กินอยู่อย่างประหยัดในสวิตเซอร์แลนด์ ไม่ยากอย่างที่คิด

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ Elfiiez สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

          สวิตเซอร์แลนด์ (Switzerland) ประเทศที่มีแต่ความสวยงามและเงียบสงบ แถมยังขึ้นชื่อเรื่องอากาศบริสุทธิ์ จึงกลายเป็นประเทศที่ใครหลาย ๆ คนฝันอยากจะเดินทางมาท่องเที่ยวเพื่อสัมผัสกับความงามด้วยตาของตัวเองสักครั้ง อ๊ะ ๆ แต่นอกจากความสวยแล้ว สวิตเซอร์แลนด์ยังติด 1 ใน 10 อันดับเมืองท่องเที่ยวที่แพงที่สุดในโลก !! อีกด้วยนะ ใครที่อยากไปเยือนประเทศนี้ก็ต้องเตรียมตัววางแผนบริหารเงินในกระเป๋ากันสักหน่อย (ดีไหม) ดังนั้นวันนี้เราเลยหยิบเอาบันทึกการเดินทางของ คุณ Elfiiez สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่มีโอกาสได้เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในสวิตเซอร์แลนด์ และนำวิธีการกินอยู่อย่างประหยัดในสวิตเซอร์แลนด์ดินแดนในฝันที่ค่าครองชีพแพงที่สุดในโลกมาแนะนำกันด้วยค่ะ


          สวัสดีค่ะ กระทู้แรกนะคะ เขียนไม่รู้เรื่องก็ขออภัย 555555 ช่วงสี่เดือนกว่าที่ผ่านมาเจ้าของกระทู้มีโอกาสได้ไปเรียนที่ Switzerland ในฐานะนักเรียนแลกเปลี่ยนของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง เชื่อว่ามันคงจะเป็นดินแดนในฝันของใครหลาย ๆ คนใช่ไหมคะ

          สวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศเล็ก ๆ ตั้งอยู่ใจกลางยุโรป ล้อมรอบไปด้วยประเทศเยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี ออสเตรีย และ Lichtenstein โดยประชากรในประเทศมีเพียง 7-8 ล้านคนเท่านั้น เออมันเล็กมากนะ แต่ก็สวยมากทีเดียว (ขนาดประชากรประมาณกรุงเทพฯ 5555 คิดว่าตัวเลขนี้ยังไม่น่าจะรวมพวกคนต่างชาติที่มาอาศัยนะ ถ้ารวมแล้วก็น่าจะประมาณ 12 ล้าน ถ้าผิดพลาดขออภัย)

          ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่สวยงามอร่ามแท้แลตะลึง บรรยากาศดี นาฬิกาคุณภาพ ช็อกโกแลตอร่อยเลิศ แต่ค่าครองชีพแพงมากถ้าเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน เพราะฉะนั้นก็ต้องวางแผนการใช้จ่ายกันสักหน่อย ซึ่งแผนของเรา ก็คือ กินอยู่อย่างประหยัดให้ได้มากที่สุด ปลายปีเราจะได้มีตังเที่ยวและตะลุยช้อปทีเดียวช่วงคริสต์มาสเซลล์ 5555555 แต่ของทุกอย่างมันก็แพงจริงอะ ไม่ประหยัดก็บ้าละ เริ่มรีวิวเลยดีกว่า เริ่มจากค่าใช้จ่ายที่เราจำเป็นต้องจ่ายหลังจากที่ย้ายมาอยู่ที่นี่

          หมายเหตุ : เราอยู่ Luzern, มหาวิทยาลัย Luzern University of Applied Sciences and Arts (Hochschule Luzern) ค่ะ

ค่าใช้จ่ายที่คุมไม่ได้

          ค่าใช้จ่ายที่เราจำเป็นต้องจ่าย หนีไม่ได้ เจ้าของกระทู้ก็พยายามหนีค่าใช้จ่ายพวกนี้เหมือนกัน แต่ก็ไม่สามารถจริง ๆ =_=


          1. ค่า Residence permit/เอกสารต่าง ๆ : เนื่องจากเรามาอยู่มากกว่า 3 เดือน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ก็จะออกบัตรพลเมืองให้ชั่วคราว ซึ่งเราก็ต้องไปเดินเรื่องทำเอกสารต่าง ๆ นานา ถ้าไม่ทำก็ออกนอกประเทศไม่ได้นะจ๊ะ เพราะวีซ่าที่ได้มาเป็นวีซ่านักเรียน Type D ซึ่งจะหมดอายุภายใน 3 เดือน โดยค่าเอกสารยืนยันตัวตน บลา ๆๆๆๆ ทั้งหมดนี้สนนราคาที่ประมาณ 280 CHF (ค่าเงินตอนนั้น 1 chf = 35 thb) ก็ 9,800 บาทชิล ๆ เองล่ะตัวเธอ โอเคนะ #ร้องไห้หนักมาก

