x close

สะพายกล้อง ท่องธรรมชาติ ณ บึงฉวาก สุพรรณบุรี

บึงฉวาก


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก aquariumthailand.com และ suphan.biz   

          ในวันที่อากาศเป็นใจ...เชื่อว่าคงมีใครหลาย ๆ คน กำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวดี ๆ หวังหลีกหนีความจำเจ เครียด เหนื่อย และเมื่อยล้าจากการทำงาน หรือคร่ำเคร่งกับการเรียน เพื่อไปพักผ่อนหย่อนใจ คลายความเหงาหงอย เราขอแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตฮอตติดระดับท็อป สถานที่น่าเที่ยว นั่นก็คือ บึงฉวาก จังหวัดสุพรรณบุรี นี่เอง...


          บึงฉวากเฉลิมพระเกียรติ
หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า "บึงฉวาก" เป็นบึงน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 2,700 ไร่ อยู่ห่างจากตัวอำเภอเมืองสุพรรณประมาณ 64 กิโลเมตร บึงฉวากมีพื้นที่ติดต่อกับอำเภอหันคา จังหวัดชัยนาท และอำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี ส่วนที่อยู่ในเขตอำเภอเดิมบางนางบวชมีพื้นที่ประมาณ 1,700 ไร่ ทั้งนี้ บึงฉวากได้รับประกาศให้เป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่ามาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2526 และในปี พ.ศ. 2541 ได้รับการจัดให้เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับชาติตามอนุสัญญาแรมซาร์ ที่ประเทศไทยเข้าร่วมเป็นภาคี เนื่องจากความหลากหลายของพันธุ์พืชและสัตว์ที่มีในบึง


          สำหรับลักษณะที่เรียกว่าเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำตามอนุสัญญาแรมซาร์ คือ พื้นที่ลุ่ม พื้นที่ราบลุ่ม พื้นที่ลุ่มชื้นแฉะ พื้นที่ฉ่ำน้ำ มีน้ำท่วม น้ำขัง พื้นที่พรุ พื้นที่แหล่งน้ำ ทั้งที่เกิดเองตามธรรมชาติและที่มนุษย์สร้าง ทั้งที่มีน้ำขังหรือน้ำท่วมถาวรและชั่วคราว ทั้งแหล่งน้ำนิ่งและน้ำไหล แหล่งน้ำจืด น้ำกร่อยและน้ำเค็ม รวมไปถึงพื้นที่ชายฝั่งทะเลและทะเลในบริเวณ เมื่อน้ำลดต่ำสุด น้ำลึกไม่เกิน 6 เมตร ซึ่งบึงฉวากเข้าข่ายลักษณะดังกล่าว ที่เป็นบึงน้ำจืดที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ มีความลึกเฉลี่ยประมาณ 1 - 3 เมตร

บึงฉวาก



          ทั้งนี้ บริเวณริมบึงฉวากยังมีบรรยากาศที่แสนร่มรื่น สายลมพัดผ่านเย็นสบายตลอดทั้งวัน ในบึงเต็มไปด้วยดอกบัวสีแดงและชมพู ซึ่งจะบานสวยงามมาก ๆ ในตอนเช้า รับรองว่าถ้าใครมาเห็นเป็นต้องถ่ายภาพเก็บกลับบ้านไปอวดเพื่อน ๆ แน่นอน แจมด้วยนกเป็ดแดงฝูงใหญ่จับกลุ่มอยู่ตามกอบัวในช่วงฤดูหนาว ระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมีนาคม และนกจะทยอยกลับในช่วงเดือนเมษายน มีศาลาสำหรับเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชน มีบริการขี่จักรยานน้ำ นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวสามารถขออนุญาตกางเต็นท์พักแรมริมบึงได้อีกด้วย

          ปัจจุบันมีการพัฒนาบึงฉวากให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดสุพรรณบุรี เพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากมาย ดังนี้...

บึงฉวาก

โซนสัตว์น้ำ


          สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำบึงฉวาก (อุโมงค์ปลา)


          ภายในอาคารแสดงพันธุ์สัตว์น้ำรวบรวมพันธุ์ ปลาน้ำจืด ปลาสวยงามและพันธุ์ปลาหายาก เอาไว้ให้ประชาชนได้ศึกษา แบ่งเป็น 3 อาคาร ได้แก่...

