ภูลมโล จ.เลย
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณคาเฟอีน สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
นอกจากดอยอ่างขาง ขุนช่างเคี่ยน หรือดอยอินทนนท์ ฯลฯ แล้ว ยังมีสถานที่ชมดอกนางพญาเสือโคร่งผลิดอกสีชมพูหวานอยู่อีกนะ นั่นก็คือ ภูลมโล จังหวัดเลย ซึ่งถือได้ว่ามีดอกนางพญาเสือโคร่งมากที่สุดในเมืองไทยเลยทีเดียว นั่นแน่ ! อยากไปชมความงามแสนหวาน ณ ภูลมโล กันแล้วใช่ไหมล่ะ ถ้าอย่างนั้นก็ตามบันทึกการเดินทางของ คุณคาเฟอีน สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม หลังจากได้ไปเยือนถิ่นเสือ (สีชมพู ^^) พร้อมกับนำประสบการณ์ที่ได้พบเจอ มีทั้งความสวยงาม ความตื่นเต้น และมิตรภาพระหว่างทาง...มาให้เราได้ชมกันค่ะ
และเห็นว่าไม่ใกล้ ไม่ไกลแบบนี้ คงไปได้สบาย ๆ เป็นแน่แท้ใช่ไหมครับ 5555....แต่ตัวผมไม่มีรถยนต์ขับ มีแต่น้องเขียว wave R 125 ที่อยู่ด้วยกันมาเกือบ 10 ปีแล้วเท่านั้น เพราะฉะนั้นไปไหนไปกันอยู่แล้วครับ เมื่อตั้งจุดหมายเรียบร้อยแล้วก็เก็บข้าวเก็บของเลย ไปแบบนี้ลุย ๆ คนเดียวแบบนี้ ไม่ต้องเอาอะไรไปมากมาย มีกล้องคู่ใจ ขาตั้งกล้อง ของใช้นิดหน่อย....ส่วนน้ำท่าก็อาบเฉพาะใบหน้าก็แล้วกัน O_o
เช้ามาก็ออกเดินทางเลยครับ ออกตั้งแต่ประมาณ 7 โมงกว่า ๆ บรรยากาศระหว่างทางนี่เย็น ๆ สบาย ๆ มาก ถนนจากพิษณุโลกไปถึงเขาค้อนี่ขับสนุกเลยทีเดียว ได้เห็นภูเขาสวย ๆ เส้นทางที่ขึ้น ๆ ลง ๆ ได้อารมณ์ความสนุกของการเดินทางไปเต็ม ๆ จะมาลำบากเอาตรงช่วงที่จากเขาค้อขึ้นไปทับเบิกนี่แหละครับ ปีนกันสุดฤทธิ์ !!!! ระหว่างที่ขี่น้องเขียวมาพี่ ๆ บิ๊กไบค์นี่ก็ขี่ผ่านกันไปหลายคัน แต่เห็นน้องเขียวผมแล้วถึงขั้นเหลียวหลังกับมามองกันเป็นแถว
พอขึ้นไปถึงก็พักสักนิดเกือบ 11 โมงแล้วครับ พี่ที่ขี่บิ๊กไบค์ถึงกับเดินมาถามน้องมาจากไหนครับ ใจมากเลยพาเวฟขึ้นมาถึงที่นี่ ผมก็แอบขี้โม้ไปนิดหนึ่งว่า "ของแบบนี้มันอยู่ที่ใจครับพี่" ช่างกล้า 555555
จะให้หายเหนื่อยทั้งทีก็ต้องเก็บภาพของเส้นทางที่ฝ่าด่านอรหันต์ขึ้นมากันไว้สักหน่อย กดชัตเตอร์ไปก็นึกได้ใจระห่ำใช่ย่อยเหมือนกันนะ ขึ้นมาได้ทั้งชัน ทั้งโค้งแบบนี้ = =
นั่งพักสูดบรรยากาศสักแป๊บก็ออกรถลุยต่อเลยครับ ยังไม่ถึงไม่ถึงจุดหมายของเราอีก ดูเมื่อไม่ไกลอีกแค่ 30 กว่ากิโลเมตรเอง....แต่มันจะเป็นแบบนั้นจริง ๆ หรือเปล่านะ
