ กับสยามบ้านเรานี่เอง วันนี้เป็นวันอาทิตย์ วัยรุ่น คนมาเดินย่านนี้ก็เลยเยอะมาก ๆ ครับ เดินเสร็จก็กลับเข้าที่พักไปพักกัน รอช่วงเย็นออกเที่ยวต่อครับ

        ไปถ่ายรูปตึกไทเป 101 ที่เขาเซี่ยงซาน (Elephant Mountain)

        และแล้วก็ได้เวลาช่วงเย็นที่เราจะไปถ่ายรูปตึกไทเป 101 กันแล้ว ดีที่ช่วงเย็นนี้ฝนไม่ตกครับ แต่แถวที่พักดูครึ้ม ๆ อยู่ แต่เราก็ตัดสินใจที่จะไปต่อครับ ฝนตกก็กลับ แค่นั้น 555 ง่าย ๆ ครับ มาเที่ยวกันเอง แผนเปลี่ยนได้ตามเหมาะสม

        การเดินทาง : นั่ง MRT มาลงที่สถานี Taipei City Hall แล้วก็เรียกแท็กซี่เอาเลยครับ เอารูปให้แท็กซี่ดูเลยครับ แต่พวกผมคือมาตามรอยของพี่เบญ ILoveToGo ที่เค้ามากันนะครับ ตามคลิปนี้เลย www.youtube.com/watch?v=xqAu751zFWk

        ตอนเดินทางมาจากสถานี Taipei City Hall มาเขาเซี่ยงซาน ค่อนข้างงง ๆ นิดหนึ่งครับ คือจะตามรอยการเดินทางในคลิปมา แต่ในคลิปไม่ได้บอกว่าออกประตูไหนของสถานี พวกผมโผล่ออกมา เฮ้ย !! ตรงนี้มันตรงไหน 555 บรรยากาศไม่เหมือนในคลิปเลย ก็เลยถามคนแถวนั้นว่า Xinyi Junior High School อยู่ตรงไหน เพราะทางขึ้นเขาจะเลี้ยวซ้ายตรงแยกหน้า Xinyi Junior High School ไปอีกไม่ไกล ปรากฏว่าถามคนแถวนั้นดันไม่รู้จักอีกครับ 555

เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ

        ไม่เป็นไร...ตัดสินใจเรียกแท็กซี่เลย เรียกคันแรกเหมือนเค้าคุยภาษาอังกฤษไม่ได้ เค้าเลยบอกไม่รู้จักครับ คือผมเอารูปให้ดูว่าจะไปที่นี่ พอมาเรียกอีกคันพี่แกก็ OK ขึ้นได้เลย ทำท่าเหมือนจะรู้จักนะ แต่ขับไปสักพักเห็นวิทยุถามใครก็ไม่รู้ครับ จากนั้นไปจอดถามแท็กซี่อีกคัน แล้วก็กลับมาบอก โอเค ๆ พวกผมก็นึกว่าคงรู้แล้ว ขับไปสักพักพี่แกจอดและบอกว่าถึงแล้ว ผมนี่เฮ้ยมันใช่ซะที่ไหนละตรงนี้ พวกผมไม่ลงครับ เอารูปให้ดูใหม่ มันตรงนี้ ๆ พี่แกก็พาขับวนสวนตรงนั้นและพาขับขึ้นเขาไปจอดตรงวัดอะไรสักอย่าง แล้วก็บอกให้เดินเข้าไปตรงนี้ พวกผมก็ว่ามันไม่ใช่นะ ก็ลงไปถามคนแถวนั้น เอารูปให้ดู เค้าก็เหมือนไม่รู้จัก แต่พี่แท็กซี่แกจะให้พวกผมลงตรงนี้ให้ได้เลย ตอนแรกก็ว่าจะไม่ลงครับ เพราะตอนนี้มันตรงไหนไม่รู้บนเขา ไม่ใช่ในเมือง แท็กซี่ก็ไม่ใช่ว่าจะขึ้นมาบ่อย ๆ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจลงครับ เอาตรง ๆ หัวเสียกับแท็กซี่คันนี้มาก สรุปคือไม่รู้จักใช่ไหม โคตรเสียเวลาเลย ผมยิ่งกลัวแสงจะหมดก่อนถ่ายรูป โดนไปกับคันนี้ 200 TWD

เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ

        ดีที่มีแท็กซี่อีกคันมา ก็เลยเปิดรูป Xinyi Junior High School บอกว่าจะไปที่นี่ โอเคคันนี้รู้จัก (รู้จักจริง ๆ ไม่เหมือนคันที่แล้วทำท่าเหมือนรู้จักแต่จริง ๆ ไม่รู้จัก) พอไปถึงหน้า Xinyi Junior High School ก็เปิดรูปทางขึ้นเขาให้เค้าดูใหม่ บอกว่าจะไปที่นี่ เค้าก็เหมือนจะรู้จักนะ แต่เค้าก็ถามคนแถวนั้นเพื่อความชัวร์อีกทีว่าใช่ไหม ก็ใช่จริง ๆ ครับ ส่งถึงบันไดทางขึ้นเลย มันห่างจาก Xinyi Junior High School ไม่ไกลเลยครับ จ่ายค่าแท็กซี่ไป 140 TWD ใครมาก็เรียกแท็กซี่มาเลยนะครับ ค่าแท็กซี่ไม่แพงหรอกครับที่นี่ มาหลายคนก็หารกันได้เลย แต่แอบเซ็งตรงแท็กซี่คนแรกนิดหนึ่ง พอถึงปุ๊บผมนี่รีบเดินขึ้นเลยครับ เดินขึ้นได้แป๊บเดียว...ไม่ไหวครับลมจับ 555 เหนื่อยมาก เสื้อนี่เปียกเหงื่อเลย ก็เลยค่อย ๆ ขึ้น โหเดินกว่าจะถึงข้างบนครับ ไกลเหมือนกัน ก็เดินขึ้นเขานิ ระหว่างทางก็จะมีจุดแวะให้ถ่ายรูปอยู่นะครับ แต่ให้เดินขึ้นไปบน ๆ เลยจะเจอมุมที่ช่างภาพเค้าถ่ายกันครับ

เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ

        ผมไปถึงด้านบนก็เจอว่าช่างภาพเค้าตั้งขาตั้งกล้องรอกันหมดแล้ว แทบไม่มีที่เลย ผมก็ไปขอเบียด ๆ เค้านิดหนึ่งครับ แต่พอเอากล้องตัวเองไปวางแล้วมองกล้องคนรอบข้าง นี่ผมอยากจะเก็บกล้องผมเลย 555 คือกล้องคนอื่นเค้ากล้องมืออาชีพเลยครับ อุปกรณ์ต่าง ๆ ครบเลยทีเดียว ผมก็มือสมัครเล่นนะ ถ่ายเท่าที่ถ่ายได้แหละครับ แค่แบกขาตั้งกล้องมาก็จะตายแล้ว ^^

        เย็นนี้รู้สึกว่าอากาศเป็นใจมากครับ เพราะช่วงกลางวันฝนตก ๆ หยุด ๆ ทั้งวัน แต่ตอนเย็นฝนไม่ตก รู้สึกว่าโชคดีมากครับ อย่างน้อยตั้งใจมาถ่ายก็ได้ถ่าย ถึงฟ้าจะไม่ค่อยเปิดก็ตาม วันนี้เป็นวันหยุดไฟในตึกไทเป 101 เลยไม่ค่อยเปิดเท่าไร ถ้าวันทำงานเราจะเห็นไฟเปิดเป็นช่อง ๆ ก็จะดูสวยไปอีกแบบครับ

        อ้อ...ฝากนิดหนึ่งสำหรับใครที่จะขึ้นมาถ่ายรูป ให้พกยาทากันยุงมาด้วยครับ เพราะยุงบนเขาเยอะมาก ตัวใหญ่ด้วยครับ แล้วก็พกไฟฉายมาด้วยก็ดีครับ แต่จริง ๆ มีไฟเปิดสว่างตามทางอยู่ครับ ด้านบนและระหว่างทางก็มีห้องน้ำให้เข้าด้วย ส่วนน้ำกับของกินก็พกมาด้วยก็ดีครับ ด้านบนไม่มีขาย เพราะเดินขึ้นเขามันจะเหนื่อยและหิวน้ำพอสมควรครับ

เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ

        โอเค ถ่ายรูปจนพอใจแล้วได้รูปมาเท่าที่เห็นเลยนะครับ อาจจะไม่ค่อยสวยเท่าไรนะครับ ^^ ขากลับนั่งแท็กซี่กลับครับ ง่ายดี ให้ไปส่งที่ MRT สถานี Taipei City Hall เลยประมาณ 100 TWD ครับ ระหว่างนั่งรถมาผมก็หยิบแผนที่รถไฟมาแล้วชี้ให้พี่คนขับดูว่าจะลงสถานีนี้นะ แกก็ประมาณว่าทำไมไม่เอาให้ดูแต่แรก 555 แกออกแนวฮา ๆ นะ ผมก็แอบนึกในใจตกลงที่ตรูบอกตอนขึ้นรถนี่แกเข้าใจไหมว่าจะไปที่ไหน 555 แต่สุดท้ายก็มาส่งถึงที่ครับ ไม่มีพาหลง ใครมาไทเปก็นั่งไปเลยครับแท็กซี่มันไม่แพงนะ หารกันตกคนละ 30-40 บาท เองครับ ไม่ต้องเดินให้เหนื่อย เพราะเดินมันจะไกลมาก

        ตลาดกลางคืนกงกวน (Gongguan Night Market)

        ไปดูรองเท้ากันต่อที่ตลาดกงกวนครับ

        การเดินทาง : นั่ง MRT มาลงที่สถานี Gongguan Exit 4

เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ

        เมื่อคืนไป Shop Onitsuka Tiger ที่ห้าง SOGO มา แต่ยังไม่ได้ซื้อเพราะรอมาดูที่ตลาดกงกวนก่อนนี่แหละครับ อ่านริวิวมาเห็นบอกว่าที่นี่ถูก แต่พอมาเดินดูจริง ๆ มีรุ่นให้เลือกไม่ค่อยเยอะครับ Shop Onitsuka Tiger เลยมีรุ่นเยอะกว่ามาก เดินดูหลายร้านก็เหมือน ๆ กันครับ ถ้า Onitsuka Tiger รุ่นจะไม่ค่อยเยอะ ราคาก็แทบไม่ต่างกันมากจาก Shop Onitsuka Tiger ที่ตลาดกงกวน ร้านที่ถามคือราคาจะขอ Tax Refund ไม่ได้ แต่ที่ Shop จะขอ Tax Refund คืนได้ 5% พอเปรียบเทียบราคาแล้วพอ ๆ กันครับ สรุปว่ามาที่ตลาดกงกวนก็เลยไม่ได้รองเท้าครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้กลับไปซื้อที่ Shop Onitsuka Tiger ดีกว่า เพราะมีรุ่นให้เลือกเยอะกว่าครับ

        จบวันนี้...สรุปมาสำรวจรองเท้าและหาข้าวกินที่ตลาดกงกวนครับ จากนั้นก็กลับที่พัก นอน จบการเที่ยววันที่ 3

        มาถึงวันสุดท้ายของทริปแล้วครับ 01/06/2015

        วันนี้ตื่นเก็บของจัดกระเป๋ากันแต่เช้าครับ แล้วก็มาเช็กเอาท์ที่พักเลย แต่เอากระเป๋าฝากไว้ที่พักก่อน เพราะเราจะออกไปเที่ยวกันอีกที่ครับ กลัวจะกลับมาไม่ทันก่อนเวลาเช็กเอาท์ ก็เลยเช็กเอาท์รอไว้เลย

        ตลาดปลาไทเป

        เช้านี้เราจะไปเที่ยวที่ตลาดปลาไทเปเป็นที่สุดท้ายก่อนกลับครับ เห็นว่ามีอาหารทะเลสด ๆ ราคาไม่แพง มีขาปูยักษ์ด้วยนะครับ ฮ่า ๆ อารมณ์แบบญี่ปุ่นเลยละครับ

