สรุปข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก theodora.com
หลบฝนจากเมืองไทยนั่งสายการบินแอร์เอเชีย เหินฟ้าออกจากสนามบินสุวรรณภูมิไปเที่ยวแดนมังกร ใช้เวลา 2 ชั่วโมง มาถึงเมืองกวางเจา เมืองเอกของมณฑลกวางตุ้ง อยู่ทางใต้ของประเทศจีน เครื่องลงที่สนามบินไป่หยุน ซึ่งมีความหมายว่า "เมฆขาว" ปรากฎว่าที่นี่ฝนตกกระหน่ำหนักกว่าที่เมืองไทยเสียอีก
รูปร่างหน้าตา และความไฮเทคของไป่หยุน ไม่ต่างจากสุวรรณภูมิของไทยนัก โครงสร้างอาคารคล้ายกัน แต่เมื่อพิจารณาแล้วของไทยดูดีและยิ่งใหญ่กว่า ไป่หยุน เคยเป็นสนามบินใหญ่ที่สุดในจีน แต่ภายหลังมีการสร้างสนามบินแห่งใหม่ ที่นี่จึงตงลงมาเป็นที่สอง แต่ก็เป็นฮับเชื่อมโยงไปยังสนามบินนานาชาติทั่วโลก อาทิ กรุงมะนิลา โตเกียว โอซาก้า กรุงเทพฯ สิงคโปร์ ซิดนีย์ เมลเบิร์น นิวยอร์ก และ ลอสแองเจลลิส
เมืองกวางเจา เมืองเอกของมณฑลกวางตุ้ง เป็นเมืองใหญ่สุดทางตอนใต้ของจีน ตั้งอยู่ใกล้เกาะไหหลำ มาเก๊า และฮ่องกง เป็นเมืองยุทธศาสตร์สำคัญของเขตเศรษฐกิจสามเหลี่ยมลุ่มน้ำจูเจียง มีแม่น้ำจูเจียงไหลผ่านกลางเมือง การจราจรทางน้ำจึงสะดวกยิ่ง ตั้งแต่สมัย ราชวงศ์ ฮั่น เป็นต้นมา มีเรือจากกวางเจาเดินทางไปยังที่ต่างๆ จนถึงราชวงศ์ถัง
กวางเจากลายเป็นเมืองท่าที่มีชื่อเสียงของโลก มีการค้ากับต่างประเทศอย่างมั่งคั่ง ผลิตภัณฑ์จากทางภาคใต้ของประเทศจีน เช่น ผ้าไหม ใบชา กลายเป็นสินค้าส่งออกจากที่นี่ เรือสินค้าของต่างชาติ ก็มาที่นี่จำนวนมากเช่นกัน กวางเจา เป็นศูนย์กลางการคมนาคมและประตูการค้าที่สำคัญ ได้รับการขนานนามว่าเป็นประตูด้านใต้ของประเทศจีน ปัจจุบันกวางเจาไม่เพียงแต่มีการจราจรทางน้ำที่เฟื่องฟูมั่งคั่ง ยังมีสายการบินนานาชาติ บินเข้าบินออกจำนวนไม่น้อย จึงมีฐานะของเมืองที่สำคัญยิ่งของประเทศจีน ในด้านการค้ากับต่างประเทศ
กวางเจามีสถานที่น่าสนใจ อาทิ สวนสาธารณะเยี่ยซิ่ว อันมีความหมายถึงสวนสาธารณะสุดเลิศล้ำ มีภูมิทัศน์ที่สวยงามยิ่ง เป็น 1 ใน 8 แหล่งท่องเที่ยวสุดยอดของเมืองนี้ ชนิดที่พูดกันว่าหากไม่มาที่นี่เหมือนมาไม่ถึงกวางเจาเลยทีเดียว สวนเซี่ยยิ่วอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 70 เมตร มีเนื้อที่ 92.9 เอเคอร์ ในสวนนี้มีอนุสาวรีย์ห้าแพะ (Five Goat Monument) ใช้หินแกรนิต 120 ก้อน แกะสลักประกอบกันเป็นแพะ 5 ตัว สูง 11 เมตร ตัวใหญ่สุดเป็นตัวผู้คาบรวงข้าว 6 รวง