พอเริ่มออกเดินทางต่อช่วงที่สองนี่ ทางเริ่มจะยกระดับความมันขึ้นแล้ว เริ่มด้วยจากผ่านจุดเก็บค่าบริการของ อช.ร่องกล้า เข้าไปนิดหน่อย เส้นทางก็เป็นทางที่กำลังเริ่มลาดยางปรับปรุงถนนใหม่เลยทีเดียว กำลังดำ ๆ เหนียว ๆ เชียว สักประมาณ 2-3 กิโลเมตรได้ เลยมานิดหนึ่งก็เป็นถนนลาดยางปกติ....แต่แหมหลอกให้เราดีใจ เพราะหลังจากนั้นก็เป็นถนนที่เต็มไปด้วยหลุม บ่อเล็ก ๆ ตลอดทางเลยทีเดียวล่ะ = = เล่นเอาหลบซ้ายหลบขวาสนุกเชียว ก็ใช้เวลาไม่นานมากเท่าไรครับ จากจุดชมวิวภูทับเบิกเข้ามาถึงหมู่บ้านที่เป็นทางขึ้นของภูลมโล เนื่องจากเป็นวันหยุดนักท่องเที่ยวจากทุกภาคของประเทศไทยก็ว่าได้ ที่ผมเห็นป้ายผ่านไปมุ่งหน้าไปจุดหมายเดียวกัน สิ่งที่เห็นหลังจากเข้ามาในหมู่บ้าน คือ ทุกคนที่เดินทางมาด้วยรถส่วนตัวทั้งหลาย ลงจากรถและรอขึ้นรถปิกอัพของชาวบ้านเพื่อที่จะเข้าไปชมดอกนางพญาเสือโคร่งกันเป็นส่วนใหญ่ เกือบจะทั้งหมดก็ว่าได้ ยกเว้นที่เอารถยนต์ที่ลุยปีนเขาได้มากันถึงเข้าไปเอง
(เครดิตพี่ตอย fb. Pakpum Sriprathom)
เมื่อเห็นทางที่อยู่ข้างหน้าผมก็คิดในใจที่แค่ทางขึ้นนะเนี่ย - - เอาไงดีวะตู.... แต่ไหน ๆ ก็ไหน ๆ ละลุยมาถึงขนาดนี้แล้ว ทับเบิกยังปีนขึ้นมาได้เลย ลุยต่อสิอีกแค่ 4 กว่ากิโลเมตรเองนะ เมื่อจอดช่างใจอยู่สักพักก็ลุยเลยครับ เป็นไงเป็นกัน 555
ตลอดระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตรกว่านี่ฝุ่นครับพี่น้อง ฝุ่นตลอดทางเลยทีเดียว นอกจากนี้ทางก็ขึ้น ๆ ลง ๆ สลับกันเป็นช่วง แล้วพื้นผิวถนนไม่ต้องพูดถึงนะครับ พี่ ๆ ออฟโรดนี่คงชอบกัน ผมนี่สั่นตามโช้คน้องเขียวผมเลย 555 แต่ก็สู้ไม่ถอยครับ พอพ้นแนวเข้าออกมาได้ภาพที่เห็นตรงหน้านี่มันคุ้มอย่าบอกใครเลย ภูเขาเป็นลูก ๆ อบอวลไปด้วยสีชมพูเลยครับ เล่นเอาหายเหนื่อยเลยละงานนี้ ไม่เสียแรงที่บากบั่นลุยมาถึงที่นี่ครับ ^_^
เล่นเอาเลือกไม่ถูกเลยทีเดียวจะไปแวะตรงไหนก่อนดี ทีแรกผมเห็นรถเขาจอดเยอะ ๆ ผมก็ไปจอดตาม แต่เห็นชาวบ้านที่ขับรถส่งนักท่องเที่ยวบอกว่าถ้าเข้าไปข้างในสุดจะมองมุมสองได้ง่ายกว่า เจ้าของพื้นที่เขาว่าอย่างนั้นผมก็ไปตามเขาว่าแหละครับ คงไม่ต้องบรรยายมากมายนะครับว่าฟินกับภูเขาสีชมพูขนาดไหน ให้ภาพนี้บอกอารมณ์ที่เห็นไปเลยละกัน
จากในรูปเห็นอะไรไหมครับ O_O มีน้องเขียวผมที่จอดอยู่ท่ามกลางเหล่ารถปิกอัพของชาวบ้าน แอบเขินเบา ๆ ตอนที่จอดรถแล้วมีแต่คนมอง จำนวนนักท่องเที่ยวก็เยอะเลยทีเดียวครับ
