โบราโบร่า เกาะที่ได้ชื่อว่าสวยติดอันดับต้น ๆ ของโลก
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ MedicinePath สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
หากให้นึกถึงทะเลที่สวยน่าประทับใจที่สุดในโลก ชื่อของ "เกาะโบราโบร่า" (Bora Bora Island) คงอยู่ในลิสต์อันดับต้น ๆ อย่างแน่นอน...จริงไหม ด้วยความงดงามของน้ำทะเลใสแจ๋วน่าแหวกว่ายและหาดทรายขาวนวลเนียนละเอียดละออ โดยเกาะโบราโบร่าเป็นหมู่เกาะแห่งหนึ่งในมหาสมุทรแปซิฟิกทางตอนใต้ อยู่ในเขตพื้นที่ของเฟรนช์โปลินีเซียในดินแดนของฝรั่งเศส และเป็นหนึ่งในหมู่เกาะโซไซตี มีขนาดพื้นที่กว้างประมาณ 20 ไมล์ หรือประมาณ 32 กิโลเมตรโดยประมาณ ลักษณะของเกาะจะมีเกาะกลางเป็นหลักและมีเกาะเล็กเกาะน้อยรายล้อม ซึ่งปัจจุบันนี้มีบังกะโลและรีสอร์ทตั้งอยู่บนเกาะเล็กเกาะน้อยเหล่านี้จำนวนมาก เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวผู้มาเยือนหมู่เกาะสวรรค์แห่งนี้ (ดูเพิ่มเติมได้ที่ เที่ยวเกาะโบราโบร่า ทะเลสวรรค์ที่ชีวิตนี้ต้องไปเยือน)
นั่นแน่ ! เริ่มอยากไปสัมผัสกับความงามของเกาะโบราโบร่าด้วยตัวเองแล้วล่ะสิ เอาเป็นว่าลองไปชมบันทึกการเดินทางของ คุณ MedicinePath สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ไปเที่ยวเกาะโบราโบร่ากันก่อนดีกว่า เพราะได้มีโอกาสไปเยือนและถ่ายทอดประสบการณ์ต่าง ๆ มาให้พวกเราได้รู้กัน เผื่อจะเป็นข้อมูลดี ๆ ในการวางแผนตามรอยไปเที่ยวเกาะสวรรค์แห่งนี้กันจ้า
++++++++++++++++++++
สวัสดีครับเพื่อน ๆ ชาวพันทิป ผมมารีวิวโบราโบร่าให้ตามสัญญาแล้ว กลับมาได้เกือบสองอาทิตย์แล้วครับ อาทิตย์ก่อนรีบย่อรูปไว้ วันนี้ได้เวลาพาไปเที่ยวกันแล้ว ใครสงสัยรายละเอียดตรงไหนทิ้งคำถามไว้เลยนะครับ ถามในคอมเม้นท์ได้เลย เดี๋ยวผมย้อนกลับมาตอบให้ เพื่อน ๆ คนอื่นจะได้ข้อมูลไปด้วยจริง ๆ ทริปนี้ผมไป 20 วัน หลัก ๆ ก็มีญี่ปุ่นกับ French Polynesia ที่เหลือเป็นการเปลี่ยนเครื่องสั้น ๆ วันเดียวที่เซี่ยงไฮ โอ๊คแลนด์ ซิดนีย์ มีโอกาสได้ใช้บริการของหลายสายการบินเลย ANA, Air New Zealand, Thai airway การบริการในชั้นธุรกิจน่าประทับใจมาก ๆ โดยเฉพาะแอร์นิวซีแลนด์ ผมประทับใจมาก และชั้นประหยัดของ Air Tahiti เป็นเครื่องบินแบบใบพัด ผมขออนุญาตไม่รีวิวสายการบินละกันนะครับ ไม่ถนัดและถ่ายรูปมาไม่ค่อยเยอะเท่าไร ส่วนใหญ่จะเป็นรูปวิวจากหน้าต่างเครื่องบินมากกว่า
ทริปญี่ปุ่นก็เป็นทริปล่านั่งชินคันเซน กับทริปกินและแช่ (ออนเซน) ไว้ว่าง ๆ จะเอารูปเซตล่าสุดของชินคันเซนมาให้ชมกัน
French polynesia ผมไปมาสี่เกาะ ขับรถเที่ยวทุกเกาะ มีนอนทั้งโรงแรมโลคอล บูติกโฮเทล วิลล่าริมสระน้ำ และบังกะโลเหนือน้ำ ไว้จะกล่าวถึงรายละเอียดแต่ละที่เท่าที่พอควร ใครสนใจตามไปก็ถามเพิ่มได้ครับ
ไปสี่เกาะ แต่ขอเน้นโบราโบร่าเป็นหลัก เพราะคิดว่าเพื่อนน่าจะสนใจที่นี่มากที่สุด ไปอย่างไร เที่ยวอย่างไร นอนที่ไหน แพงไหม
เช่นเคย...ผมไม่ค่อยได้พิมพ์ไว้ก่อนรีวิว ฉะนั้นเวลาเล่าไปอาจจะวกไปวนมาบ้าง ขออภัยด้วยนะครับ รูปถ่ายด้วยกล้องสองตัว คือ โซนี่ A7R กับ Nikon D4 ผมจับรูปมายัดรวมกัน แล้วพยายามเรียงตามทามไลท์ คือ จำไม่ได้ว่ารูปนี้จากกล้องตัวไหน ส่วนใหญ่รูป A7R เป็นไฟล์ Jpeg ส่วน Nikon เป็นไฟล์ RAW ที่โปรเซสด้วย light room ไฟล์รูปค่อนข้างใหญ่ครับ ผมมีปัญหาในการย่อเช่นเคย คืออยากได้รูปขนาดใหญ่ไฟล์ก็จะเกินขนาด พอลดขนาดไฟล์รูปมันจะแตก ๆ เอาเป็นว่าพอดูได้ครับ แต่อยากให้เพื่อน ๆ ไปเห็นด้วยตามากกว่า ผมคงถ่ายทอดผ่านรูปภาพได้ไม่หมด...พร้อมแล้วไปกันเลยครับ