        การเดินทาง : นั่ง MRT มาลงที่สถานี Zhongshan Junior High School ออกมาก็เรียกแท็กซี่เอาเลยนะครับ ค่าแท็กซี่ประมาณ 95 TWD ไม่ต้องเดินหรอกนะครับ เพราะค่อนข้างไกลครับ ห่างจากสถานีประมาณกิโลเมตรกว่า ๆ

เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ

        พอมาถึงตลาดปลาที่นี่จะแบ่งเป็นหลายโซนนะครับ

        - โซนของสด จะมีพวกกุ้ง หอย ปู ปลา ขังกันเป็นบ่อ ๆ ก็เดินเข้าไปถ่ายรูปได้นะครับ แต่ก็อย่าไปเดินจนเกะกะพนักงานเค้าทำงานครับ

        - โซนซีฟู้ดบาร์ ซูชิบาร์ ตรงนี้ก็นั่งทานกันได้เลยนะครับ

        - โซนซูเปอร์มาร์เกต ตรงนี้จะมีของขายเยอะครับ พวกของสด เนื้อต่าง ๆ เครื่องดื่มต่าง ๆ แล้วก็จะมีพวกอาหารสำเร็จรูปขายด้วย พวกอาหารญี่ปุ่น ซูชิ ข้าวหน้าปลา อาหารทะเลนึ่ง ลวก เค้าเพิ่งทำออกมาใหม่ ๆ เลยครับ พวกผมไปตอนเช้า ๆ พอดี โดยเฉพาะขาปูยักษ์นี่ทำออกมาสด ๆ เลยครับ พวกผมไปยืนส่องตอนเค้าทำ พอเค้าเอามาวางบนชั้นปุ๊บก็ซื้อมาเลย หวานสดมาก ๆ

        ตรงประตูด้านหน้าเขาจะมีโต๊ะไว้ให้นะครับ เป็นแบบยืนกิน มีอุปกรณ์ พวกตะเกียบเตรียมไว้ให้ พวกผมก็พากันซื้อออกมากินกันตรงด้านหน้าเลยครับ เป็นอีกหนึ่งมื้อในไต้หวันที่รู้สึกฟินและประทับใจกับอาหารมากครับ


        ใครพอมีเวลาแวะมาเดินตลาดปลา กินของทะเลสด ๆ ราคาไม่แพงนะครับ

        ขากลับพากันแวะไป Shop Onitsuka Tiger ห้าง SOGO ตรง MRT,  Zhongxiao Fuxing Station อีกรอบครับ พากันรีบซื้อรีบกลับเพราะต้องทำเวลาละ เดี๋ยวจะไปสนามบินไม่ทัน จากนั้นก็กลับที่พักไปเก็บกระเป๋าแล้วก็รีบเดินทางกลับสนามบินกันเลยครับ ซื้อแล้วนำใบเสร็จที่ทางร้านให้ไปทำ Tax Refund ที่ชั้น 9 นะครับ ถ้าจำไม่ผิด ถามที่ร้านอีกทีก็ได้ครับว่าชั้นไหน ตอนซื้อก็บอกเค้าด้วยว่าจะทำ Tax Refund


เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ

        การเดินทางกลับสนามบิน

        1. นั่ง MRT มาลงที่สถานี Taipei City Hall แล้วเดินมาตามทางออก M5

        2. จากนั้นก็สังเกตป้าย Taipei West Bus Station ตามป้ายไปได้เลย แล้วไปออกทางออก Z3 นะครับ จะโผล่ออกไปตรงอาหารผู้โดยสารสำหรับซื้อตั๋วรถบัสไปสนามบินเลยครับ

        3.จากนั้นก็นั่งรถบัสสาย 1819 กลับสนามบินครับ ค่ารถ 125 TWD นั่งรถประมาณเกือบ 45 นาที ถึง 1 ชั่วโมงครับ (แล้วแต่สภาพการจราจรนะครับ)

