x close

10 เส้นทางเดินป่าหน้าฝน กิจกรรมสุดเย็นฉ่ำของนักผจญภัย

          แวะไปท่องเที่ยวหน้าฝน ชมความสวยงามในระยะเริ่มต้นความชุ่มฉ่ำของผืนป่ายามสายฝนโปรยปราย กับ 10 เส้นทางเดินป่าหน้าฝนสุดมัน
10 เส้นทางเดินป่าหน้าฝน กิจกรรมสุดเย็นฉ่ำของนักผจญภัย
 
          วันนี้เราจะพาเพื่อน ๆ ไปเที่ยวหน้าฝนกัน ก็แหม...ช่วงเวลาที่สายฝนโปรยปรายลงมาสร้างความชุ่มฉ่ำให้กับผืนป่า ถือเป็นช่วงที่นักเดินทางผู้หลงใหลความเขียวขจีของธรรมชาติหลาย ๆ คน อยากออกเดินทางไปสัมผัสกับความงามเหล่านั้น วันนี้กระปุกดอทคอมจึงได้รวบรวม 10 เส้นทางเดินป่าหน้าฝน จากทั่วไทยมาแนะนำกัน ลองไปดูว่ามีที่เที่ยวหน้าฝนที่ไหนบ้างให้ได้ไปตะลุยความสดชื่นกันบ้าง โดยเริ่มที่....

1. อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา

10 เส้นทางเดินป่าหน้าฝน กิจกรรมสุดเย็นฉ่ำของนักผจญภัย

          เส้นทางการเดินป่าเพื่อศึกษาธรรมชาติในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มีทั้งเส้นทางเดินป่าระยะสั้นและ เส้นทางเดินป่าประเภทท่องไพร โดยสามารถสอบถามรายละเอียดการเดินป่าและติดต่อเจ้าหน้าที่นำทางได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว สำหรับเส้นทางเดินป่าประเภทไม่พักแรม (Hiking trail) มีอยู่ 6 เส้นทาง อยู่ในบริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติ มีระยะทางตั้งแต่ 1-5 ชั่วโมง ได้แก่

          1. เส้นทางดงติ้ว-มอสิงโต ระยะทาง 2 กิโลเมตร ผ่านป่าดงดิบเลียบริมห้วย มีไม้ใหญ่ที่เป็นจุดเด่นคือต้นสมพงขนาดยักษ์ มีพูพอนสูงท่วมหัวคน

          2. เส้นทางสายดงติ้ว-หนองผักชี ระยะทาง 4 กิโลเมตร ทางช่วงแรกใช้ทางเดียว-กับเส้นมอสิงโต ผ่านป่าดงดิบที่มีความหลากหลายของพืชพันธุ์ ไปจนไปถึงหอดูสัตว์หนองผักชี

          3. เส้นผากล้วยไม้-เหวสุวัต ระยะทาง 3 กิโลเมตร ทางเลียบริมห้วยริมทางมีเห็ดมากมายหลายชนิด อาจได้พบสัตว์ป่าที่อาศัยอยู่ริมน้ำ เช่น กิ้งก่ายักษ์หรือตะกอง และนาก

          4. เส้นทางกิโลเมตรที่ 33-หนองผักชี ระยะทาง 2.5 กิโลเมตร ทางผ่านป่าดงดิบที่มีต้นไม้ใหญ่หลายคนโอบ เช่น ไทร, หว้า, กะเพราต้น และเถาวัลย์ มากมายหลายชนิด

          5. เส้นทางวังจำปี-หนองผักชี

          6. เส้นทางกองแก้ว-เหวสุวัต


          ส่วนผู้สนใจเส้นทางเดินป่าระยะไกล (Trekking trail) จะต้องติดต่อขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่ก่อนเข้า อีกทั้งเส้นทางนี้ต้องมีการพักแรมในป่าที่ใช้เวลาค้างคืนตั้งแต่ 1-3 คืน ได้แก่