เริ่มแรกเลยจะไม่กล่าวก็ไม่ได้ หลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อโบราโบร่ามานาน หรืออาจจะเคยเห็นรูปเกาะวงแหวน แต่ว่าไม่รู้ว่ามันอยู่ตรงไหนของโลก มันคือเกาะที่เป็นส่วนหนึ่งของประเทศ French Polynesia เอ๊ะ ! ชื่อก็บอกละว่ามีความสัมพันธ์กับฝรั่งเศส ใช่แล้วครับประเทศนี้อยู่ภายใต้ธงฝรั่งเศส มันคือดินแดนโพ้นทะเล CTOM (French Territorial Overseas Communities) ซึ่งก่อนไปเราต้องไปขอวีซ่าฝรั่งเศส
รายละเอียดตามนี้เลยครับ https://www.tlscontact.com/th2fr/help.php?id=def_DOM_TOM_CTOM
ยื่นผ่าน Tlscontact ค่าธรรมเนียมวีซ่า 9 ยูโร แต่ไม่รวมค่าบริการ TLScontact นะครับ เอกสารการยื่น เหมือนวีซ่าเชงเก้นเลยครับ ยื่นได้ก่อนเดินทางไม่เกิน 90 วัน ผ่านยากหรือง่าย...ของผมใช้เวลาหนึ่งวันก็อนุมัติแล้วครับ ส่งมาอีกสองวันรวมเวลาสามวัน แต่เพื่อนผมใช้เวลาเกือบสองอาทิตย์แต่ผ่านหมดทุกคน อันนี้ผมสรุปเองว่าน่าจะง่าย
เกาะแห่งนี้โดดเด่นตรงที่มีเกาะหลักอยู่ตรงกลางและมีวงแหวนอยู่รอบนอกหรือเขาเรียกว่าโมตู ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงแรมดัง ๆ มากมาย ระหว่างเกาะหลักกับวงแหวนจะมีทะเลในหรือลากูน ที่มีน้ำใส สีเขียว สีฟ้าแล้วแต่ความลึกของน้ำ รวมไปถึงแสงที่ส่องทำองศาด้วย อันนี้คือความโดดเด่นที่ทำให้โบราโบร่าโด่งดังครับ
เนื่องจาก French Polynesia อยู่ในเขตแปซิฟิกใต้ หรือ Oceanic ทำให้การเดินทางจากไทยมาต้องเปลี่ยนเครื่อง อย่างน้อย ๆ ต้องเปลี่ยนหนึ่งครั้งจากกรุงเทพฯ ครับ เส้นทางที่แนะนำ คือ กรุงเทพฯ-โอ๊คแลนด์นิวซีแลนด์ แล้วต่อเครื่องโอ๊คแลนด์ ไป Papeete ซึ่งเป็นสนามบินหลักของ Tahiti (ตาฮิติคือเกาะใหญ่ที่สุดของประเทศ เป็นที่ตั้งของเมืองหลวงชื่อ Papeete) โค้ดสนามบินคือ PPT การเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปโอ๊คแลนด์บินตรงไม่เปลี่ยนเครื่องเลยก็ต้องสายการบินไทยครับ บินกัน 11-12 ชั่วโมง ราคาชั้นประหยัดประมาณสี่หมื่นต้น ๆ ส่วนการเดินทางจากโอ๊คแลนด์ไปยัง Papeete นั้น มีสายการบินแอร์นิวซีแลนด์ให้บริการ บินกันประมาณ 6 ชั่วโมง (ไกลใช่เล่นเลยนะครับ) ราคาชั้นประหยัดประมาณสามหมื่นบาท (คือเขาบินรูทนี้อยู่เจ้าเดียว ราคาโหดมากครับ) ส่วนการบินภายในประเทศระหว่างเกาะนั้นมีสายการบิน แอร์ ตาฮิติให้บริการ ซึ่งค่าตั๋วมีหลายราคามาก บินไปกลับ Papeete Borabora ประมาณแปดพันบาท รวมแล้ว ค่าเดินทางประมาณแปดหมื่นบาทในชั้นประหยัด บินสามตุ๊บ แต่อย่าพึ่งถอดใจครับ เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังว่าทำยังไงถึงบินได้ถูกกว่านี้
แผนที่ French Polynesia จากแผนที่โลก
แผนที่โบราโบร่าด้านขวามือ แสดงเกาะหลักตรงกลางและเกาะวงแหวนหรือโมตูโดยรอบครับ สนามบินอยู่บนโมตูทางด้านมุมบน
อย่างที่เล่าด้านบนว่าการบินจากกรุงเทพฯ ไปยังเกาะหลักตาฮิตินั้น ต้องบินอย่างน้อยสองตุ๊บ สายการบินไทยและแอร์นิวซีแลนด์เป็นกลุ่มพันธมิตรแห่งดาวครับผม แต่การซื้อตั๋วกับเจ้าใดเจ้าหนึ่งแบบโค้ดแชร์นั้นแพงแบบน่าใจหายมากครับ (หลักแสน) ฉะนั้นตัดออกไป ซื้อแยกก็จะได้ราคาตามที่ผมบอกด้านบนคือประมาณเจ็ดหมื่นบาทไปแล้ว ผมเสนอให้แลกไมล์ครับ แต่การแลกไมล์ด้วยไมล์ของการบินไทยนั้นทำได้ค่อนข้างยาก เหมือนที่เรารู้ ๆ กันว่าต้องทำผ่านเจ้าหน้าที่ แต่ถ้าใครมีไมล์และเวลาค่อนข้างยืดหยุ่น วางแผนนาน ๆ ลองแลกดูครับ ทุ่นค่าใช้จ่ายได้เยอะ ใครที่มีไมล์ของ United Airline อันนี้สบายเลยครับ ผมแนะนำให้แลกใช้ไมล์แค่ 45,000 ไมล์ กับค่าธรรมเนียมประมาณ 50-60 ดอลลาร์เท่านั้นในชั้นประหยัด
ส่วนใครไม่มีไมล์ของ United Airline ก็อย่าพึ่งหมดหวังครับ เจ้านี้เขามีการขายไมล์ลดราคาทุก ๆ ปี ถ้าผมจำไม่ผิดไมล์หนึ่งประมาณ 90 สตางค์ ฉะนั้นคิดคร่าว ๆ ถ้าซื้อไมล์ช่วงที่เจ้านี้เขาลด 45,000 ไมล์ รวมกับค่าธรรมเนียมแลกตั๋ว ตีเป็นกลม ๆ ค่าใช้จ่ายประมาณ 45,000 บาท (แพงกว่าตั๋วชั้นประหยัดการบินไทยไป โอ๊คแลนด์นิดเดียว รูทนี้ขายประมาณ 41,000-44,000 บาท) แต่ราคา 45,000 บาท ถ้าซื้อไมล์แล้วแลกจาก United ได้ตั๋วกรุงเทพฯ-โอ๊คแลนด์ (ด้วยการบินไทย) และโอ๊คแลนด์ไปตาฮิติ (ด้วยแอร์นิวซีแลนด์) เห็นไหมครับคุ้มกว่าเห็น ๆ