ก็ใช้เวลาในการเดินขึ้นเขาไปเกือบ 20 นาที แต่ขึ้นไปแล้วแม้จะไม่ได้เห็นท็อปวิวของเขาสีชมพูทั้งหมดก็ไม่เป็นไรครับ เพราะส่วนของผานั้นยื่นไปอีกฝั่งที่เป็นพื้นที่อีกฝั่งอยู่ด้านล่าง แล้วท้องฟ้าวันนั้นก็สวยมาก ขนาดยามเที่ยงตรง ให้ความรู้สึกเหมือนยืนอยู่บนเส้นขอบฟ้าเลยครับ : ]
ระหว่างที่เดินลงมาจากภูลมโลบริเวณทางขึ้นที่ผมถ่ายรูปข้างบนนั้นแหละครับ ก็มีพี่คนหนึ่งบอกว่ากำลังจะเดินขึ้นไปเหมือนกัน แต่คงไปได้ไม่ถึงเพราะคนที่มาในรถด้วยกันไม่ได้ขึ้นมาด้วย แล้วรถก็กำลังจะออกแล้ว เลยเดินลงมาพร้อม ๆ กัน ก็ถามไถ่กันตามประสาคนชอบท่องเที่ยวด้วยกันแหละครับ แต่พี่แกตื่นเต้นเลยทีเดียวเมื่อถามว่า "มาที่นี่ยังไง" บวกกับผมมาถึงที่รถพอดีผมก็เลยบอกไปว่า "ผมมารถส่วนตัว...เนี่ยรถส่วนตัวผม" 5555 ถึงกับถ่ายรูปเก็บไว้เลยว่าไอ้น้องนี้ช่างกล้าลุยขึ้นมา....ผมแซวเล่นนะครับ พี่ตอย แล้วก็ขอบคุณสำหรับรูปครับ ผมคงจะไม่มีรูปตัวเองตลอดทริปถ้าไม่มีพี่กดไว้ให้ : ]
(เครดิตพี่ตอย fb. Pakpum Sriprathom)
พอลงมาถึงรถแล้วต่อไป ก็ได้เวลาลุยดงเสือให้เสือกัดกันแล้วครับ เนื่องด้วยผมเอารถลุยขึ้นไปเองก็เลยเป็นเรื่องง่าย ที่อยากจะแวะตรงไหน มุมไหนก็ตามสบาย ตามสะดวกกันเลย
เอาหน้ายื่นไปใกล้ ๆ ให้เสือตบมั่ง โอ๊ย !! : p
หรือจะให้เสือกระโดดบังแสงอาทิตย์ส่อง
ให้เสือเรียงแถวมั่งดีกว่า....
หรือจะให้เสือกระโดดบังแสงอาทิตย์ส่อง
ให้เสือเรียงแถวมั่งดีกว่า....
พาเพื่อนคู่ใจมาด้วยทั้งที่จะเก็บแต่นางพญาเสือโคร่งอย่างเดียวก็กระไรอยู่เดี๋ยว เพื่อนที่ลุยมาด้วยกันจะน้อยใจ....น้องเขียวกับพี่เสือ
เมื่อเต็มอิ่มจุใจกับการลุยดงเสือแล้วก็ได้เวลาออกเดินทางต่อครับ ไหน ๆ ขึ้นมาถึงนี่ทั้งที่ก็เที่ยวให้มันทั่วไปเลย ก่อนออกจากหุบเขาสีชมพูก็ทิ้งท้ายกันไว้สักหน่อย
ช่วงเวลาที่ผมออกมาจากภูลมโลก็บ่ายสองกว่า ๆ แล้วครับ จุดหมายต่อไปก็ไม่ไกลจากภูลมโล ออกมาแค่นิดหน่อย ก็คือ โรงเรียนการเมืองการทหาร ในส่วนของ อช.ภูหินร่องกล้า ที่มีภาพตระการตาของใบเมเปิลสีแดงสดร่วงโรยอยู่ท่ามกลางของอดีตหมู่ของ ผกค. ที่มีพี่ ๆ ช่างภาพเก็บไปให้เห็นอาทิตย์ก่อนที่ผมออกเดินทาง ไอ้เราก็อยากจะได้เก็บไว้มั่งสักกะหน่อย ถึงจะถ่ายได้ไม่สวยเหมือนเขาก็เถอะ 555 ก็เป็นที่น่าเสียดายหน่อยครับเพราะช่วงที่ผมไปใบเมเปิลเริ่มซีดกันไปหมดละ แต่ก็ยังพอหามุมที่จะเก็บไว้เป็นที่ระลึกของตัวเองได้บ้างเหมือนกัน
เข้าไปเก็บบรรยากาศใกล้ ๆ กันมั่ง
