x close

10 เกาะน่าเที่ยวในไทย ไม่ไปไม่ได้แล้ว

island

            เรียกได้ว่าท้องทะเลสวย ๆ และบรรดาเกาะน้อยใหญ่ต่าง ๆ ของไทย ยังคงเป็นเสน่ห์ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย วันนี้กระปุกดอทคอมเลยแวะไปรวบเอา 10 เกาะน่าเที่ยวในประเทศไทย มาฝากเพื่อน ๆ ที่กำลังวางแผนไปเที่ยวชิล ๆ ริมทะเลต้อนรับหน้าร้อน ส่วนจะมีเกาะไหนสวยงามถูกใจบ้างนั้น ลองไปชมกันเลย
 
           1. เกาะขาม จังหวัดชลบุรี

kham-island

            มาเริ่มต้นกันที่เกาะสวย ๆ ที่ตั้งอยู่ใกล้กรุงเทพฯ อย่าง "เกาะขาม" เป็นเกาะเล็กที่ตั้งอยู่ใกล้เกาะแสมสาร ตั้งอยู่ทางทิศใต้ห่างจากอำเภอสัตหีบประมาณ 9 กิโลเมตร อยู่ภายใต้การดูแลกองทัพเรือภาคที่ 1 รูปร่างของเกาะขามคล้ายตัว H มีพื้นที่ทั้งหมด 61 ไร่ ส่วนชายหาดของเกาะขามมี 2 ที่ คือ ทางทิศเหนือมีชายหาดที่เป็นทรายละเอียด เหมาะสำหรับการว่ายน้ำและกิจกรรมหรือกีฬาทางน้ำ และทิศใต้ของเกาะมีชายหาดที่มีทรายค่อนข้างหยาบ และกรวดมนสีสันต่าง ๆ กระจายอยู่ริมชายหาด นอกจากนี้บริเวณใต้น้ำใกล้ ๆ เกาะยังเป็นแนวปะการังเขตน้ำตื้นในระดับ 3-6 เมตร ที่มีความสมบูรณ์กระจายอยู่รอบเกาะอีกด้วย ส่วนกิจกรรมท่องเที่ยวของเกาะขามแห่งนี้ ประกอบด้วยการนั่งเรือท้องกระจกชมปะการัง, การดำน้ำชมปะการัง, เล่นน้ำทะเลที่ใสสะอาด, ชมหมู่เกาะและทัศนียภาพทางทะเล พร้อมรับความรู้และข้อมูลด้านการอนุรักษ์ธรรมชาติจากเจ้าหน้าที่อุทยานฯ  ได้อีกด้วย สำหรับใครที่ต้องการเดินทางไปเที่ยวเกาะขาม สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ nac1.navy.mi.th

           2. เกาะพยาม จังหวัดระนอง 

payam-island

            เกาะพยาม เป็นเกาะใหญ่หนึ่งในสองเกาะของทะเลระนอง รองจากเกาะช้าง ลักษณะโดยรอบของเกาะเป็นชายหาดสลับกับโขดหิน ส่วนบนเกาะพยามมีชุมชนดั้งเดิม คือ ชุมชนชาวมอแกน (ชาวเล) ที่ยังคงอาชีพประมงพื้นบ้าน จับสัตว์น้ำในละแวกใกล้เคียงเกาะ เนื่องจากทรัพยากรสัตว์น้ำยังมีความสมบูรณ์อยู่ และบนเกาะพยามยังมี “อ่าวใหญ่” ที่ตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะ มีลักษณะเป็นเวิ้งโค้งอ่าวยาวราว 4 กิโลเมตร อีกทั้งบริเวณชายหาดยังมีเม็ดทรายที่ละเอียด ให้นักท่องเทียวสามารถเดินได้อย่างสบายเท้าอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีสำหรับสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญบนเกาะพยาม ได้แก่ วัดเกาะพยาม ที่มีโบสถ์กลางทะเล, อ่าวหินขาว, ศาลพ่อตาหินขาว, อ่าวไม้ไผ่, อ่าวกวางปีบ, แหลมหิน, อ่าวมุก, เกาะปลาวาฬ, อ่าวใหญ่, อ่าวเขาควาย และ เขาทะลุ เป็นต้น