อันนี้น่าจะเป็นช้อยส์ที่ถูกสุดแล้วสำหรับการไปที่นี่ (ยังไงก็ถูกกว่าซื้อตั๋วแยกแน่นอนครับ) หรืออาจจะหาทางบินไปโอ๊คแลนด์ด้วยสายการบินอื่นแต่แวะเปลี่ยนเครื่อง เช่น Jetstar ของออสเตรเลียถ้าได้โปรโมชั่นดี ๆ (แต่ก็ต้องจ่ายให้กับแอร์นิวซีแลนด์อีกประมาณ 30,000 บาท จากโอ๊คแลนด์ไปตาฮิติอยู่ดี ฉะนั้นผมว่าการแลกไมล์โดยตรงกับ United คุ้มที่สุดครับ)
ส่วนการบินภายในประเทศ French Polynesia นั้น เนื่องจากประเทศเขาเป็นหมู่เกาะ แบ่งออกเป็นโซน ๆ อยู่ห่างกันกระจัดกระจายยาวกว่าสองพันกิโลเมตร กับ 118 เกาะ มีคนอยู่อาศัยอยู่แค่ 67 เกาะ แบ่งเกาะออกเป็น 5 กลุ่ม ประชาชนทั้งประเทศมีไม่ถึงสามแสนคน และหมู่เกาะที่มีคนอาศัยอยู่หนาแน่นที่สุดเรียกว่า Society Islands Tahiti Borabora อยู่ในกลุ่มนี้
แอร์ตาฮิติให้บริการเครื่องบินใบพัด ATR ครับ และข่าวดีคือเขามีตั๋วสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเที่ยวหลาย ๆ เกาะด้วย ที่นิยมที่สุดเรียกว่า Bora Bora Pass ซึ่งสามารถบินระหว่างเกาะเหล่านี้ได้ Moorea, Huahine, Raiatea, Bora Bora, Maupiti (รวมถึงการบินออกจากสนามบินหลักที่ Papeete ด้วยนะครับ) กฎการใช้พาสนี้ คือ พาสมีอายุการใช้งาน 28 วัน เริ่มบินออกจาก Papeete และจบลงที่ Papeete (คือถ้าบินกลับมาที่นี่เมื่อไหร่พาสหมดอายุทันที หรือไม่ได้บินกลับมาแต่เกิน 28 วัน หลังไฟล์แรกก็หมดอายุเช่นกันครับ) บินระหว่างเกาะได้และหยุดได้แค่เกาะละหนึ่งครั้ง แต่ไม่รวมการต่อเครื่องเปลี่ยนเครื่อง เช่น ถ้าเราบิน Papeete Huahine Borabora จุดหมายปลายทาง คือ โบราโบร่า แต่แวะที่ Huahine แบบนี้ไม่นับว่าเป็นการหยุดที่ Huahine (อ่านว่า ฮัวฮิเนะ) นะครับ
รายละเอียดตามลิงก์นี้เลย ราคาพาสคือ 390 ยูโร หรือประมาณหมื่นหกพันบาท ผมใช้พาสนี้สำหรับการท่องเที่ยวระหว่างเกาะครับ https://www.airtahiti.com/multiisland-fares
เส้นทางการบินของแอร์ตาฮิติครับ
ถ้าเพื่อน ๆ ไปเจอ Air Tahiti Nui สายการบินนี้คือสายการบินระหว่างประเทศของเขานะครับ บินไปโตเกียว กับลอสแอนเจลิสด้วย แต่ราคาโหดมากครับ
แก้จำนวนไมล์ที่ใช้แลกกรุงเทพฯ-ตาฮิติครับ จาก 50,000 ไมล์ เป็น 45,000 ไมล์ (ซึ่งขายตอนลดราคาเหลือไม่ถึงไมล์ละบาทสี่หมื่นนิด ๆ ก็ได้ไมล์แล้วจ้า)
โอเคเนื้อหาหลัก ๆ ผ่านไปละ ที่เหลือผมจะนำชมความสวยงามของประเทศในแปซิฟิกใต้ประเทศนี้ซะที ใครสงสัยตรงไหนหรือผมตกหล่นสอบถามได้เลยนะครับ ถ้าทราบจะรีบตอบให้เลย ถ้าไม่รู้จะไปหามาให้เท่าที่หาได้ครับ
การบินระหว่างเกาะนั้นคงต้องเรียกว่าเป็นบริการหลักสำหรับนักท่องเที่ยวเลยครับ เพราะแม้แต่คนท้องถิ่นนั้นเขาก็แทบจะไม่ใช้บริการกันเท่าไร เหตุผลง่าย ๆ มันแพงครับ คนที่นี่เขาเดินทางด้วยเรือซะมากกว่า ช้าแต่ถูกกว่ามาก คือเท่าที่ผมไปสัมผัสกับคนท้องถิ่นด้วยการขับรถเที่ยวมา บอกได้เลยว่าค่าครองชีพประเทศนี้สูง แต่คนไม่ได้รวยนะครับ สินค้าส่วนใหญ่ถูกส่งมาทางเรือหรือทางเครื่องบิน ซึ่งทำให้ราคาสินค้าแพง และการเป็นดินแพนโพ้นทะเลของฝรั่งเศส ทำให้ภาษาที่เขาใช้หลัก ๆ คือ ตาฮิเตียนและฝรั่งเศส แต่พอสื่อสารภาษาอังกฤษได้ โรงแรมส่วนใหญ่เป็นเชนใหญ่ เช่น Intercontinental, Hilton, Sofitel, Four Seasons แน่นอนเจ้าของคือคนต่างชาติ ส่วนคนพื้นที่หรือคนเกาะก็ทำงานในโรงแรมแผนกต่าง ๆ เท่าที่ผมได้พูดคุยมาเขาอัธยาศัยดีนะครับ ทั้งที่นี่และฟิจิ คนยิ้มง่าย หัวเราะเสียงดัง เหมือนชีวิตเขาชิล ๆ ไปเรื่อย ๆ