        พอรถบัสมาจอดที่สนามบินเถาหยวน Terminal 1 ก็พากันรีบเดินไปเช็กอินเลยครับ ไปถึงยังไม่รู้ว่าเคาน์เตอร์อยู่ตรงไหนก็ไปดูที่จอก่อนนะครับ ว่าเที่ยวบินของเราต้องไปที่แถวเช็กอินตรงไหน มันจะมีบอกที่จออยู่นะครับ สำหรับ Tiger Air ก็จะเช็กอินที่เคาน์เตอร์แถวที่ 2 ครับ พนักงานภาคพื้นที่ที่นี่จะเป็นคนของ China Airline ครับ ที่คอยเช็กอินให้เรา Boarding Pass ที่ได้มาก็เป็นโลโก้ของ China Airline เช่นเดียวกันครับ ตอนโหลดกระเป๋าน้ำหนักเกินจากที่ซื้อไว้ประมาณ 2 กิโลกรัมกว่า ๆ พนักงานก็ใจดีหยวน ๆ ให้ครับ

        โหลดกระเป๋าเช็กอินเสร็จมาถึงจุดตรวจความปลอดภัย เจ้าหน้าที่ที่นี่ตรวจละเอียดมากที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอเลย สแกนแล้วมีอะไรน่าสงสัยขอค้นหมด ตรงนี้ผมจะมีปัญหานิดหนึ่งเพราะผมดันพกขาตั้งกล้องจะถือขึ้นเครื่องด้วย แต่เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตครับ เหมือนขนาดเกินกว่าที่เค้ากำหนด ต้องเอากลับไปโหลดที่เคาน์เตอร์ เช็กอินใหม่อีกรอบ ตอนนี้ผมเริ่มกังวลกลัวว่าจะโดนชาร์จค่าโหลดเพิ่มหรือเปล่า เพราะแค่โหลดกระเป๋าตอนแรกน้ำหนักก็เกินแล้ว แต่พอเอาไปโหลด เจ้าหน้าที่ก็โหลดให้เลยครับ ไม่ได้ชาร์จเพิ่ม รู้สึกขอบคุณเจ้าหน้าที่มาก ๆ ครับ ^^

เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ

        พอผ่านจุดตรวจ ตม. ต่าง ๆ เสร็จ มารอหน้า Gate เจอประกาศเปลี่ยน Gate จากชั้นบนลงมาชั้นล่าง และต้องขึ้นรถบัสเพื่อไปขึ้นเครื่องครับ ตอนแรกเหมือนจะมาเทียบงวงที่อาคารเลย แต่สงสัยไม่รู้มีปัญหาอะไร ก็เลยได้ขึ้นบัสไปที่เครื่องแทน เครื่องก็ออกค่อนข้างตรงเวลาครับ ตอนอยู่บนเครื่องนี่เงินเหลือเท่าไรเอามาซื้อของกินบนเครื่องให้หมดเลยครับ ฮ่า ๆ กำเหรียญมานับซื้อข้าวกันเลยทีเดียว ใช้ให้หมดจะได้ไม่ต้องไปแลกคืน

        เครื่องลงที่สนามบินดอนเมืองประมาณ 18.30 น. ครับ ถึงก่อนเวลาประมาณครึ่งชั่วโมง จากนั้นก็แยกย้ายเดินทางกลับบ้านโดยปลอดภัยกันทุกคนครับ เป็นอันจบทริปแล้ว ขอบคุณทุก ๆ คนที่อ่านมาจนถึงตรงนี้นะครับ พบกันใหม่รีวิวหน้าครับ ^^


        สำหรับค่าใช้จ่ายทั้งหมดของทริปนี้ ดังนี้

        1. ค่าตั๋วไป-กลับ (รวมภาษีแล้ว) = 2,050 บาท

        2. ค่าน้ำหนักกระเป๋าโหลด 10 กิโลกรัม ไป-กลับ = 667 บาท (ซื้อ 30 กิโลกรัม แบ่งกันคนละ 10 กิโลกรัม)

        3. ค่าที่พัก Meander Taipei Hostel 3 คืน = 2,752 บาท/คน

        4. แลกเงินไป 7,000 TWD (เรต 1 TWD/1.09 บาท) = 7,630 บาท ***ใช้หมดพอดี

        ใช้จ่ายไปทั้งหมดกับการกิน เที่ยว ที่พัก และเดินทาง ทั้งหมด 13,099 บาท (ไม่รวมช้อปส่วนตัวนะครับ เพราะช้อปพวกรองเท้าก็ใช้บัตรรูดเอาเลย)