          1. เส้นทางเขาสมอปูน ซึ่งเป็นภูเขาหินปูนที่สูง 805 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง บนสันเขาเป็นที่ราบสลับกับ ป่าโปร่ง ช่วงปลายฝนต้นหนาวประมาณเดือนกันยายน-พฤศจิกายน เน้นการเดินทางเพื่อชมดอกไม้ป่า เช่น หงอนไก่, กระดุมเงิน, หญ้าข้าวก่ำ เริ่มต้นที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ชญ.12 (เนินหอม) เดินไต่ระดับความสูงแล้วลัดเลาะไปตามหน้าผา ผ่านลานสุริยัน, ทุ่งพรหมจรรย์, น้ำตกหินดาด, น้ำตกบังเอิญ, น้ำตกเหวอีอ่ำ และสิ้นสุดที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ชญ.10 (ประจันตคาม) ใช้เวลาเดินทาง 4 วัน 3 คืน

          2. เส้นทางคลองปลากั้ง-น้ำตกวังเหว-รอยเท้าไดโนเสาร์-แก่งหินเพิง เริ่มต้นที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ชญ.4 (คลองปลากั้ง) ไต่ระดับความสูงขึ้นความสูงขึ้นสันกำแพง จะพบพื้นที่ราบบนหลังแปที่มีทุ่งหญ้าขนาดใหญ่แซมด้วยดอกไม้ป่า กล้วยไม้ป่า ต่อจากนี้ก็จะพบน้ำตกวังเหว ไปตามลำธารประมาณ 2 กิโลเมตร จะพบรอยเท้าไดโนเสาร์พันธุ์กินเนื้อที่ชัดเจนบนโขดหินออกจากป่าดงดิบถึง แก่งหินเพิง ซึ่งสามารถล่องแก่งในระยะ 3 กิโลเมตร มาขึ้นฝั่งที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ที่ ขญ 9 (ใสใหญ่) ใช้เวลา 4 วัน 3 คืน

          นอกจากนี้ยังมีเช้าไป-เย็นกลับ หรือพักแรม 1 คืนก็ได้ เส้นทางน้ำตกนางรอง–ศูนย์ฝึกอบรมกรมป่าไม้เขาใหญ่ เส้นทางบ้านคลองเดื่อ–เขาแหลม-เหวสุวัต เส้นทางโป่งตาลอง-น้ำตกผาด่านช้าง น้ำตกผามะนาวยักษ์-น้ำตกไทรคู่-น้ำตกผากกระชาย ระยะทาง 15 กิโลเมตร ใช้เวลา 2 วัน 1 คืน เส้นทางกลุ่มน้ำตกในตำบลบุฝ้าย อำเภอประจันตคาม จังหวัดปราจีนบุรี ระยะทางประมาร 20 กิโลเมตร ใช้เวลา 3 วัน 2 คืน เส้นทางซับใต้เหวกระถิน-เขาสามยอด (สอบถามข้อมูลเพิ่่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งช่ติเขาใหญ่ โทรศัพท์ 088 756 4940)

2. อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่

10 เส้นทางเดินป่าหน้าฝน กิจกรรมสุดเย็นฉ่ำของนักผจญภัย

          กิ่วแม่ปาน ตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตสำหรับนักเดินป่าทั่วไทยที่ต้องการเดินทางมาสัมผัสความสวยงามเป็นอย่างมาก ซึ่งที่นี่เน้นการท่องเที่ยวเพื่อเรียนรู้เชิงนิเวศวิทยาด้วยการชมป่าดิบแบบสมบูรณ์และพื้นที่ป่าถูกทำลาย เพื่อให้ตระหนักถึงผลกระทบของการตัดไม้ทำลายป่า และด้วยทัศนียภาพสวยงามท่ามกลางไอหมอก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสธรรมชาติอย่างแท้จริง จนได้รับรางวัลดีเด่นประเภทแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ รางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ครั้งที่ 4 ประจำปี พ.ศ. 2545

          สำหรับเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติแบบสั้นเดินเป็นวงกลม ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ตลอดเส้นทางเดินที่ผ่านแบ่งออกได้เป็น 4 ระยะ ช่วงแรกเป็นป่าดิบชื้น ที่เต็มไปด้วยพันธุ์มอส เฟิร์นนานาชนิด และฝอยลม ซึ่งในช่วงหน้าฝนจะถูกปกคลุมด้วยหมอกขาวและอากาศที่หนาวเย็น จากนั้นจะผ่านป่าดิบเขาและเข้าสู่ทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ สุดปลายทางที่ทุ่งหญ้าบนเนินที่ดารดาษด้วยดอกไม้ตามพื้น เช่น หนาดเขาสีขาวเป็นตุ่ม ๆ ส้มแปะ และดอกไม้ป่าสีเหลือง สีม่วง หอขาวอีกหลายชนิด เช่น บัวทองอินทนนท์, ไวโอเล็ต เป็นต้น

          เมื่อเข้าใกล้ส่วนหน้าผาจะพบต้นกุหลาบพันปีสีแดงพันธุ์ไม้หายาก แถมเป็นพระเอกของเส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน ซึ่งส่วนใหญ่จะผลิดอกเบ่งบานในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม จากนั้นวกกลับเข้าสู่ป่าดิบเขาอีกครั้งเพื่อเข้าสู่ช่วงสุดท้ายที่ต้องเดินลงลำห้วยแม่ปาน แล้วเดินเข้าสู่เขตอุทยานฯ เช่นเดิม

         ทั้งนี้สำหรับผู้สนใจเดินทางไปท่องเที่ยว สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ฟซบุ๊ก เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน หรืออุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ โทรศัพท์ 097 984 0466)

3. อุทยานแห่งชาติป่าพุเตย จังหวัดสุพรรณบุรี

10 เส้นทางเดินป่าหน้าฝน กิจกรรมสุดเย็นฉ่ำของนักผจญภัย

10 เส้นทางเดินป่าหน้าฝน กิจกรรมสุดเย็นฉ่ำของนักผจญภัย

          อุทยานแห่งชาติป่าพุเตย มีเส้นทางเดินป่าที่แนะนำ คือ เส้นทางศึกษาธรรมชาติอุทยานแห่งชาติป่าพุเตย กับเส้นทางศึกษาธรรมชาติจุดลงน้ำตกตะเพินคี่ใหญ่ จากนั้นจะใช้เส้นทางการเดินเท้าเข้าป่าไปยังหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ ที่ 3 ระยะทางประมาณ 4-5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 3-4 ชั่วโมง จนถึงจุดกางเต็นท์เพื่อนอนค้างคืนชมดาว จากนั้นเวลาเช้ามืดช่วงตี 4 โดยประมาณ จะออกเดินทางขึ้นยอดเขาเทวดา ยอดเขาทีสูงที่สุดในจังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อชมความสวยงามของพระอาทิตย์ขึ้น

10 เส้นทางเดินป่าหน้าฝน กิจกรรมสุดเย็นฉ่ำของนักผจญภัย

          ซึ่งโดยทั่วไปแล้วนักท่องเที่ยวจะใช้เวลาเดินทางเที่ยวเป็นเวลา 2 วัน 1 คืน กับเส้นทางเดินป่าในช่วงเวลาท่องเที่ยวที่แนะนำคือช่วงปลายฝนต้นหนาว ตั้งแต่เดือนกันยายนถึงธันวาคมของทุกปี (สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่อุทยานแห่งชาติพุเตย โทรศัพท์ 035 446 237)

4. อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์

          อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว อยู่ในท้องที่อำเภอหล่มเก่า อำเภอหล่มสัก อำเภอน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์ และอำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ เป็นอุทยานแห่งชาติที่สวยที่สุดแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นแนวเขตกั้นระหว่างภาคอีสานและภาคเหนือ สภาพพื้นที่ทั่วไปเป็นเทือกเขาสูง มีสภาพป่าอุดมสมบูรณ์ เป็นต้นน้ำลำธาร มีทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงามหลายแห่ง สำหรับเส้นทางศึกษาธรรมชาตินั้น ทางอุทยานได้จัดทำทางเดินเท้าสำหรับเที่ยวชมธรรมชาติในป่าไว้หลายสาย เพื่อให้นักท่องเที่ยวผู้ชอบเดินป่าสามารถชมธรรมชาติได้ทั่วถึง โดยก่อนการเดินทางทุกครั้งนักท่องเที่ยวจะต้องแจ้งเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ทราบก่อน เพื่อความปลอดภัย โดยแบ่งเส้นทางออกเป็น 3 เส้น ดังนี้