การได้บินระหว่างเกาะนั้นในวันอากาศดี ๆ ซึ่งผมโชคดีมากที่เจออากาศดีเกือบทุกวันยกเว้นวันสุดท้ายเท่านั้น ทำให้ได้เห็นวิวมุมสูงสวย ๆ ของแต่ละเกาะ วันแรกที่บินจากโอ๊คแลนด์ไปนั้น จะเป็นการบินข้ามเส้นแบ่งวันสากล หมายความว่าเราบินออกตอนเย็นของวันศุกร์ บินไปหกชั่วโมงไปถึงจะกลายเป็นห้าทุ่มของวันพฤหัสบดี งงไหมครับ คือมันย้อนวันเวลากลับไป 23 ชั่วโมงเลย ใช้โซนเวลาเดียวกับฮาวาย นั่นหมายความว่าขาบินออกจากโอ๊คแลนด์เราจะบินย้อนเวลาไปเราจะมีวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ในสัปดาห์นั้น ถึงสองวัน แต่เวลาเราบินกลับมาที่โอ๊คแลนด์เวลาเราก็จะถูกหักหายไปด้วย สนุกและงงงวยดีแท้ ฮ่า ๆๆๆ
วิวมุมสูงของเกาะ Tahiti เกาะหลักครับ ผมกำลังจะเดินทางไป Huahine
การใช้พาสของแอร์ตาฮิตินั้น เราสามารถเข้าไปจองตั๋วได้ในเว็บไซต์ของสายการบินเลยครับ สามารถเปลี่ยนแปลงเส้นทางบินได้ตลอด ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ แต่มีข้อแม้ว่าเราต้องเปลี่ยนก่อนที่จะเริ่มบินไฟล์แรกนะครับ เส้นทางการบินและการเที่ยวของผม คือ Papeete Huahine Borabora Moorea Papeete แต่อย่างที่บอกว่าจะเน้นโบราโบร่า เดี๋ยวค่อยเอาเกาะอื่น ๆ มาแจมให้ทีหลังดีกว่า ว่าแล้วกระโดดไปโบราโบร่ากันเลยครับ
ลืมบอกว่าขาบินออกจาก Papeete ต้องนั่งฝั่งซ้ายของเครื่องเท่านั้นนะครับ ย้ำว่าต้องฝั่งซ้ายเท่านั้น ส่วนขาบินเข้ามา Papeete ต้องนั่งฝั่งขวา การนั่งบนเครื่องบินระหว่างเกาะไม่ฟิกที่นั่ง นึกถึงแอร์เอเชียสมัยแรก ๆ ที่ใครขึ้นไปก่อนเลือกนั่งก่อน แต่ส่วนใหญ่แอร์เขาจะขอให้ไปนั่งตอนหน้าของเครื่อง เพราะเครื่องใบพัดเราขึ้นทางด้านท้าย คือเข้าไปนั่งชิดในว่างั้น พยายามหลีกเลี่ยงปีกและย้ำอีกทีซ้ายนะครับ
ผมบินเข้าโบราโบร่าตอนเย็น แสงกำลังสีทองสะท้อนกระจกเครื่องถ่ายรูปยากมาก แต่ว่าฟินครับ ตอนเห็นครั้งแรกเหมือนตัวลอย ๆ ปลื้มมากกกกกก
ก่อนจะร่อนลงโบราโบร่าเราจะผ่านเกาะอีกเกาะที่สวยไม่แพ้กัน คือ Raiatea เสียดายจังผมไม่ได้แวะที่นี่
รูปที่ผมถ่ายจากกระจกเครื่องบิน
เมื่อเราเดินทางมาถึงสนามบินโบราโบร่าแล้วต้องนั่งเรือต่อครับ เพราะว่าสนามบินนั้นตั้งอยู่บนโมตูหรือเกาะวงแหวนตรงขอบ ๆ ถ้าจองโรงแรมตามโมตูต่าง ๆ เช่น Intercontinental, Four Seasons หรือ The St. Regis คือทุกโรงแรมที่อยู่บนโมตูหรือเกาะวงแหวนต่าง ๆ (มันไม่เชื่อมกับเกาะสนามบินนะครับ) จะมีเรือมาคอยรับผู้โดยสารอยู่แล้ว มีการต้อนรับด้วยสร้อยคอทำจากดอกไม้ และตอนส่งแขกเขาจะให้สร้อยที่ทำจากหอยครับ เหตุผลเขาบอกว่าตอนต้อนรับเขาให้ดอกไม้สดเพราะอยากให้สดชื่น แต่ตอนจากเขาให้เป็นเปลือกหอยเพราะมันสามารถเก็บเป็นที่ระลึกถึงความทรงจำได้ ส่วนใครที่ไม่ได้จองโรงแรมบนโมตูแต่เลือกพักบนเกาะกลางหรือเกาะหลักแทน ก็จะมีเรือบริการฟรี จากสนามบินไปยังท่าเรือเกาะกลางครับ เรือลำใหญ่มาก วันแรกผมก็ไปนอนบนเกาะกลางก่อนแล้วถึงย้ายมาที่โรงแรมบนโมตูอีกที
แผนที่แสดงส่วนต่าง ๆ ของเกาะครับ สนามบินอยู่บ้านมุมซ้ายของรูป บนโมตู โรงแรมต่าง ๆ จะตั้งอยู่บนโมตู เช่น Four Seasons จะอยู่ทางด้านตะวันออกของเกาะหลัก โมตูด้านนั้นจะยาวและแคบ มี The St. Regis ด้วย Pearl Hotel ที่ผมพักอยู่ทางตะวันตก ไม่ไกลจากสนามบินมากนัก แต่ใครที่พักในเกาะกลางเขามีเรือบริการฟรี โดยเรือจะรับจากสนามบินมาส่งยังท่าเรือที่ชื่อ Vaitape ซึ่งเป็นท่าเรือหลักของที่นี่และเป็นศูนย์กลางของเกาะด้วยครับ มีตลาด ซูเปอร์มาร์เก็ต ที่เช่ารถ
ท่าเรือที่สนามบินครับ
วิวระหว่างนั่งเรือ