        ทริปนี้อาจจะไม่ได้ลงรายละเอียดแต่ละค่าใช้จ่ายมาสรุปให้ดูนะครับ แต่หลัก ๆ ค่าเข้าสถานที่หรือค่ารถอะไร แต่ละช่วงจะมีบอกไว้ในรีวิวแล้วครับ ทริปนี้ซื้อของกินตามตลาดกันเยอะมากครับ เดี๋ยวคนนั้นเลี้ยงอันนั้น คนนี้เลี้ยงอันนี้ ก็สลับ ๆ กัน แต่เอาเป็นว่าใช้เงินสดที่แลกไปหมดกันพอดีกับการกิน เที่ยว และเดินทางในไต้หวันครับ มาหมดเอาจริง ๆ ตอนขึ้นเครื่องกลับนี่แหละครับ เงินเหลือเท่าไรก็ซื้อของบนเครื่องกินให้หมดเลย

        มาพูดถึงมุมมองต่าง ๆ สำหรับการไปเที่ยวไต้หวันในครั้งนี้สักหน่อยนะครับ

        เรื่องการเดินทาง

        เป็นอีกประเทศที่มีการเดินทางที่ค่อนข้างสะดวกมาก ๆ ครับ ในไทเปเองก็มีทั้งรถไฟใต้ดินที่ค่อนข้างครอบคลุมทั้งเมือง การเดินทางจากสนามบินเข้าเมืองก็สะดวก มีทั้งรถไฟความเร็วสูงและมาต่อรถบัสเข้าเมือง หรือจะนั่งรถบัสตรงยาวจากสนามบินเข้าเมืองเลยก็ได้สะดวกดีครับ

        ส่วนการเดินทางออกต่างจังหวัดไปที่เที่ยวที่อยู่เมืองอื่น ๆ ก็มีทั้งเดินทางโดยรถไฟความเร็วสูง และรถบัสเองก็สะดวกมาก ๆ เช่นกัน

        อ้อแล้วก็เรื่องแท็กซี่ที่ไต้หวันขึ้นได้เลยนะครับ ไม่ต้องกลัวจะโดนโกง ราคาก็ไม่แพงด้วยครับ ไม่ต้องไปเดินไกล ๆ ให้เหนื่อย

        ถ้าใครไปไต้หวันก็ซื้อบัตร Easy Card ไว้ใช้ได้เลยครับ เป็นเหมือนบัตรเติมเงิน เอาไว้แตะจ่ายเงินตอนขึ้นรถไฟรถบัส หรือจ่ายเงินตามร้านสะดวกซื้อได้ครับ

       เรื่องอาหารการกิน

        ไต้หวันเป็นประเทศที่เราได้กินแบบจัดเต็มมากครับ เพราะของไต้หวันราคาไม่แพง และของกินก็หลากหลาย ร้านอาหารยอดฮิตในไต้หวันน่าจะเป็นร้านสุกี้ ชาบูครับ มีเยอะมาก ๆ ใครไปต้องไปลองชิมดูนะครับ แต่แนะนำว่าให้พกน้ำจิ้มจากไทยไปด้วย เพราะที่ไต้หวันเค้าจะเป็นแบบผสมน้ำจิ้มกันเอง ถ้าเราปรุงไม่อร่อยก็จบเลยครับ ฮ่า ๆ

       
เรื่องอาหารที่ไต้หวันผมรู้สึกว่าอาหารจะออกไปทางอาหารญี่ปุ่นซะเยอะเลยครับ ในไทเปจะเห็นพวกร้านซูชิหรือข้าวหน้าปลาดิบอะไรพวกนี้เยอะครับ เหมือนที่ญี่ปุ่นเลย ราคาก็ไม่แพง ยิ่งตอนไปตลาดปลาไทเปนะครับ นึกว่ากำลังเดินอยู่ในตลาดปลาที่ญี่ปุ่น พวกอาหารอะไรต่าง ๆ นี่เหมือนที่ญี่ปุ่นเป๊ะเลยครับ