           3. เกาะราชา จังหวัดภูเก็ต

racha-island

            เกาะราชา ประกอบด้วย เกาะราชาน้อย และ เกาะราชาใหญ่ ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเกาะภูเก็ต ห่างจากเกาะภูเก็ตประมาณ 15 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง บนเกาะราชาใหญ่มีหาดทรายขาวสะอาด จุดชมวิว แหล่งปะการัง และมีบริการที่พัก ส่วนเกาะราชาน้อยเป็นเกาะที่เกิดจากการทับถมขอปะการังไม่เหมาะ แก่การเล่นน้ำ แต่เป็นแหล่งตกปลาที่น่าสนใจ และบริเวณเกาะราชา ยังมีชายหาดที่โค้งยาวสวยงามอยู่หลายแห่ง เดินทางท่องเที่ยวได้สะดวก เพราะมีเส้นทางเดินเท้าศึกษาธรรมชาติโดยรอบเกาะต่าง ๆ ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจบนเกาะ ได้แก่ อ่าวตะวันตก หรือหาดปะตก, อ่าวสยาม, อ่าวทือ, อ่าวขอนแค และอ่าวหลา เป็นต้น

           4. หมู่เกาะปอดะ จังหวัดกระบี่

poda-island

            หมู่เกาะปอดะ ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของอ่าวนาง ห่างจากฝั่งประมาณ 8 กิโลเมตร เป็นเกาะที่มีหาดทรายขาว น้ำทะเลใส บริเวณชายฝั่งของเกาะสามารถมองเห็นแนวปะการังหลากชนิดที่ยังสมบูรณ์ ทำให้เกาะปอดะกลายเป็นแหล่งดึงดูดของนักท่องเที่ยวให้เที่ยวชมได้เกือบตลอดปี นอกจากนี้ยังมีจุดที่ตกปลาได้ดี เพราะไม่ได้รับผลกระทบจากลมมรสุม นักท่องเที่ยวที่สนใจสามารถเช่าเรือได้จากบริเวณอ่าวนางเดินทางไปยังเกาะได้ โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 25 นาที

           5. เกาะไหง จังหวัดตรัง

kho-ngai

            เกาะไหง ตั้งอยู่ในอำเภอสิเกา จังหวัดตรัง แต่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา ตามแผนที่แล้วเกาะไหงถือเป็นเกาะกำบังคลื่นลมจากมหาสมุทรได้ดี ลักษณะของเกาะเป็นเกาะขนาดเล็ก มีความเงียบสงบ ไม่มีทางรถยนต์และนักท่องเที่ยวมาก จึงเหมาะสำหรับผู้รักธรรมชาติและท้องทะเลจริง ๆ ตลอดชายฝั่งตะวันออกยาว 2.2 กิโลเมตร ของเกาะไหงเป็นชายหาดสีขาว ส่วนรอบ ๆ เกาะเป็นแนวปะการังทางปลายเกาะ ทางตะวันออกเฉียงใต้เกาะ มีอ่าวเล็ก ๆ อยู่ใกล้ ๆ บริเวณท่าเรือ ซึ่งเป็นแหล่งดำน้ำตื้นชั้นเยี่ยม และบริเวณแหลมกวนอิมก็เป็นจุดดำน้ำอีกจุดหนึ่งเช่นกัน นอกจากนี้บนเกาะยังเป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา 2 (เกาะไหง)อีกด้วย

           6. หมู่เกาะอาดัง-ราวี จังหวัดสตูล

adang rawi

            เป็นหมู่เกาะที่ประกอบด้วย 2 เกาะตั้งอยู่เคียงข้างกัน คือ เกาะอาดัง และเกาะราวี ตั้งอยู่ห่างจากเกาะตะรุเตาไปทางทิศตะวันตกประมาณ 40 กิโลเมตร มีเนื้อที่เกาะประมาณ 30 ตารางกิโลเมตร ภูมิประเทศโดยทั่วไปเป็นภูเขาสูง มีป่าปกคลุมแลดูเขียวครึ้ม ทางด้านหลังมีน้ำตกขนาดใหญ่ มีน้ำตลอดปี คำว่า อาดัง มาจากคำเดิมในภาษามลายูว่า อุดัง มีความหมายว่า กุ้ง เพราะบริเวณนี้เคยอุดมสมบูรณ์ไปด้วยกุ้งทะเล  ซึ่งบริเวรเป็นเกาะที่มีหาดทราย ละเอียดสวยงาม และมีแนวปะการังอยู่รอบ ๆ รอบเกาะมีน้อยใหญ่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ มากมาย ได้แก่ เกาะหลีเป๊ะ, เกาะดง, เกาะหินงาม และเกาะยาง เป็นเกาะที่เหมาะ สำหรับการดำน้ำเพื่อชมปะการังน้ำตื้น

            7. หมู่เกาะสาหร่าย จังหวัดสตูล

sarai
ภาพจาก ททท.