ที่พักมีหลายแบบให้เลือก แต่แน่นอนผมกับเพื่อนตกลงกันว่าเราต้องนอนบังกะโลเหนือน้ำจะได้บรรยากาศ และบังกะโลเหนือน้ำยังมีหลายแบบให้เลือก ทั้งแบบหลังใหญ่มาแบบครอบครัวหรือบังกะโลส่วนปลายของแต่ละโซน ซึ่งจะให้วิวดีกว่าห้องอื่น ๆ เราก็ตัดสินใจเลือกบังกะโลโซนนี้ครับ ค่าเสียหายสำหรับห้องแบบที่ผมพัก คือ สามหมื่นกว่าบาทต่อคืนสำหรับสามคน รวมอาหารเช้า อย่าพึ่งตกใจหรือถอดใจครับ อย่างที่บอกว่าห้องพักมีหลายราคาหลายเจ้าให้เลือก แล้วแต่ความพึงพอใจ ผมเอาวิวมุมสูงจากเว็บของโรงแรมที่ผมพักมาให้ดู
โรงแรมมีให้เลือกมากมายเลยครับ ดัง ๆ ก็มีเยอะ ถ้าใครไปกับครอบครัวใหญ่มีวิลล่าอลังการให้นอนด้วย
พอเช็กอินเสร็จพนักงานพาเดินไปห้องพัก ซึ่งเป็นห้องส่วนปลายของบังกะโล ตอนเดินผ่านบังกะโลแต่ละหลัง โอ้ ! มันสวยมากกกกกก อากาศก็ดีสุด ๆ หันไปยิ้มกับเพื่อนประมาณว่าคุ้มค่าที่บินมาครึ่งโลกเลย
มีจากุชชี่ให้แช่ด้วย
ทางเดินไปบังกะโล
ภายในห้องพักครับ สวยงาม ตกแต่งเรียบง่ายด้วยวัสดุธรรมชาติ
ห้องน้ำ
อ่างน้ำ
ระเบียงอาบแดด
วิวเพื่อนบ้านจากระเบียงอาบแดดครับ
มีเครื่องชงกาแฟเนสเปรสโซ่ในห้องด้วย
และที่ขาดไม่ได้คือแชมเปญครับ พร้อมกับโต๊ะกระจกมองลอดไปใต้บังกะโลได้
หลังเก็บของเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วต่างคนต่างก็หากิจกรรมทำกันละครับ ที่นี่มี Snorkeling ให้ยืม มีคายักหรือเรือท้องถิ่นชาวเกาะให้ยืม (อันที่เหมือนเรือแจวบ้านเราแต่มีครีบด้านข้างประคองเรือไม่ให้พลิกครับ)
เพื่อนผมคนหนึ่งอยากนอนอาบแดดจิบแชมเปญ อีกคนจะไปพายคายัก ผมขอไปสำรวจและเก็บรูปก่อนละกัน
เดินไปทางหาดแล้วย้อนกลับมาถ่ายบังกะโล
สระว่ายน้ำ
เก้าอี้อาบแดด
คายัก
บังกะโลตอนถ่ายจากโมตูจะเห็นภูเขาของเกาะหลักเป็นแบล็คกราวน์ครับ
ผมพยายามบีบรูปพาโนรามาของบังกะโลกับภูเขาของโบราโบร่า ไม่รู้คุณภาพออกมาเป็นยังไงบ้างนะครับ
ไปชมชายหาดสีขาว ๆ บ้างดีกว่าครับ ทรายละเอียดมาก เดินถอดรองเท้าได้ ไม่มีแก้วแตกบาดเท้าแน่นอนครับ อิอิ
ยังเดินเล่นที่หาดครับ กะว่าจะรอพระอาทิตย์ตก แล้วแสงสีส้มค่อย ๆ สาดใส่ภูเขากับบังกะโล ที่หาดจะมีต้นมะพร้าวอยู่ เขาเอาเปลมาผูกให้นอนเย็นสบาย ชิลสุด ๆ ครับ
วิวตรงที่ผมนอนรอพระอาทิตย์ตกครับ
ฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีแล้ว แสงสีทองเริ่มส่องกระทบบังกะโลและภูเขา
แสงสุดท้ายแล้ว
หลังจากนั้นผมไปอาบน้ำเตรียมไปกินข้าวเย็นครับ ที่นี่แม่บ้านจะมาดูแลให้สองรอบ คือ ตอนเช้าหลังเราตื่นจะมาดูแลที่นอนให้ เอาผ้าเช็ดตัวมาให้ แล้วก็มาอีกรอบตอนเย็น มาทำที่นอนให้ เอาน้ำมาให้ บริการดีมาก ๆ ครับ อาหารเย็นที่นี่เป็นแบบบุฟเฟ่ต์และอาหารอิตาเลียน วันที่ผมพักห้องอาหารอิตาเลียนปิดเลยไปทานบุฟเฟ่ต์กัน พร้อมกับชมการแสดงของชาวเกาะ ราคาต่อหัวประมาณสองพันกว่าบาทครับ
หลังกินข้าวก็ไปนั่งจิบค็อกเทลคุยกันที่บาร์ แล้วผมก็กลับไปคว้าขาตั้งกล้องมาเก็บภาพกลางคืนซะหน่อย
สำหรับโบราโบร่าส่วนโมตูคงจบตรงนี้ แต่ยังครับ...โบราโบร่ายังมีอะไรให้เราค้นหามากกว่านั้น อย่างที่บอกว่าผมเลือกพักทั้งบนโมตูและบนเกาะหลัก เพราะผมอยากสัมผัสทั้งสองฟากว่าวิวแตกต่างกันอย่างไร ผมค้นหาที่พักอยู่นานจนมาเจอที่นี่ พอได้ไปพักมาแล้วผมบอกกับเจ้าของเลยว่าผมจะกลับมาเขียนรีวิวให้แน่นอน เพราะผมประทับใจสุด ๆ คือเจ้าของเป็นคนอิสราเอลที่ท่องโลกมากว่ายี่สิบปี จนมาลงหลักปักฐานที่โบราโบร่า เขาบอกว่าไม่อยากไปไหนแล้วเลยเก็บเงินซื้อที่ดิน แล้วค่อย ๆ สร้างบ้านให้นักท่องเที่ยวมาพัก เขาใช้เวลาถึงเจ็ดปีในการทำบ้านหลังนี้ครับ
http://www.rohotufarelodge.com/
http://www.tripadvisor.com/Hotel_Review-g311415-d967315-Reviews-Rohotu_Fare_Lodge-Bora_Bora_Society_Islands.html
ทริปแอดไวเซอร์ก็ให้คะแนนดีมาก ผมเลือก Luxury Villa ราคาประมาณแปดพันบาทต่อคืน นอนได้ประมาณสี่ถึงห้าคนต่อวิลล่าเลยครับ มีสองห้องนอน มีฟูกเสริมให้ด้วยถ้ามามากกว่านั้น บ้านทำจากไม้ มีห้องครัวห้องนั่งเล่น Open Air ที่กว้างมาก ๆๆ