        ประเทศที่สามารถท่องเที่ยวได้อย่างปลอดภัย

        ไต้หวันเป็นประเทศที่เรารู้สึกว่าเราสามารถเที่ยวได้อย่างปลอดภัย ไม่ต้องระวังตัวหรือวิตกกังวลอะไรมาก ไม่ต้องกลัวว่าขึ้นแท็กซี่จะโดนโกงไหม ซื้อของจะโดนโกงไหม แต่เอาจริง ๆ ก็อาจจะมีบ้าง แต่โดยรวมแล้วคือโอเคมาก รู้สึกว่าเราสามารถท่องเที่ยวได้อย่างสบายใจ

        บ้านเมืองสะอาด ผู้คนเป็นระเบียบ


        คล้ายกับญี่ปุ่นมาก ๆ ตรงนี้อ่านรีวิวหลายคนค่อนข้างจะพูดไปในเสียงเดียวกันครับ และจากที่ได้ไปสัมผัสมาก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ในเรื่องผู้คนเป็นระเบียบนี้ผมว่าบางทีเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราท่องเที่ยวได้อย่างสุนทรียะมากขึ้นนะครับ เพราะเราไม่ต้องเจอเรื่องอะไรที่จะมาทำให้เราหงุดหงิดจากการท่องเที่ยว เช่น การแซงคิว คนโหวกเหวกโวยวาย อะไรประมาณนี้

        รองเท้า Onitsuka Tiger

        เป็นสินค้ายอดฮิต ของฝากหิ้ว รับหิ้ว รับพรีฯ เลยนะครับ คนไทยมาชอบมาซื้อ เพราะหลาย ๆ คนบอกว่าถูกครับ แต่คนไต้หวันจริง ๆ จะแทบไม่เห็นใส่รองเท้า Onitsuka Tiger กันเลยครับ วัยรุ่นไต้หวันจะฮิตใส่ Nike เลยอันดับหนึ่ง เห็นใส่เยอะมาก Shop ก็เยอะ รองลงมาก็เป็นรองเท้า Adidas อันนี้ก็เยอะไม่แพ้กันเลย

        Onitsuka tiger ที่ถูกมาก ๆ จริง ๆ ส่วนใหญ่เท่าที่เห็นก็จะเป็นรุ่นเก่า ๆ ที่ตกรุ่นไปแล้วครับ เพราะรุ่นใหม่ ๆ ก็ไม่ได้ถูกมาก แต่ก็ยังถูกกว่าไทยอยู่ ขอคืนภาษีได้อีก 5% ก็โอเคครับ

        ***หลาย ๆ คนที่มาไต้หวันแล้วบอกว่าไต้หวันเป็นน้องญี่ปุ่นเลย อันนี้ผมเห็นด้วยมาก ๆ ครับ เพราะไต้หวันมีทั้งรถไฟความเร็วสูงและในเรื่องของอาหาร หลาย ๆ อย่างก็เหมือนกับที่ญี่ปุ่นเลยครับ อีกอย่างเป็นเมืองที่สะอาดและผู้คนก็เป็นระเบียบด้วยครับ จึงทำให้หลาย ๆ ครั้งรู้สึกเหมือนเดินอยู่ในประเทศญี่ปุ่นเลย เพราะได้บรรยากาศของญี่ปุ่นมาก ๆ

        โอเค...จบแล้วครับสำหรับรีวิวทริปไต้หวัน 4 วัน 3 คืน

        ติดตามรีวิวกันได้ใหม่ทริปหน้านะครับ และสามารถติตามเพจผมได้ที่

        Fanpage : เฟซบุ๊ก MJourneyPrabin
 เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ

        เอาอีกรีวิวของผมมาฝากครับ ^^

        [CR]Review ทริปลุยเดี่ยว Backpack ญี่ปุ่น & มาเลเซีย ทั้งทริปแค่ 14,2XX บาท
        http://pantip.com/topic/33614863


เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณเอ็ม พาบิน สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และ เฟซบุ๊ก MJourneyPrabin

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองครั้งแรก ไม่ยากและไม่ต้องใช้งบเยอะ อัปเดตล่าสุด 11 สิงหาคม 2558 เวลา 14:14:50 97,530 อ่าน
TOP