          อาคารแสดงสัตว์น้ำหลังที่ 1 จัดแสดงพันธุ์สัตว์น้ำจืดและสัตว์น้ำเค็ม ทั้งพันธุ์ปลาไทย และพันธุ์ปลาต่างประเทศกว่า 50 ชนิด เช่น ปลาบึก ปลากระโห้ ปลาม้า ปลากราย ปลาช่อนงูเห่า ปลาเสือตอ เป็นต้น

          อาคารแสดงสัตว์น้ำหลังที่ 2 ประกอบด้วยตู้ปลาขนาดใหญ่สวยงาม บรรจุน้ำได้กว่า 400  ลูกบาศก์เมตร และมีอุโมงค์ความยาวประมาณ 8.5 เมตร ผู้ชมสามารถเดินลอดผ่านใต้ตู้ปลา ได้บรรยากาศเหมือนอยู่ใกล้สัตว์น้ำ ซึ่งถือว่าเป็นอุโมงค์ปลาน้ำจืดแห่งแรกของประเทศไทย มีนักประดาน้ำหญิงสาธิตการให้อาหารปลา นอกจากนั้นโดยรอบยังมีตู้ปลาน้ำจืดอีก 30 ตู้ และตู้ปลาทะเลสวยงามอีก 7 ตู้ การแสดงตู้ปลาใหญ่ มีเฉพาะวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ มี 4 รอบ ตั้งแต่เวลา 10.30 – 16.00 น.

บึงฉวาก

          บ่อจระเข้น้ำจืด 

          เป็นบ่อจระเข้ที่ได้จำลองให้มีสภาพใกล้เคียงกับธรรมชาติมากที่สุด พื้นที่ประมาณ 3 ไร่ มีจระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทยขนาด 1.5 – 4.0 เมตร ประมาณ 60 ตัว ซึ่งผู้ชมจะได้เห็นความเป็นอยู่ แบบธรรมชาติของจระเข้ และสามารถเข้าชมอย่างใกล้ชิด มีการแสดงจระเข้วันเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ รอบ 11.00น. 12.30น. 14.00น. และ 15.30 น.

          ทั้งนี้ สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำบึงฉวากเฉลิมพระเกียรติ เปิดให้เข้าชมทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ วันจันทร์ – ศุกร์ เปิดเวลา 08.30 – 17.00 น. วันเสาร์ – อาทิตย์ เปิดเวลา 08.30 – 18.00 น. ส่วนค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 10 บาท สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 0 3543 0043 – 4, 0 3543 0033

บึงฉวาก

          อาคารสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำหลังที่ 3 (สวรรค์แห่งโลกใต้ทะเล) จัดแสดงพันธุ์ปลาทะเลมากมายหลายชนิด ให้ได้ชมกัน มีตู้ปลาขนาดใหญ่ และตู้ปลารูปทรงแปลกตา เพื่อคอยบริการนักท่องเที่ยวให้ได้ชื่นชมกับความสวยงามและบรรยากาศของโลกใต้ทะเล รวมทั้งตื่นตาตื่นใจกับอุโมงค์ปลา และบันไดเลื่อน ขนาดความยาว 75 เมตร เพื่อให้ได้ศึกษาสภาพความเป็นอยู่ของ สัตว์ทะเลอย่างใกล้ชิด รวมทั้งบ้านของเจ้าแห่งท้องทะเล หรือปลาฉลามอีกจำนวนมาก ภายอาคารในพบกับ...
 
          ตู้ปลาทรงกระบอก (Cylinder) ใหญ่และสูงที่สุดในเมืองไทย

          เปิดโลกใต้ทะเล (The Open Sea) ชมความงามของปลากระเบนนก ปลาฉลามครีบดำ ปลาค้างคาว

          ตู้ยักษ์ใต้สมุทร (Giant Groupter) พบปลาหมอทะเล ปลากระเบนท้องน้ำ เต่าทะเล และอุโมงค์ยาว 12.50 เมตร

          ตู้แนวประการัง (Coral reef) พบกับฝูงปลาขนาดใหญ่ ปลาปักเป้า ปลาผีเสื้อ ว่ายวนบนแนวประการังเทียมที่สีสันสวยสดงดงาม