ห้องน้ำก็กว้างมาก
ลืมถ่ายห้องนอนมาซะงั้น ฮ่า ๆๆๆ เตียงเป็นเตียงไม้ขนาดคิงไซส์ครับ มีเสาไม้ผูกมุ้งไว้ เหมือนเตียงเก่าของไทยเราเลย อ้อ...เจ้าของบ้านคนนี้เขาชอบเมืองไทยมากเลยครับ เคยมาสิบกว่าครั้ง ดีใจมากที่ผมบอกว่ามาจากไทย ชวนคุยเรื่องเมืองไทยตลอดเลย ถ้าเพื่อน ๆ ไปพักรับรองเขาต้อนรับดีมากเลยครับ
ตอนเย็นวันนั้นผมก็ได้ดูวิวพระอาทิตย์ตกจากโบราโบร่าสมใจ ที่พักจะอยู่บนเนินเขาครับ ด้านข้างเดินออกมาเป็นลานกว้างมาก เห็นวิวแบบไม่มีอะไรขวางตาเลย
วิดีโอที่พัก http://www.youtube.com/watch?v=RKP_cuiBH4w
นอยส์เยอะนิดหนึ่งครับ ดัน ISO ขึ้นไป
ตอนเช้าอีกวันตื่นมาชมวิวตอนเช้า ภูเขาที่เราเห็นตอนอยู่ที่โมตูครับ ภูเขาชื่อ Mt.Otekamu
ทะเลเรียบมากตอนเช้า
วันนี้ผมไปขับรถเที่ยวกับเพื่อน ๆ รอบเกาะครับ ความประมาทคือไม่ได้จองรถมาก่อน กะว่ามาหาเช่าเอาก็ได้ แต่วันนี้เป็นวันอาทิตย์ ทุกอย่างชัตดาวน์หมดเลยครับ ปั๊มน้ำมันก็เปิดแค่ตอนเช้า ร้านเช่ารถปิด ร้านอาหารส่วนใหญ่ปิด คือตอนที่รู้ก็เสียใจมากว่าทำไมไม่เตรียมการมาก่อน อยากขับรถเที่ยว พอดีเจ้าของบ้านเขามาถามว่าวันนี้จะทำอะไร จะให้เขาช่วยอะไรไหม ผมก็บอกว่าอยากหาร้านเช่ารถเพราะจะขับรถรอบเกาะกัน แต่ว่าหาไม่ได้ เขาบอกว่าไม่เป็นไรเอารถเขาไปขับก็ได้ เป็นเกียร์ธรรมดานะ ขับได้หรือเปล่า คือเพื่อนผมคนหนึ่งขับรถเกียร์ธรรมดาได้ครับ และเราทุกคนมีใบขับขี่สากลหมดเลย เกรงใจเขามากแต่ใจหนึ่งก็ประทับใจว่าเขาใจดีมาก ๆ เลย แม้เราจะเป็นลูกค้าแต่การให้ยืมรถขับรอบเกาะนี่ใจดีมาก
สรุปเราเลยได้รถขับรอบเกาะแล้วครับ แต่ยังครับ...โชคร้ายของผมยังไม่หมด หลังจากขับรถรอบเกาะแวะถ่ายรูปกันแล้ว เป็นความประมาทของผมเองที่ไปเที่ยวหลายวันแล้วทำระบบเก็บภาพไม่ดี คือเจ้า Sony A7R ไฟล์ภาพมันใหญ่มาก ผมต้องถ่ายลงแล็ปท็อปทุกวัน ที่นี่ผมไปนานยี่สิบวัน ผมทำโฟลเดอร์ภาพไม่ดี ทำให้เผลอลบรูปวันนี้ไปร้อยกว่ารูป โดยที่ไม่มีการสำรองไว้อีกเลย มารู้หลังจากกลับจากเที่ยวต่างหาก คงเหลือแค่รูปคุณภาพไม่ค่อยดีเท่าไรที่ส่งเข้าไอโฟนบางรูป (ใช้กล้องส่งเข้าไอโฟนมันจะลดขนาดไฟล์และคุณภาพลง) เลยมีมาให้ดูเท่านี้นะครับ
หาด Matira ซึ่งเป็นหาดแห่งเดียวของเกาะหลักครับ ทั้งนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่นนิยมมาเล่นน้ำกัน หาดสวยน้ำใส
เด็กน้อยเล่นน้ำ
น้ำใสมากกกกกกกก
วิวรอบ ๆ เกาะเท่าที่ผมค้นภาพมาได้ครับ ที่เหลือโดนลบไปแล้ว แง๊ ๆๆๆๆ น้ำทะเลสีสวยมาก โดยเฉพาะเวลามองจากมุมสูง มีจุดชมวิวระหว่างทางครับ เห็นไกล ๆ นั้นก็ Four Seasons
เริ่มด้วย Huahine อ่านว่า ฮัว ฮิน เนะ ผมนั่งเครื่องมาจาก Papeete แล้วไปแวะรับผู้โดยสารที่ Moorea แล้วมาลงที่นี่ วิวด้านบนก่อนร่อนลงครับ
ที่นั่งไม่ระบุ นั่งตรงไหนก็ได้
แผนที่ของ Huahine จะเห็นว่ามีเกาะสองเกาะซึ่งอยู่ใกล้กันมากจนเขาสร้างสะพานเชื่อมไว้ครับ ถนนดีมาก ขับรถเที่ยวสบายเลย ระยะทางรอบเกาะประมาณ 65 กิโลเมตร ส่วนของโบราโบร่าจะเล็กกว่า ประมาณ 34 กิโลเมตร
ที่ Huahine เราพักกันที่ Maitai Lapita Huahine เลือกพักเป็น Premium Lake Bungalow ตกคืนละประมาณสองหมื่นบาท มีอาหารเช้า ราคารวมรถรับ-ส่งสนามบิน
ทีวีซ่อนอยู่ที่โต๊ะครับ กดรีโมทแล้วทีวีจะเลื่อนขึ้นมา
ที่พักติดกับสระบัว บรรยากาศดีมากครับ กลางคืนเงียบดี
โรงแรมติดกับหาดเลย เงียบมาก ส่วนตัวสุด ๆ เลยครับ
ทะเลด้านหน้าโรงแรมน้ำสีฟ้า มีเรือมาจอดด้วยครับ
มันคือเจ้าปลาไหลยักษ์ครับ ตัวใหญ่มากกกกกกกก ลองเทียบกับแขนคนตัวยาวเป็นเมตรเลย ปลาไหลพวกนี้ในแถบแปซิฟิกใต้มีเยอะครับ คนที่นี่เขาไม่ทำร้ายมัน มันก็เลยคุ้นกับคน เวลาคนมาเที่ยวก็เอาเนื้อปลามาให้มันกิน มันเลยไม่ยอมไปไหน
ไปชมวิวกันต่อ