          ลืมบอกไปว่าแต่ละเมืองค่า Residence Permit จะไม่เท่ากันนะ แต่ Luzern มันโหดมากเลย =_=

          2. ค่าเช่าบ้าน/หอ/ห้อง : ห้องเช่ามหาวิทยาลัยที่สวิตเซอร์แลนด์เป็นคนติดต่อให้ เราได้ห้อง Studio ในอพาร์ทเม้นท์เล็ก ๆ มีห้องน้ำ ครัวส่วนตัวเล็ก ๆ เตียงกับระเบียง ห้องนี้เช่าต่อจากนักเรียนสวิตฯ ที่ไปแลกเปลี่ยนต่อที่อื่น ราคาก็ 710 chf ต่อเดือน รวมค่าน้ำค่าไฟแล้ว

          ป.ล. ไม่มี Wi-Fi, เสียตังค์ถ้าใช้เครื่องซักผ้า ชอบที่มีครัวให้ และรวมค่าน้ำค่าไฟแล้ว ไม่อย่างงั้นจะต้องมานั่งคิดหาวิธีประหยัดน้ำ ประหยัดไฟอีก 555555

          3. Insurance : ประกันชีวิตต้องมีตลอดระยะเวลาที่อยู่ที่นี่ เจ้าของกระทู้ไปอยู่ 4 เดือน 7 วัน เสียเดือนละ 90 chf (3,150 บาท) ส่วนเศษ 7 วัน ก็โดนปัดขึ้นเป็น 1 เดือนเช่นกัน T___T โหดร้ายมิคะ

          4. ค่าโทรศัพท์ : ซื้อซิมรายเดือนเสียค่าซิม 40 chf ก่อนนะจ๊ะ (1,400 บาท) ส่วน Prepaid ก็ 20 chf (700 บาท) แถมเงินในซิมมาให้นิดหน่อย ส่วนตัวเราใช้มาแล้วทั้ง Prepaid และรายเดือน แพ็กเกจเน็ต 4G 2gb ของ Sunrise เสียค่าบริการเดือนละ 20 chf, ส่วน Prepaid ของ Swisscom เน็ตกากมาก เสียวันละ 2 chf

          ป.ล. ใช้รายเดือนคุ้มกว่า แต่จะเปิดบริการแบบรายเดือน ต้องมีบัตร Residence Permit แล้วนะคะ ไม่อย่างนั้นเขาไม่ให้สมัคร ดังนั้นช่วงแรกก็ต้อง Prepaid ไป

          5. ค่าบัตรโดยสาร Half fare : จะมีหรือไม่มีก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าเดินทางน้อยมากแค่ไหน เราเดินทางบ่อย บัตรนี้ลดราคาตั๋วรถไฟ, รถบัส, เรือ หรืออื่น ๆ ได้ถึง 50% อันนี้สำหรับเราถือว่าคุ้ม ใบละ 175 chf อยู่ได้ 1 ปี (6,125 บาท)

ค่าใช้จ่ายที่คุมได้ (บ้าง)

          มาถึงค่าใช้จ่ายที่คุมได้กันบ้าง มาดูกันว่ามีอะไร *__*

          1. การเดินทาง

          เดินได้ให้เดิน เดินให้มากที่สุด ถ้าไม่ได้ไปอีกเมืองก็อย่าขึ้นเลยรถบัส เพราะตั๋วรถบัสที่ราคาถูกที่สุดยังตั้ง 5 chf (ถ้าไม่มี Half Fare) หรือ 175 บาท นั่งได้ 30 นาที ห้ามเกินเขตที่เขากำหนดไว้ จากผลสำรวจแล้ว ถ้าไม่รีบมากก็เดินดีกว่านะจ้ะ 555 แต่เราเคยเสี่ยงดวงขึ้นรถบัสฟรีหลายรอบอยู่ ถ้าเจอคนตรวจตั๋วแล้วไม่ได้ซื้อ ก็เสียไปเลยชิล ๆ 100 chf (3,500 บาท) พร้อมโดนเก็บประวัติ 5555 โดนครั้งที่สองก็จะเพิ่มเป็น 200 ตามลำดับ