ก็ใช้เวลาอยู่ตรงนั้นสักพักเลยครับ แต่ด้วยความที่หิวเหลือเกิน เนื่องจากตั้งแต่เช้ามากินข้าวไปเมื่อตอนเช้า ๆ เลย นี่ก็บ่ายแก่ ๆ แล้ว หน้ามืดเลยครับ ตรงนั้นมีที่ขายพืชผลของชาวบ้านอยู่ ก็มีผัก ผลไม้ ขนมขายด้วย ผมนี่หน้ามืดคว้าเลย ทั้งขนมเอย ไข่ปิ้งเอย ยัด ๆ ลงไป 5555 สนุกไปอีกแบบเหมือนกันกับการเที่ยวแบบนี้ ต้องลองครับ ไม่ลองไม่รู้ O_o
หลังจากนั้นผมก็ย้อนออกมาตามเส้นทางเดิมที่ผมเข้าไปครับ ออกมาจนถึงภูทับเบิกก็แวะขึ้นไปเก็บภาพมุมสูงของเส้นทางที่ชันและคดเคี้ยวที่ผ่านขึ้นมาได้บริเวณภูแผงม้า ทางขึ้นก็อยู่เลยทางเข้าของ อช.ร่องกล้า มานิดหน่อยครับ อยู่ฝั่งซ้ายมือ ขึ้นไปประมาณ 1.5 กิโลเมตร แต่ทางอาจจะชันสักหน่อยแล้วก็เป็นทางดิน แต่สำหรับผมไม่เป็นปัญหาครับลุยลูกเดียว : ]
ช่วงเวลานั้นก็สี่โมงกว่า ๆ แล้วครับ ด้วยที่ผมไม่ได้จองที่พักหรือติดเต็นท์มาด้วย กะว่าจะไปนอนที่ อช.ทุ่งแสลงหลวง ที่เป็นพื้นที่สะวันนา ถ่ายบรรยากาศยามเช้าของหมอกท่ามกลางทุ่งหญ้าซะหน่อย แต่ก็ไม่แน่ใจว่าทางเข้ามันอยู่ฝั่งด้านตำบลหนองแม่นาที่เลยผ่านเขาค้อเข้าไป หรืออยู่ด้านทางฝั่งของทางขึ้นมาจากสามแยกบ้านแยง ผมนี่ก็วัดดวงเอาครับ ด้วยความที่ลงมาจากทับเบิกมาถึงเขาค้อก็เกือบๆ หกโมงละ ดวงอาทิตย์ก็กำลังลาไปซะแล้ว ผมเลยตัดสินใจไปขึ้นทางด้าน อช.ทุ่งแสลงหลวง ฝั่งทางขึ้นบ้านแยง แหะ ๆๆ แน่นอนครับว่าผิดกับที่ตั้งใจไว้ แต่ไม่เป็นไรในความไม่ตั้งใจนั้นก็มีอะไรดี ๆ รอเราอยู่
ก็เป็นข้อมูลไว้นะครับเผื่อจะมีใครหลงเหมือนผม 5555 เพราะ อช.ทุ่งแสลงหลวง ค่อนข้างใหญ่กินพื้นที่ 720,000 ไร่ จึงไม่แปลกถ้าจะเข้าได้หลายทางและพื้นที่ต่างกัน
ผมมาถึง อช.ทุ่งแสลงหลวง ก็หกโมงกว่าแล้วครับ มืดเลยทีเดียว แล้วก็สอบถามเจ้าหน้าที่ว่ามีที่ให้เช่ากางเต็นท์นอนไหม ? เจ้าหน้าที่ก็บอกว่ามีครับอยู่ข้างลำน้ำเข็กลงไปอีกประมาณ 3 กิโลเมตร พี่จะลงไปเหรอมันมืดนะ ! แหมมาถึงขนาดนี้แล้วถึงจะรู้ว่าผิดกับที่ตั้งใจไว้ตอนแรกก็ไม่เป็นไร ไหน ๆ ออกมาลุยทั้งทีก็ให้มันสุดไปเลย แต่อี 3 กิโลเมตร ที่ลงไปนี่มืดจริงครับ ถึงจะยังมีแสงอาทิตย์หลงเหลืออยู่บ้างก็ทำเอาผมหวิว ๆ อยู่เหมือนกันกับเส้นทางที่ขรุขระแล้วก็เป็นป่าสองข้างทาง
อันนี้เป็นตอนเช้าที่ถ่ายเก็บไว้ผิดกับตอนค่ำลิบลับ 555