จากนั้นเราก็ไปดูไข่มุกดำครับ มีเรือรับ-ส่งฟรี เพราะแกลลอรี่และที่เลี้ยงหอยมุกอยู่กลางลากูนในโมตู แต่แพงมากครับ คือหลักหมื่นถึงแสนเลย ผมไม่ได้ซื้อมา แต่ผมชอบเครื่องปั้นดินเผาเขานะ สวยดี
จากนั้นไปแวะทานอาหารกลางวันกันที่ในเมืองครับ จริง ๆ จะเรียกว่าในเมืองก็ไม่ได้ คือว่ามันเล็กเกินกว่าจะเรียกเมือง แต่ก็มีซูเปอร์มาร์เกต ร้านอาหาร แล้วก็ท่าเทียบเรือ เรือวิ่งจาก Hauhine ไป Tahiti ใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมงครับ ต่างจากเครื่องบินลิบลับเลย
แล้วก็ไปนอนที่หาด รอพระอาทิตย์ตกครับ เพราะโรงแรมเราอยู่ทางทิศตะวันตก สวยงามสมการรอคอย
แง๊ เหลือเกาะ Moorea กับ Tahiti อีกนิดเดียว ไฮไลท์ผ่านไปละ สำหรับส่วนที่เหลือคือเกาะ Moorea เกาะ Moorea เป็นเกาะที่อยู่ใกล้กับเกาะตาฮิติมากเลยครับ ห่างจากตาฮิติแค่ประมาณ 25 กิโลเมตร วันที่อากาศดีก็มองเห็นได้จากตาฮิติ ผมบินจากโบราโบร่ามา Moorea อ่านว่า โมรีอา หรืออ่านเร็ว ๆ ว่า โมเรีย โดยไปแวะรับผู้โดยสารที่เกาะ Huahine ก่อน อย่างที่บอกว่าควรนั่งด้านขวานะครับ (ตรงข้ามกับตอนที่บินออกจาก Papeete คือคิดง่าย ๆ ว่าจุดหมายปลายทางของเครื่องลำนี้ไปที่ไหนก็เลือกนั่งตามนั้น จะได้วิวสวย ๆ ครับ)
เกาะนี้รูปร่างเหมือนนกเลย มีปีก มีหัว
วิวจากเครื่องบินตอนบินเข้า
บนเกาะ Moorea มีที่พักหลายแบบครับ ที่พักแบบบังกะโลเหนือน้ำมีอยู่สามสี่เจ้า คือ Pearl, Hilton, Intercontinental, Sofitel พวกผมไปพักที่ Pearl อีกแล้วครับ เป็นแบบบังกะโลเหนือน้ำ
http://www.spmhotels.com/resort/moorea
ห้องพักครับ
เพื่อนบ้าน
แชมเปญ
ตอนเย็นด้านนี้จะเห็นพระอาทิตย์ตกครับ แต่ถ้าพัก Sofitel จะหันเข้าหาเกาะใหญ่ Tahiti จะไม่เห็น Intercontinental ก็อยู่ทิศตะวันตกครับ น่าไปพักเหมือนกัน แต่ไกลจากสนามบินหน่อย
หาดทรายของเกาะ Moorea นั้นสวยสู้โบราโบร่าไม่ได้แน่นอน ฉะนั้นใครอยากชมหาดสวย ๆ ทรายละเอียดสีขาวที่นี่ไม่มีครับ แต่ว่า Moorea มีความโดดเด่นเรื่องแลนด์สเคปของภูเขา ถ้าเลื่อนไปดูรูปมุมสูงด้านบนและแผนที่จะเห็นว่าเกาะมีรูปร่างเหมือนนกที่ผมบอกไป และตรงกลางนั้นมีภูเขาสูงโดดเด่นขึ้นมา
คอมแพคท์สามารถขับได้สบาย ๆ จุดชมวิวบนเขานั้นถ้าเทียบกับแผนที่ก็อยู่ตรงคอของนกครับ เมื่อเราไปถึงจุดนั้นจะเห็นปีกนกทั้งสองข้าง แต่จุดแรกที่เราควรไปชมก่อนคือ Pao Pao ตอนเช้าอากาศสดชื่นเลยครับ
บริเวณนี้เรียกว่า Pao Pao มันคือบริเวณที่เว้าเข้ามาของทะเล ถ้าดูในแผนที่ด้านบนก็คือส่วนของคอนกด้านขวาครับ คือถนนมันวิ่งรอบเกาะ ออกจากโรงแรมมาวิ่งทวนเข็มนาฬิกา จะไต่เข้ามายังส่วนอ่าวด้านใน ตรงนี้มีวิวสวย ๆ ของภูเขาและน้ำทะเลให้เก็บภาพกัน ผมว่าเพราะภูเขาและอ่าวนี่แหละที่ทำให้ Moorea สวยโดดเด่นกว่าเกาะอื่น ช่วยทดแทนชายหาดที่ไม่สวยได้
เส้นทางที่ขับวันนี้ครับ วิวสวยมากและร่มรื่น ฝนเพิ่งตก
เริ่มขึ้นเขาไปชมวิวที่ Belvedere ทางขับรถง่ายครับ ไม่ชันเท่าไร ถนนค่อนข้างดี
วิวที่ Belvedere จะเห็นอ่าวสองข้างที่เว้าเข้ามา ด้านขอบก็เหมือนปีกนก ส่วนภูเขาด้านหน้าเราก็คือหัวนกในแผนที่นั่นเองครับ
พาโนรามาอีกสักรูป
จากนั้นไปขับรถต่อครับ เช่นเคยวิวภูเขาและอ่าว ถนนบางช่วงกำลังซ่อมและไม่เรียบครับ รถวิ่งไม่มาก คนบนเกาะอยู่ค่อนข้างเบาบาง อาจจะเป็นเพราะว่าคนส่วนใหญ่จะอยู่บนเกาะหลักตาฮิติมากกว่า ซึ่งห่างไปแค่ 25 กิโลเมตรอง มีเรือเฟอร์รี่วิ่งรับ-ส่งผู้โดยสารและรถยนต์ ใช้เวลาเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมง
หลังจากขับรถได้หนึ่งรอบหาอะไรกิน อิ่มท้องแล้วเราก็มานั่งดูปลาที่บังกะโลครับ ปลาที่นี่สีสวยมากเลย น้ำก็ใส
ที่พักที่อยากแนะนำอีกที่ คือ Sofitel ครับ ผมขับรถผ่านที่จุดชมวิว บังกะโลเขาสวยดี หันหน้าเข้าหาเกาะตาฮิติ