          เส้นทางเดินสายที่ 1 มีระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร เริ่มต้นจากทางแยกใกล้ที่ทำการอุทยานฯ โดยระหว่างทางนักท่องเที่ยวจะได้ชมความสวยงามของธรรมชาติแบบใกล้ชิด และอาจจะพบสัตว์ป่าหายากหลายชนิดโดยเฉพาะในฤดูฝนจะพบรอยช้างจำนวนมาก เส้นทางนี้วนกลับออกมาสู่บริเวณทางเข้าที่ทำการอุทยานแห่งชาติ

          เส้นทางเดินสายที่ 2 เริ่มจากทางเดินตรงข้ามที่ทำการอุทยานแห่งชาติ ผ่านป่าเต็งรัง, บ่อดินโป่ง ซึ่งจะมีช้าง, กวาง และสัตว์ป่าอื่น ๆ เข้ามาหากินอยู่เสมอ ซึ่งจะเดินผ่านใจกลางอุทยานฯ และเมื่อเดินไปจนสุดทางจะเป็นสวนสน และเมื่อถึงเนินภูกุ่มข้าวจะเห็นยอดสนในบริเวณสวนสนอยู่ในระดับสายตาเป็นแนว ติดต่อกันกว้าง 360 องศา ทางสายนี้จะไปสิ้นสุดที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ นน.4 (ซำบอน) ระยะทางรวมประมาณ 8 กิโลเมตร

          และเส้นทางที่ 3 จุดเริ่มต้นอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 800 เมตร เป็นทางเข้าชมป่าสนหรือภาษาพื้นเมืองเรียกว่า "ป่าแปก" สามารถชมต้นสนขึ้นเรียงรายอยู่เป็นระยะ ๆ และอาจจะได้พบช้างป่า กวางป่า เก้ง รวมทั้งรอยเท้าเสือด้วย นอกจากนี้ทางอุทยานแห่งชาติน้ำหนาวยังมีเส้นทางเดินป่าระยะไกลอีก 3 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางพิชิตยอดภูผาจิต ระยะทางไป-กลับ ประมาณ 15 กิโลเมตร, เส้นทางเที่ยวถ้ำห้วยประหลาด ระยะทางไป-กลับ ประมาณ 15 กิโลเมตร และ เส้นทางเที่ยวป่าผาล้อม-ผากลอง ระยะทางประมาณ 7 กิโลเมตร (สอบถามข้อมูลเเพิ่มเติมได้ที่ อทยานแห่งช่ติน้ำหนาว โทรศัพท์ 081 962 6236)

 5. อุทยานแห่งชาติกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

10 เส้นทางเดินป่าหน้าฝน กิจกรรมสุดเย็นฉ่ำของนักผจญภัย

          อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ตั้งอยู่ในพื้นที่ 3 อำเภอของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อำเภอเมือง อำเภอปราณบุรี และอำเภอสามร้อยยอด ซึ่งเป็นพื้นที่แหล่งต้นน้ำที่เต็มไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่มีคุณค่าและสวยงาม พื้นที่ส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน ซึ่งเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติก็มีหลายเส้นทาง ตั้งแต่ระยะทางประมาณ 800 เมตร ถึง 3,000 เมตร เส้นทางไม่สูงชันมากนัก

          สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ kuiburinationalpark.blogspot.com และอุทยานแห่งชาติกุยบุรี โทรศัพท์ 032 646 292 หรือ เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติกุยบุรี โดยควรติดต่อผู้นำเที่ยวก่อนล่วงหน้า เพื่อจะอธิบายให้เห็นถึงคุณค่าของพันธุ์ไม้นานาพรรณที่มีประโยชน์ทั้งคนและสัตว์ป่า 


6. อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว จังหวัดอุตรดิตถ์

10 เส้นทางเดินป่าหน้าฝน กิจกรรมสุดเย็นฉ่ำของนักผจญภัย

          อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว ตั้งอยู่ที่ตำบลห้วยมุ่น อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ ครอบคลุมพื้นที่ในเขตอำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก และอำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นภูเขาสูงตามแนวชายแดนไทย-ลาว สำหรับเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่น่าสนใจของที่นี่คือ "ลานสนสามใบภูสอยดาว" เป็นพื้นที่ป่าธรรมชาติขนาดใหญ่กว่า 1,000 กว่าไร่ เป็นที่ราบบนเทือกเขาภูสอยดาวที่มีพื้นที่เป็นลานสนสามใบ จะเป็นเนินสูงต่ำสลับกันไป

          สำหรับเส้นการเดินทางไปเที่ยวลานสนสามใบภูสอยดาวจะต้องเดินทางเท้าจากน้ำตกภูสอยดาวริมเส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1268 จากจุดเริ่มต้นสู่ยอดภูสอยดาว ระยะทางประมาณ 6.5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 4-6 ชั่วโมง โดยระหว่างทางเดินจะเห็นสภาพป่าที่สมบูรณ์และสวยงาม ซึ่งยอดสูงสุดของภูสอยดาวสูงจากระดับน้ำทะเล 2,102 เมตร สูงเป็นอันดับ 4 ของประเทศไทย ช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการเดินทางไปท่องเที่ยวคือช่วงฤดูฝน ตั้งแต่เดือนสิงหาคมถึงเดือนกันยายนของทุกปี

          ส่วนบริเวณกลางทุ่งหญ้า มีดอกไม้ป่าขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น เช่น ดอกหงอนนาค (ดอกสีม่วง), ดอกสร้อยสุวรรณา (ดอกสีเหลือง) และดอกหญ้ารากหอม (ดอกสีม่วง) ส่วนในฤดูหนาวจะมีอุณหภูมิต่ำประมาณ 1-5 องศาเซลเซียส โดยมีดอกกระดุมเงิน, กล้วยไม้รองเท้านารีอินทนนท์ และใบเมเปิลสีแดง นอกจากนี้ยังมี "น้ำตกสายทิพย์" เป็นน้ำตกขนาดเล็กสูงประมาณ 5-10 เมตร มีชั้น 7 ชั้น  ซึ่งในฤดูฝนน้ำจะไหลแรงมองดูสวยงามมากและมีน้ำไหลตลอด สภาพป่าโดยรอบน้ำตกมีความชุ่มชื้นมาก จึงมีมอสสีเขียวขึ้นปกคลุมทั่วไปตามก้อนหินริมน้ำ ช่วยสร้างความงามให้ยิ่งมากขึ้นไปอีก สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว โทรศัพท์ 095 629 9528, 091 024 7633

7. เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง จังหวัดเลย

10 เส้นทางเดินป่าหน้าฝน กิจกรรมสุดเย็นฉ่ำของนักผจญภัย

         
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง กับเส้นทางการเดินป่าที่น่าสนใจ เช่น ป่าผลัดใบหรือป่าเบญจพรรณ, ป่าดิบแล้ง, ป่าดิบเขา และป่าที่โดดเด่นที่สุดบนภูหลวง คือป่าสนสองใบ, สนสามใบ และทุ่งหญ้าตามพื้นที่ราบ เนินเขา และลานหิน