              หมู่เกาะสาหร่าย ตั้งอยู่ห่างจากท่าเรือเจ๊ะบิลัง อำเภอเมือง จังหวัดสตูล เพียง 12 กิโลเมตร และมีเรือโดยสารไปที่เกาะสาหร่ายใหญ่ตลอดทั้งวัน นอกจากเกาะสาหร่ายใหญ่แล้ว  ยังมีอีก 2 เกาะใกล้กัน ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า เกาะยะระโตดและเกาะยะระโตดนุ้ย มีชายหาดอยู่โดยรอบเกาะ บนเกาะมีหมู่บ้านชาวประมง ทำอาชีพสวนมะพร้าวและสวนยางพารา ใช้เวลาเดินทางเพียง 15 นาที บนเกาะมีหมู่บ้านบากันใหญ่ ซึ่งเป็นชุมชนไทยมุสลิมขนาดใหญ่ ประกอบอาชีพประมงเป็นหลัก หมู่เกาะนี้ถือเป็นเกาะที่อุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ นอกจากนี้บริเวณใกล้เกาะสาหร่ายใหญ่จะเห็นเกาะแบน ๆ กลม ๆ ที่ชาวบ้านเรียกว่า "สุสานเปลือกหอยกาบ" ความกว้างประมาณแค่ 1 กิโลเมตร เป็นเกาะที่เต็มไปด้วยซากเปลือกหอยกาบแบน ๆ กองทับถมสะสมกันมานานหลายร้อยล้านปี จนสามารถขึ้นไปเดินบนเกาะได้ อีกทั้งยังมีการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อย่าง การชมแหล่งหญ้าทะเลอาหารของพะยูน, การสัมผัสวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านด้วยการทำ ปลาเค็ม, หาดตากแห้ง และการ ทำของที่ระลึกจากกะลามะพร้าว อีกด้วย

           8. เกาะง่าม จังหวัดตราด

            หลายคนอาจจะไม่คุ้นหูในชื่อของเกาะมักนัก แต่ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นพีพีแห่งอ่าวไทยเลยก็ว่าได้ ซึ่ง เกาะง่าม ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเกาะช้าง และห่างจากเกาะช้างใต้ประมาณ 200 เมตร สำหรับลักษณะของตัวเกาะคล้ายเกาะพีพี มีลักษณะเป็นภูเขาแฝด 2 เกาะ วางขนานกัน โดยมีสันทรายเชื่อมและมีชายหาดเล็ก ๆ มีคลื่นลมทะเลที่สงบ เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับการเล่นกิจกรรมชิล ๆ ทางน้ำ อย่างพายเรือแคนูและตกปลา นอกจากนี้บนเกาะยังมีรีสอร์ทที่พักอีกหลากหลายให้เลือกพักผ่อน ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่รักความเงียบสงบ และต้องการพักผ่อนอย่างเต็มทีอีกด้วย

           9. เกาะพีพีเล 

maya bay
     
            เกาะพีพีเล เป็นเกาะในอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ทะเลอันดามัน จังหวัดกระบี่มีขนาดพื้นที่เพียง 6.6 ตารางกิโลเมตร เป็นเกาะที่เต็มไปด้วยภูเขาหินปูน มีหน้าผาสูงชันตั้งฉากกับผิวทะเลโดยรอบเกือบทั้งเกาะ มีพื้นน้ำลึกเฉลี่ยประมาณ 20 เมตร มีบริเวณน้ำลึกที่สุดประมาณ 34 เมตร และมีเวิ้งอ่าวสวยงาม บริเวณอ่าวปิเละ, อ่าวโละซามะ และอ่าวมาหยา ที่เป็นไฮไลท์สำคัญของเกาะแห่งนี้และมีชื่อเสียงโด่งดังอีกด้วย