ช่วงเวลาท่องเที่ยวที่ดีที่สุด คือ เดือนพฤษภาคมถึงตุลาคมครับ เพราะช่วงนี้จะแห้ง อากาศไม่ร้อน ไม่มีฝน แต่ถ้าเป็นช่วงพฤศจิกายนถึงเมษายนจะมีฝนตก อากาศร้อนชื้นและไม่ค่อยสบายตัว บางทีอาจจะเจอพายุได้ด้วย สำหรับช่วงแนะนำตอนที่คนไม่เยอะและราคาห้องพักไม่แพงมาก คือ ช่วงเดือนพฤษภาคม (ผมไปฟิจิมา คนไม่เยอะและอากาศดีมากครับ ห้องพักยังไม่ปรับราคา) และตุลาคมที่ผมพึ่งไปโบราโบร่ามา ช่วงนี้ที่พักราคาก็ไม่แพงมาก ช่วงที่แพงที่สุดน่าจะเป็นเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม เพราะฝรั่งเขาหยุดไปเที่ยวเยอะมาก ราคาห้องพักเลยปรับขึ้น
ขอบคุณเพื่อน ๆ ที่เข้ามาให้กำลังใจ และพูดคุยนะครับ ถ้าใครมีอะไรสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมฝากคำถามได้ที่กระทู้เลยครับ (http://pantip.com/topic/32769026) ยินดีช่วยเหลือครับ
หมายเหตุ : เวลากดดูที่นั่งว่างของ United เข้าไปที่ Book with Award Miles ถูกต้องแล้วครับ คือไม่ต้องมีไมล์ก็สามารถดูไฟล์ได้หมดทุกรูทที่มีให้แลกเลย ใส่ต้นทางกับปลายทางและวันที่ไป เวลามันขึ้นมาเป็นตาราง ช่องซ้ายสุดคือ อีโคโนมี ซึ่งแบ่งเป็นสองอันคือ Saver กับช่อง Standard ถัดไปก็เป็นชั้นธุรกิจ ชั้นหนึ่ง คือตรง Saver or Standard มันคือข้อจำกัดของการเปลี่ยนการเดินทางครับ แต่เป็นที่นั่งเดียวกัน เช่น ถ้าเราแลกจาก BKK-PPT Saver 22,500 Miles Per One Way, ไป-กลับก็ 45,000 ไมล์ ค่าธรรมเนียมจะอยู่ในช่องเดียวกันต่อ One Way (ขากลับอาจจะแพงหรือถูกกว่าก็ได้) ส่วน Standard One Way ปาไป 40,000 ไมล์แล้ว ซึ่งเยอะมาก ไป-กลับก็ 80,000 ไมล์ (ซึ่งจะเห็นว่าใช้ไมล์นี้บินชั้นธุรกิจแบบ Saver ได้เลย)
ฉะนั้นคนส่วนใหญ่จะแลกแบบ Saver ครับ แต่ก็มีบางเส้นทางที่ Saver หมด ก็อาจจะต้องยอมแลกแบบ Standard แต่ผมว่าเสียดายไมล์มาก ๆ ตอนเราซื้อไมล์ ไมล์จะไม่แยกว่าเป็นไมล์แบบไหน (แต่ใช้ปรับระดับของบัตรไม่ได้ ก็เหมือนการบินไทยที่ไมล์ที่นำมาคิดบัตรทอง บัตรเงินต้องเป็นไมล์จากการบินเท่านั้น) พูดง่าย ๆ คือตอนซื้อไมล์ก็ได้ไมล์ปกติมานี่แหละ เขาไม่แยกว่าเป็นไมล์แบบ Saver or Standard ตรงนี้มันคือการแลกตั๋วเท่านั้นเองที่มาแยกประเภท ไม่แน่ใจว่าหาตรงช่องไหนที่ไม่เจอไฟล์บินจาก AKL-PPT บางวันที่ไม่เจอ อาจจะเพราะว่าที่นั่งเต็มไปแล้วครับ มันจะขึ้นมาว่าไม่มี และปฏิทินด้านบนที่โชว์จะขึ้นเป็นสีขาว ให้คลิกที่เป็นวันสีเขียวจะเจอไฟล์ บางทีบางรูทโควตาจะหมด คือที่นั่งแลกไมล์เต็มแล้วก็จะแลกไม่ได้ครับ ที่แปลกกว่านั้นคือบางเส้นทางที่เต็ม เช่น AKL-PPT แต่พอหา BKK-PPT (BKK-AKL-PPT) กลับว่างซะงั้น และที่สำคัญถ้าแลก AKL-PPT จะใช้ไมล์ 45,000 ไมล์ เท่ากับ BKK-PPT เลยนะครับ ฉะนั้นแลก BKK-PPT คุ้มสุด ๆ
สำหรับเรื่องค่าใช้จ่ายทริปเฉพาะโบราโบร่าจะประมาณแสนห้าถึงสองแสนบาทครับ ตั๋วเครื่องบิน ค่าที่พัก ค่ากิน ค่าเช่ารถสำหรับแปดวัน มากหรือน้อยกว่านี้ขึ้นกับค่าที่พักเป็นหลักครับ เพราะมีหลายราคา ส่วนค่าเครื่องบินก็ประมาณห้าหมื่นบาท (แต่ผมบินชั้นธุรกิจเลยจะแพงกว่านั้น ผมเสียมากกว่านั้นเพราะไปหลายประเทศและยี่สิบวัน)
ค่าที่พักแพงสุด คือ คืนละสามหมื่นสามพันบาทโดยประมาณ ไม่รวมค่ากินอีก (อาหารเช้ารวม แต่อาหารเย็นและกลางวันต้องจ่ายเพิ่ม) ส่วนค่าที่พักถูกสุด คือ หกพันบาท (วันแรกที่ไปถึงนอนในตาฮิติ) แต่ราคาไม่กี่พันบาทก็มีครับ ใกล้ ๆ สนามบินหรือในตัวเมือง
ค่าอาหารเฉลี่ยแต่ละมื้อถ้ากินตามร้าน (นอกโรงแรม) ตกประมาณหนึ่งพันบาทต่อคน ถ้าในโรงแรมจะแพงกว่านั้น แต่ถ้าไปซื้ออาหารมาทำเองจะถูกกว่ามาก ๆ (ผมทำอาหารเองช่วงที่พักอยู่รีสอร์ทบนเกาะกลางโบราโบร่า)
ค่าเช่ารถในตาฮิติ รถขนาดเล็กประมาณสองพันกว่าบาท ถ้าโบราโบร่าเท่าที่หาดูตกวันละสามพันกว่าบาทครับ (Huahine, Moorea ก็ประมาณเดียวกัน)