          2. น้ำ

          น้ำแร่ Evianที่นี่ถูกกว่าที่ไทยนะคะ อิอิ #ปลื้มปริ่ม แต่ก็ต้องดูด้วยนะว่าซื้อที่ไหน 500 ml ประมาณ 0.70 มั้ง นะถ้าจำไม่ผิด (25 บาท) แต่ แต่ แต่ !! ถ้าใครเคยไปต่างประเทศก็จะรู้ว่าน้ำก๊อกที่นี่มันกินได้ เพราะฉะนั้นซื้อ Evian มาขวดหนึ่งเก็บขวดไว้ กรอกเติมกินได้หลายวันจ้า 55555 น้ำก๊อกที่นี่สะอาด ปลอดภัย เพราะงั้นประหยัดไปได้อีกหนึ่งสเต็ปนะคะ จะซื้อน้ำให้ไปซื้อที่ Denner, Migros, หรือ COOP นะคะ ใน Luzern มันจะมีร้านขายขนมปังชื่อ Bachmann มีทุกมุมถนน นักท่องเที่ยวชอบไปซื้อกัน น้ำที่นี่ขายตั้ง 2 chf แหนะ

          3. อาหาร


          เอาแค่นี้ก่อน พอจะเป็นไอเดียได้นะคะว่าถ้าจะอยู่ดีกินดีที่นี่ต้องจ่ายแพงขนาดไหน 555555 การทำอาหารเองจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด โดยที่สวิตฯ เนี่ย ร้านสะดวกซื้อจะมีเพียง 3 แบรนด์ดังเท่านั้น ซึ่งก็คือ COOP, Migros, และ Denner เรียงตามความประหยัด Denner -> Migros -> COOP

          แนะนำว่าถ้าอยากได้อะไรให้วิ่งไป Denner ก่อน แต่เดนเนอร์มันเป็นร้านไม่ใหญ่มาก อาจไม่ได้มีทุกอย่าง เพราะงั้นก็วิ่งไป Migros (มิโกร) ต่อ 555555 สุดท้ายไม่มีจริง ๆ ให้ไป COOP (คนที่นี่อ่านว่า โคป) แต่ แต่ แต่ ! Migros บางอย่างก็แพงกว่า COOP นะ ถ้าอยากช้อปที่เดียวไม่สนงบประมาณก็ COOP เลย

          ส่วนนี่เป็นรูปแผนกช็อกโกแลตที่ Migros ช็อกโกแลตธรรมดาหน่อยก็อันละ 1.25 chf จ๊ะ (คนสวิตฯ กินช็อกโกแลตปีละ 11 กิโลกรัม)


เคล็ดลับของถูก

          เคล็ดลับได้ของถูก ไม่มีอะไรมาก รอเขา Sale 555555 ร้านสะดวกซื้อที่นี่เขาดีอย่างตรงที่ว่า ของสดทุกชนิดจะมีวันหมดอายุบอก บางทีอีก 1-2 วันหมดอายุ เขาก็จะเอาออกมาลดราคา ถ้าอยู่สวิตฯ ตอนบน มันจะแปะว่า Aktion, สวิตฯ ตอนล่าง Action นะจ๊ะ มองหาป้ายสีส้ม ๆ ดูราคาละก็คว้ามาเลย Take Action ซะ 5555 ของสดบางอย่างลดราคาตั้งแต่ 30-70%  เราเคยเจออกไก่ 500 g ลดราคา 70% ซึ่งถูกกว่าอกไก่ 300g ราคาธรรมดาอะ 5555 คว้าทันทีและโยนเข้าฟรีซไปเลย เก็บกินได้อีกหลายวันโดยไม่ต้องสนวันหมดอายุ เพราะจริง ๆ แล้ววันหมดอายุบนแพ็กมันเป็นวันหมดอายุถ้าเอาเข้าช่องธรรมดาหรือวางไว้ข้างนอกนะ

          ของสดราคาประมาณไหน เราไม่ได้ถ่ายรูปมา เพราะไม่คิดว่าจะได้มารีวิว เอาคร่าว ๆ ก็แล้วกันนะคะ

          - ไข่ 1 แผง (15 ฟอง)-3.6 chf

          - นม 1 L31.5 chf (ซื้อ Denner)

          - เบคอนที่ Denner-3 chf

          - ขนมปัง 1 แถว-น้อยกว่า 1 chf

          - ส่วนเนื้อสัตว์ถ้าจะให้ถูกก็ Denner อีกนั้นแหละ แพ็กละ 4-8 chf เนื้อสัตว์ประมาณ 300-500 g ถ้าไปซื้อที่ COOP ไก่ 1 แพ็ก ก็เกือบ 10 chf+++

          ทริคการซื้อเนื้อสัตว์ คือ ถ้าไม่เรื่องมากเจอเนื้อไก่งวงให้ซื้อเนื้อไก่งวง เพราะเนื้อไก่งวงถูกสุด รสชาติไม่ต่างกับไก่ปกติ แถมยังนุ่มกว่าหน่อยด้วย ที่สวิตฯ เนื้อแพงสุด หมูแพงกว่าไก่ ไก่แพงกว่าไก่งวง ส่วนอาหารทะเลแพงเป็นพิเศษ เพราะสวิตฯ ไม่ได้ติดกับทะเลใด ๆ เลย 555