            นอกจากนี้ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะยังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจอย่าง ถ้ำไวกิ้ง ที่เมื่อปี พ.ศ. 2515 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จประพาสถ้ำแห่งนี้ และทรงพระราชทานนามใหม่ว่า "ถ้ำพญานาค" ตามรูปร่างหินก้อนหนึ่งที่คล้ายเศียรพญานาค อันเป็นที่เคารพสักการะของชาวบ้านที่มาเก็บรังนกนางแอ่นบนเกาะ  และภายในถ้ำยังพบภาพเขียนสีสมัยประวัติศาสตร์ เป็นรูปช้างและรูปเรือชนิดต่าง ๆ เช่น เรือใบยุโรป, เรือใบอาหรับ, เรือสำเภา, เรือกำปั่น, เรือใบใช้กังหัน และเรือกลไฟ อีกด้วย สันนิษฐานว่าภาพเขียนเหล่านี้เป็นฝีมือของนักเดินเรือหรือพวกโจรสลัด เพราะจากการศึกษาเส้นทางเดินเรือจากฝั่งตะวันตกไปยังฝั่งตะวันออก บริเวณนี้อาจเป็นจุดที่เรือสามารถแวะพักหลบลมมรสุมขนถ่ายสินค้าหรือซ่อมแซมเรือ

          10. เกาะแสมสาร

           เกาะแสมสารเป็นเกาะหนึ่งที่ขึ้นกับอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี อยู่ทางทิศใต้ของแหลมแสมสาร ออกไปประมาณ2 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากฝั่งของอำเภอสัตหีบไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ประมาณ 8 กิโลเมตร โดยมีเนื้อที่บนเกาะทั้งหมดจำนวน 2738 ไร่ 3 งาน 36 ตารางวา. มีลักษณะเป็นรูปทรงยาวรี ขนาดพื้นที่โดยรวมประมาณ 5 ตารางกิโลเมตร ลักษณะดินลูกรังปนหินลูกรัง ภูมิประเทศบนเกาะประกอบไปด้วย ภูเขาขนาดใหญ่ 1 ลูก สูงประมาณ 167 เมตร อยู่ทางทิศเหนือของเกาะและภูเขาขนาดย่อม 1 ลูก สูงประมาณ 159 เมตร อยู่ทางทิศใต้ของเกาะและมีเนินขนาดความสูงเล็กน้อยอีกบางส่วน และมี ชายหาดบนเกาะแสมสาร มีชายหาด 5 แห่งได้แก่ หาดเทียน, หาดแหลมฝรั่ง, หาดเตยและหาดกรวด และ หาดลูกลม 

           นอกจากนี้เกาะแสมสารยังเป็น 1 ใน 9 เกาะ ในโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพฯ (รู้จักกันในนามของ อพ.สธ.) เกาะแสมสารเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาเกาะทั้งหมด จึงเปิดให้เกาะนี้เป็นแหล่งเรียนรู้ และท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ตามแนวทางของสมเด็จพระเทพฯ ที่ว่า "อยากให้เยาวชนได้ศึกษาธรรมชาติ โดยใกล้ชิดกับธรรมชาติมากที่สุด" รวมทั้งยังเป็นการปลูกจิตสำนึกในการอนุรักษ์ธรรมชาติให้กับเยาวชน เพื่อให้มีใจในการอนุรักษ์ธรรมชาติอย่างแท้จริงอีกด้วย ทั้งนี้สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ sattahipbeach.com และ เฟซบุ๊ก Koh Samaesarn (เกาะแสมสาร)
 
            ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับวางแผนเที่ยวเกาะต้อนรับหน้าร้อนที่กำลังจะเข้ามาถึงได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ เพราะยังมีเกาะในท้องทะเลไทยยังอีกมากมายที่รอคอยให้เพื่อนได้ไปสัมผัสกัน >< 


ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
, krabi.go.th, nac1.navy.mi.th, sattahipbeach.com และ เฟซบุ๊ก Koh Samaesarn (เกาะแสมสาร)
 




เรื่องที่คุณอาจสนใจ
10 เกาะน่าเที่ยวในไทย ไม่ไปไม่ได้แล้ว อัปเดตล่าสุด 18 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 19:05:20 8,234 อ่าน
TOP