          สำหรับเส้นทางเดินสำหรับศึกษาธรรมชาติบนภูหลวงนั้นจะเป็นเส้นทางเดินต่อเนื่องกัน โดยเริ่มจาก "โหล่นมน" ซึ่งเป็นบริเวณที่พักนักท่องเที่ยว ผ่านป่าดงดิบ ลำห้วยป่าสนสามใบ และดอกไม้สลับทุ่งหญ้าระยะทางประมาณ 2.3 กิโลเมตร ถึง "โหล่นสาวแยงคิง" จากนั้นไปเป็นเส้นทางเดินไปยัง "โหล่นหินแอ่วขัน" ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร ผ่านลานดอกไม้ป่าหลายชนิด ก่อนจะเดินทางไปสู่ลานหินโหล่นแต้ ระยะทางประมาณ 1.5 กิโลเมตร สถานที่สำคัญในการค้นพบกุหลาบขาว และกล้วยไม้ป่าต่าง ๆ แถมบริเวณนี้ยังมีจุดชมวิวทิวทัศน์ของภูหอ, ภูกระดึง, ภูยองภู และภูขวางอีกด้วย

           ทั้งนี้สำหรับผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ฟซบุ๊ก เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง หรือ เว็บไซต์ phuluang.net โทรศัพท์ 042 801 955
 
8. อุทยานแห่งชาติดอยภูคา จังหวัดน่าน

          สถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับรางวัลยอดเยี่ยมรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยครั้งที่ 7 ประจำปี พ.ศ. 2551 ประเภทแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติภาคเหนือ ตั้งอยู่ในตำบลภูคา อำเภอปัว จังหวัดน่าน และ 8 อำเภอในจังหวัดน่าน คืออำเภอเฉลิมพระเกียรติ, อำเภอท่าวังผา, อำเภอปัว, อำเภอเชียงกลาง, อำเภอทุ่งช้าง, อำเภอบ่อเกลือ, อำเภอสันติสุข และอำเภอแม่จริม สำหรับเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่น่าสนใจ ได้แก่ ชมพูภูคา จัดไว้ 2 เส้นทาง คือ

          เส้นทางแรกคือศึกษาธรรมชาติดอกชมพูภูคา มีทั้งเส้นรอบใหญ่ระยะทาง 4 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 3 ชั่วโมง และเส้นทางรอบเล็กระยะทาง 2 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 1.30 ชั่วโมง ซึ่งจะพบพันธุ์ไม้ที่หายากและพันธุ์ไม้เฉพาะถิ่น สมุนไพร เป็นต้น

          เส้นทางที่ 2 คือการเดินทางชมป่าดึกดำบรรพ์ (ดอยดงหญ้าหวาย) ระยะทาง 7 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 5 ชั่วโมง เป็นแหล่งดูนก ที่มีนกไต่ไม้สีสวยที่พบเพียงแห่งเดียวในประเทศไทยนกชนิดต่าง ๆ และผีเสื้อนานาพันธุ์ด้วย (สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติดอยภูคา โทรศัพท์ 054 731 623)

9. อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จังหวัดพิษณุโลก

10 เส้นทางเดินป่าหน้าฝน กิจกรรมสุดเย็นฉ่ำของนักผจญภัย

          อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ตั้งอยู่ที่ตำบลบ่อโพธิ์ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก เป็นพื้นที่ป่าขนาดใหญ่ครอบคลุม 3 จังหวัด คือ จังหวัดเลย จังหวัดเพชรบูรณ์ และจังหวัดพิษณุโลก อีกทั้งยังเป็นต้นกำเนิดประวัติศาสตร์การสู้รบในอดีต ที่ยังคงเหลือร่อยรอยให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปศึกษาอีกด้วย สภาพโดยทั่วไปเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อนปกคลุมไปด้วยป่าไม้ 3 ชนิด คือ ป่าเต็งรัง, ป่าดิบเขา และป่าสนเขา สำหรับเส้นทางเดินป่าของที่นี่น่าสนใจตั้งแต่แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและด้านประวัติศาสตร์