พอมาถึงริมน้ำเข็กบริเวณจุดกางเต็นท์ก็มีนักท่องเที่ยวหลายเหมือนกันครับ ฝั่งตรงข้ามของลำน้ำก็เป็นบ้านพักก็มีนักท่องเที่ยวมาพักเช่นกัน แต่ที่สำคัญ คือ ตอนนี้ผมต้องติดต่อเช่าเต็นท์กับเจ้าหน้าที่ก่อนจะค่ำไปกว่านี้....แต่หาเจ้าหน้าที่ไม่เจอ ไปติดต่อที่บ้านพักก็ไม่เห็น คิดในใจ "...ซวยแล้วไง คืนนี้นอนหนาวแน่เอ็ง" แต่สัญชาตญาณการเอาตัวรอดมันบอกว่าต้องถามคนที่เขากางเต็นท์พักผ่อนกันเรียบร้อย ว่าเห็นเจ้าหน้าที่บ้างไหม เป็นความโชคดีของผมครับที่ได้ถามกับครอบครัวนี้ที่มาเที่ยวจากกรุงเทพฯ กัน ผ่านน้ำหนาวแล้วก็มาแวะที่นี่ต่อ ถึงจะบอกว่าไม่เห็นเจ้าหน้าที่แต่ก็สอบถามผมว่าได้เต็นท์ที่พักหรือยัง เขายังมีเหลืออีกอันนะ มีถุงนอนให้ยืมด้วย....ผมนี่น้ำตาจะไหลเลยทีเดียว ขอบคุณจนไม่รู้จะขอบคุณยังไงดี ไม่อย่างนั้นนอนหนาวแน่คืนนี้
ขอบคุณมาก ๆ ครับสำหรับน้ำใจของครอบครัวจากโรงพยาบาลพระมงกุฎท่านนี้
สำหรับ อช.ทุ่งแสลงหลวง ฝั่งลำน้ำเข็กนี้ บรรยากาศริมน้ำหลังจากได้ที่นอนก็ให้ความรู้สึกถึงธรรมชาติเป็นอย่างดีเลยล่ะครับ แต่อากาศนี้เย็นค่อนไปทางหนาวเลยทีเดียว แล้วก็ที่ข้างล่างนี่เขาปั่นไฟใช้ครับ 4 ทุ่มนี้จะปิดไฟหมดแล้ว เรื่องน้ำท่านี้ก็อย่างที่บอกครับ เอาหน้าอาบแทนพอ 5555 ก่อนนอนก็เก็บดาวให้นอนฝันดีหน่อยละกัน เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว
ตื่นแต่เช้ามาบรรยากาศริมน้ำดีมากเลยครับ อากาศเย็น ๆ มีไอน้ำจาง ๆ ลอยขึ้นมาเหนือลำน้ำเข็กที่ไหลผ่านหน้าเต็นท์ที่พัก แม้จะไม่ได้เห็นหมอกท่ามกลางทุ่งสะวันนายามเช้า แต่แบบนี้ก็ดีไปอีกแบบเหมือนกัน...
เมื่อเริ่มมีแสงแดดสาดส่องลงมายังพื้นน้ำ เมื่อเวลาผ่านไปอีกสักหน่อยภาพที่เห็นตรงหน้านี้ทำเอาผมยิ้มอย่างมีความสุขเลยละครับ กับบรรยากาศย้อนแสงแล้วเห็นไอน้ำมากมายลอยขึ้นเหนือน้ำ และแสงสีต่าง ๆ ที่กระทบใบไม้และสะท้อนออกมา...ฟินอย่าบอกใครเลยเชียว ^^
การออกเดินทางแบบลุย ๆ กับรถคู่ใจ ในหนึ่งวันหนึ่งคืน เนี่ยเป็นประสบการณ์ที่รวบรวมหลากหลายอารมณ์เข้าไว้ด้วยกัน ทั้งลุยไปกับเส้นทางทั้งที่สวยงาม ยางมะตอยมั่ง ฝุ่นมั่ง ความสวยงามของธรรมชาติ ทั้งดอกนางพญาเสือโคร่งเป้าหมายหลักของการออกเดินทาง และยังรวมถึงป่าเขา ลำน้ำ นอกจากนี้ที่สำคัญ คือ มิตรภาพในระหว่างการเดินทาง ทำให้การเดินทางครั้งคุ้มค่ากับการตัดสินใจออกลุยไปเป็นที่สุด...."มันอยู่ที่ใจของเรา ไม่ว่าจะใกล้จะไกลแค่ไหนถ้าหัวใจร่ำร้องให้ออกเดินทาง แม้ผลลัพธ์อาจจะไม่ได้เป็นเหมือนที่ตั้งใจทั้งหมด ยังไงต้องมีสิ่งดี ๆ รออยู่แน่นอน" ไว้ติดตามกันต่อไปในทริปหน้าครับ......ขอบคุณผู้อ่านทุกท่าน : ]