มีเรื่องเล่าว่า ในอดีตกวางเจาเป็นเมืองเล็กๆ ชาวบ้านใช้ชีวิตยากลำบาก วันหนึ่งมีเทพ 5 องค์ สวมเสื้อผ้าหลากสีประทับบนแพะ 5 ตัว แพะคาบรวงข้าวไว้ในปาก เหาะผ่านมาเห็นความยากจนของชาวเมือง จึงได้เหาะลงมามอบรวงข้าวให้ชาวบ้านนำไปเพราะปลูกพร้อมอวยพรให้มีความสุข พูดจบแล้วเทพทั้งหมดเหาะจากไป แพะทั้งห้าตัวที่ถูกทิ้งไว้กลายเป็นหิน 5 ก้อน
เพื่อเป็นการขอบคุณเทพทั้งห้าจึงได้มีอนุสาวรีย์ห้าแพะขึ้นที่นี่ ตำนานความเป็นมานี้เองทำให้ผู้คนเรียกเมืองๆ นี้ว่า "เมืองแพะ" หรือหยางเฉิน แม้ว่าเรื่องของห้าแพะจะเป็นเพียงเรื่องเล่าขานต่อกันมา แต่ชาวกวางเจา ล้วนชื่นชมนิทานเรื่องนี้ และได้ใช้ รูปแพะห้าตัว หรือตัวหนังสือห้าแพะ เป็นเครื่องหมายการค้าของผลิตภัณฑ์ต่างๆ และกลายเป็นสัตว์สัญลักษณ์ประจำเมืองกวางเจามาจนทุกวันนี้ ในบริเวณสวนสาธารณะเยี่ยซิ่ว ยังมีเส้นทางนำไปสู่หมู่หินแกะสลักรูป 5 เซียน และบทกวีต่างๆ จุดน่าสนใจในนี้ยังมีทะเลสาบและน้ำตก ที่นี่มีความสวยงามของธรรมชาติหลายแห่ง เช่น ภูเขาเยี่ยซิ่วซาน ภูเขาอู่หยางซาน
ที่เชิงเขามีอนุสรณ์สถาน ดร. ซุน จง ซาน (ชื่อจีนกลาง) หรือ ดร. ซุน ยัด เซ็น บิดาแห่งประวัติศาสตร์จีน สร้างขึ้นระหว่าง ค.ศ.1929-1931 ในอดีตใช้เป็นที่ประชุมพรรคตอมมิวนิสต์ จุคนได้มากถึง 3 พันที่นั่ง ด้านหน้าอาคารมีรูปปั้น ดร.ซุน ยัด เซ็น ขนาดใหญ่ ตัวอาคารด้านหน้ามีเสาขนาดใหญ่เรียงกัน 8 ต้น ภายในเป็นโถงโล่งไม่มีเสา มีความพิเศษที่นั่งจุดไหนก็จะฟังเสียงได้ชัดเจน ไม่มีเสียงสะท้อน ที่ด้านหลังมีต้นนุ่นขนาดใหญ่อายุ 300 ปี คนที่เมืองนี้จึงถือเอาดอกนุ่นเป็นดอกไม้ประจำเมือง
กวางเจามีแม่น้ำจูเจียง หรือ แม่น้ำไข่มุก แม่น้ำสายหลักของมณฑลกวางตุ้ง ไหลผ่านกลางเมือง แม่น้ำจูเจียง มีความยาวประมาณ 2,000 กิโลเมตร ยาวเป็นอันดับสามของประเทศจีน ที่เรียกว่าแม่น้ำไข่มุก คนจีนเชื่อว่าเกิดจากหินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งใต้แม่น้ำ ที่เชื่อกันว่าเป็นหินไข่มุกทะเลขนาดใหญ่ลักษณะกลมมน ผิวเรียบเนียน ส่องประกายออกมาคล้ายไข่มุก