          ส่วนเส้นทางการเดินป่าของที่นี่มีลักษณะเดินเป็นวงรอบ มีดอกไม้ป่าสวยงามผลิดอกชูช่อต้อนรับฤดูฝนอย่างสวยงาม และสามารถชมความงามของดอกกุหลาบขาวซึ่งจะบานพร้อมกันในช่วงเดือนมีนาคมถึงเมษายน จากนั้นจะเดินทางไปบริเวณลานหินปุ่มและลานหินแตก เพื่อชมความสวยงามแปลกตาของลานหินเอาใจผู้ที่สนใจด้านธรณีวิทยา และปิดท้ายด้วยการเดินเท้าไปชมน้ำตกหมันแดง ซึ่งถือเป็นทริปเดินป่าเขตร้อนที่ใช้เวลาเพียง 1 วัน ก็สามารถชมชื่นชมความหลากหลายทางธรรมชาติ และความสวยงามได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว ทั้งนี้สำหรับผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า โทรศัพท์ 081 596 5977) 

10. อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง จังหวัดเพชรบูรณ์

10 เส้นทางเดินป่าหน้าฝน กิจกรรมสุดเย็นฉ่ำของนักผจญภัย

          สุดท้ายกับ "ทุ่งแสลงหลวง" ทุ่งหญ้าแบบสะวันนาหนึ่งเดียวในเมืองไทยที่เต็มไปด้วยพื้นที่กว้าง ๆ เป็นทุ่งหญ้าสลับกับป่าสนสองใบ ตั้งอยู่ตำบลหนองแม่นา อำเภอเขาค้อ เพชรบูรณ์ ภายในมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่น่าสนใจมากมาย ได้แก่

          1. เส้นทางศึกษาป่าเบญจพรรณและสัตว์ป่า ที่จะพบสัตว์ป่าชนิดต่าง ๆ ออกมาหากิน รวมทั้งสามารถชมพันธุ์ดอกไม้ป่าหายาก

          2. เส้นทางเที่ยวชมทุ่งนางพญา ซึ่งอยู่ทางทิศใต้ของที่ทำการหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ หนองแม่นา ประมาณ 14 กิโลเมตร เป็นทุ่งหญ้าที่แวดล้อมด้วยป่าสนสองใบสลับกับป่าดิบแล้งและป่าเต็งรัง รวมทั้งสามารถชมกล้วยไม้ป่าที่ขึ้นอยู่ต้นสน เช่น เอื้องชะนีและเอื้องคำปากไก่ ซึ่งออกดอกในฤดูร้อน

          3. เส้นทางแก่งวังน้ำเย็น ห่างจากที่หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ หนองแม่นาประมาณ 7 กิโลเมตร เส้นทางเดียวกับทุ่งโนนสน แต่จะแยกทางเข้าไปอีก 500 เมตร ซึ่งระหว่างเส้นทางเดินจะพบสภาพป่าที่ค่อย ๆ เปลี่ยนไปจากทุ่งหญ้า เป็นป่าสนและป่าเบญจพรรณ นอกจากนี้ยังสามารถชมความสวยงามของ แก่งวังน้ำเย็น แก่งหินขนาดใหญ่ยาวหลายร้อยเมตร อีกทั้งยังเป็นสถานที่ค้นพบแมงกะพรุนน้ำจืดและผีเสื้อหายาก เช่น ผีเสื้อถุงทองป่าสูง ผีเสื้อหนอนคืบสไบแดง และนกนานาชนิด (สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง โทรศัพท์ 088 756 4940)

          เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมท่องเที่ยวที่เพื่อน ๆ สามารถเดินทางไปเที่ยวได้ในช่วงฤดูฝน ว่าแล้วอย่ารอช้าลองเลือกสักเส้นทางแล้วแพ็กกระเป๋าเดินทางไปเที่ยวให้ใจเย็นฉ่ำกันดีกว่า

หมายเหตุ : อัปเดตข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2561



ขอขอบคุณข้อมูลจาก
   ,    , เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติ ภูหินร่องกล้า , เฟซบุ๊ก เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
10 เส้นทางเดินป่าหน้าฝน กิจกรรมสุดเย็นฉ่ำของนักผจญภัย อัปเดตล่าสุด 24 พฤษภาคม 2562 เวลา 12:04:44 101,785 อ่าน
TOP