          ด้วยความที่เป็นคนเอเชีย อาหารที่ขาดไม่ได้เลย คือ ข้าว เราเจอข้าวยี่ห้อหงษ์ทองขายใน COOP เท่านั้น น้ำหนัก 4.5 kg ประมาณ 10 chf ถ้ามาอยู่ยาวก็ซื้อเลย คุ้มกว่าไปซื้อที่มันขายเป็นกล่อง กล่องละ 500 g ราคา 3 chf มั้งนะคะถ้าจำไม่ผิด

          สิ่งที่ดีอีกอย่างหนึ่ง ก็คือ ร้านขายของเอเชียชื่อว่าร้าน Shiang Hai ตั้งอยู่ใน Luzern เจ้าของร้านพูดได้ 6 ภาษา ไม่รู้ว่าคนหรือ Talking Dict นะคะ ในร้านนี้เขาจะอิมพอร์ตผัก ของแห้ง ของแช่แข็งมาจากไทยบ้าง เวียดนามบ้าง จีนบ้าง อินโดนีเซียบ้าง เราไปครั้งแรกน้ำตาจิไหล ได้เจอผักบุ้ง ผักคะน้า ต้นหอม ผักชี น้ำปลา น้ำมันหอย น้ำจิ้มสุกี้ มาม่า โอเคเลยอะ ซึ่งจำไม่ได้อีกเช่นกันว่าอะไรเท่าไร 55555 แต่คำนวณแล้วว่าซื้อมาทำเอง ถูกกว่าชัวร์!!! ฟันธง !! #ฟึ่บบบ

          ชีวิตดีขึ้นมากเมื่อเจอร้านเอเชีย ส่วนนี่เป็นรูปอาหารที่เราทำตอนอยู่ที่สวิตฯ นะคะ ต้นทุนซื้อมามันไม่แพงขนาดนั้นเลย ยิ่งเวลาหารสองกินกับเพื่อนอะ อือหือ...เด็ดดวง

          ในกรณีที่ยากลำบากจริง ๆ แบบไม่มีอะไรจะกิน สิ่งที่ช่วยเราได้มากที่สุด คือ Cereal ยี่ห้อ Denner 55555 ราคาประมาณ 2-3 ฟรังก์ แต่กินได้เป็นเดือน

          ออปชั่นที่สอง คือ ขนมปังเนยยี่ห้อ Denner, ชีสแผ่น และแฮม Denner เอาเป็นว่าซื้อเดนเนอร์หมดเลย 5555 ขนมปังเนยขายเป็นก้อน ๆ ใส่แพ็กยาว ๆ มีจำนวน 10 ก้อน ราคาประมาณ 2 chf, ชีส 5-6 แผ่น ราคา 1.95 chf, แฮมเลือกที่ถูกที่สุด ประมาณ 3 chf วิธีกิน คือ เอาขนมปังมาผ่าครึ่ง ใส่ชีส ½ แผ่น กับแฮม ½ แผ่น จะกินแบบนี้เลยหรือจะเข้าเวฟ อุ่นอะไรก็ได้ รวมแล้วจะได้แซนด์วิชแฮมชีสหอมเนย 10 ชิ้น ในราคา 7 chf แบ่งกินมื้อละ 2-3 ชิ้น ช่วยชีวิตยามยากได้อย่างดีเยี่ยม 5555

          สรุปแล้วลองจำกัดค่าใช้จ่ายในแต่ละวันให้ตัวเองดูนะคะ เช่น ห้ามใช้เกินวันละ 20 chf, 15 chf บางวันเราไม่ได้ใช้เลยสักฟรังก์ เพราะว่าอาหารเต็มตู้และก็ไม่ได้ออกไปไหน

          ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับการรีวิวกินอยู่อย่างประหยัด ไม่รู้ว่าจะช่วยอะไรใครได้ไหม =_= แต่มีอะไรก็สามารถถามได้นะคะ ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ

          รีวิวครั้งหน้าคาดว่าจะเป็นเรื่องประสบการณ์ที่ได้ไปเที่ยวในที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Zurich Zoo, สวนน้ำ Aqua Parc Bouveret, สวนสนุก Europa Park ที่เยอรมนี, Mt. Pilatus แห่ง Luzern, น้ำตก Rhine Fall, วัดไทย และอื่น ๆ สำหรับวันนี้ ขอบคุณค่า >_<

          ยังไงก็หวังว่ากระทู้นี้จะช่วยได้ไม่มากก็น้อยนะคะ

          อ้างอิงตาม : http://www.movehub.com/blog/living-costs-world-map นะคะ