รัฐบาลกวางเจา ตั้งข้อกำหนดให้พัฒนาทิวทัศน์สองฝั่งแม่น้ำแห่งนี้ให้ทันสมัยและสวยงาม ยามค่ำคืนจึงได้เห็นแสงไฟประดับประดาไว้อย่างสวยงาม ตลอดริมสองฝั่งที่เต็มไปด้วยโรงแรมระดับห้าดาว อาคารสูง และแหล่งช็อปปิ้ง สะพานข้ามแม่น้ำมีอยู่หลายแห่ง เห็นแล้วทำให้นึกถึงสะพานพระราม 8 ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา แต่ในแม่น้ำจูเจียงไม่มีผักตบชวา
คนที่ชอบช็อปปิ้ง ต้องไปที่ถนนเป่ยจิงลู่ หรือถนนปักกิ่ง ขึ้นชื่อว่าเป็นถนนคนเดินที่มีชื่อเสียงเต็มไปด้วยร้านค้า แฟชั่น ของก็อปปี้ ร้านอาหาร มีสินค้ามากมาย เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า ของที่ระลึก คล้ายสยามเซ็นเตอร์เมืองไทย บริเวณถนนที่เดินผ่านไปมาจะมีถนนยุคเก่าอยู่ด้านใต้ มีกระจกครอบทับเอาไว้ให้มองเห็นได้ มีป้ายระบุบอกเอาว่าเป็นถนนที่สร้างในสมัยไหนบ้าง ที่นี่จึงถูกเรียกว่า ถนนปักกิ่ง คนที่มาเที่ยวส่วนมากจะมาหาซื้อของก็อปปี้ที่มีให้ช็อบกันได้ไม่รู้เบื่อ ส่วนคุณภาพก็ว่ากันตามราคา หมดเวลาประกันเมื่อกลับเมืองไทย ส่วนอีกแห่งอยู่ที่ถนนซั่งเซี่ยจิ่ว เป็นถนนคนเดินอยู่ในย่านดาวน์ทาวน์เก่าแก่ นับเป็นช็อปปิ้งสตรีทอันโด่งดังของเมืองนี้ สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้า แฟชั่น ร้านอาหาร ถือเป็นย่านที่มีชื่อเสียงเก่าแก่
พูดถึงเรื่องกิน คนจีนจะพูดกันว่า กินที่กวางเจา เพราะคนกวางเจากินอาหารแปลกๆ มีการเปรียบเปรยไว้ว่า บนท้องฟ้าคนกวางเจากินทุกอย่างที่บินได้ยกเว้นเครื่องบิน ในน้ำไม่กินเรือ บนถนนไม่กินรถยนต์ นอกนั้นฟาดเรียบ อเล็กซ์ โล หนุ่มจีนจากมณฑลกวางสี เล่าให้ฟังว่า คนกวางเจามีเมนูพิสดารที่รู้กันเฉพาะพวกพิศมัยอาหารสยองขวัญ แต่ละเมนูมีชื่อเรียกรู้กันเฉพาะในกลุ่ม อาทิ น้ำแกงเสือมังกร มาจากแมวกับงู ส่วนซุปซี่โครงหมู อย่าเผลอไปสั่งเชียว เพราะหมายถึงซุปเด็กอ่อน
อเล็กซ์ โล ยืนยันว่าเมนูนี้มีอยู่จริง เด็กส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ร้านอาหารจะได้เด็กอ่อนมาจากการทำแท้ง ของพ่อแม่ที่ไม่ต้องการลูกสาว อันเป็นผลจากการที่รัฐบาลจีนควบคุมจำนวนบุตรของแต่ละครอบครัว เพื่อแก้ปัญหาประชากรล้นโลก สนนราคาซุปซี่โครงหมู หม้อย่อมๆ 3,500 หยวน ลองเอาไปคูณกับ 5 บาทกว่าๆ ราคาอยู่ที่หลักหมื่น แค่ฟังก็คลื่นใส้ไปหลายมื้อ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
โดย : เอกสิทธิ์ วิริยะศักดิ์