          ตู้ประการังสีฟ้าจากโอกินาวา (Okinava blue) เนรมิตประการังภายในตู้เปรียบเสมือนประการังแห่งท้องทะเลโอกินาวา

          อุโมงค์ปลาฉลาม (Shark Tunnel) ตื่นตากับฝูงปลาฉลามขนาดใหญ่ ฉลามเสือทราย ฉลาดเสือดาว ฉลามครีบดำ และอุโมงค์ยาว 16 เมตร กว้าง 6 เมตร ซึ่งเป็นอุโมงค์ปลาที่กว้างที่สุดในโลก

          ตู้สีสันสิมิลัน (Similan Cliff) ตกแต่งด้วยประการังสีชมพู กัลปังหาที่สวยงาม และปลาสีสันสวยงามหลากหลายชนิด

          การแสดงการให้อาหารปลาฉลาม มีเฉพาะวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ มี 1 รอบ ตั้งแต่เวลา 14.00 – 15.00 น.

          สำหรับค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 150 บาท เด็ก 50 บาท   ชาวต่างชาติ 200 บาท เด็กต่างชาติ 100 บาท เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 - 17.00 น.

บึงฉวาก

โซนสวนสัตว์

         ศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก สร้างขึ้นเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสทรงครองราชย์เป็นปีที่ 50 ประกอบด้วย อาคารศูนย์บริการนักท่องเที่ยว จัดนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับการเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าชนิดต่าง ๆ การดูนก สภาพทางภูมิศาสตร์ ประวัติความเป็นมาของบึงฉวาก มีตู้จำลองระบบนิเวศ ห้องฉายสไลด์วีดิทัศน์

          ด้านนอกอาคารมีกรงเลี้ยงนกขนาดใหญ่ มีพื้นที่ประมาณ 5 ไร่ สูง 25 เมตร ภายในกรงได้รับการตกแต่งให้ดูคล้ายสภาพธรรมชาติ ประกอบด้วยนกกว่า 45 ชนิด ที่น่าสนใจ ได้แก่ นกกาบบัว นกเป็ดแดง ไก่ฟ้าพญาลอ และไก่ฟ้าสีทอง ซึ่งกล่าวกันว่า เป็นไก่ฟ้าที่มีความสวยงามที่สุดในโลก มีการจำลองน้ำตกขนาดเล็กเอาไว้ภายในกรง ผู้เข้าชมจะเดินตามทางเดินที่จัดไว้ และได้สัมผัสใกล้ชิดกับนกต่าง ๆ ที่ปล่อยให้มีชีวิตอยู่ในสภาพแบบธรรมชาติ เดินผ่านหน้าเราไป หากเดินถัดไปจากกรงนกจะเป็นกรงเสือขนาดใหญ่ กรงเสือขนาดเล็ก มีเสือชนิดต่าง ๆ ให้ชม และที่พิเศษ คือ มีลูกเสือดูดนมหมู และสัตว์สวยงามอีกหลายชนิด โดยแบ่งออกเป็น...

          1. เขตห้ามล่าสัตว์ป่า

          2. กรงเสือและกรงสิงโต : ลักษณะภายในตกแต่งเป็นถ้ำและเนินหินให้ดูคล้ายสภาพธรรมชาติ ซึ่งเป็นกรงเลี้ยงสัตว์ป่าตระกูลแมว อันได้แก่ สิงโต เสือโคร่ง เสือลายเมฆ เสือดาว แมวดาว เป็นต้น นอกจากนั้นยังมีกรงสัตว์ป่าหายากอีกหลายประเภทที่จัดแสดงไว้ เช่น นกน้ำ นกยูงและไก่ฟ้าชนิดต่าง ๆ ม้าลาย อูฐ และนกกระจอกเทศ

          3. สถานที่ถ่ายภาพร่วมกับสัตว์ : เด็กจะได้สนุกสนานกับการถ่ายภาพบนหลังม้า หรือถ่ายภาพคู่กับลิงอุรังอุตัง เก็บไว้เป็นที่ระลึก

          4. ศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าและกรงนกใหญ่ : เดินชมภายในกรงนกใหญ่ ที่มีสภาพแวดล้อมคล้าย สภาพธรรมชาติ ชมพันธ์นกหายากกว่า 30 ชนิด เช่น นกยูง นกกาบบัว เป็ดแดง

          5. เกาะกระต่าย : พื้นที่คล้ายเกาะ สร้างเป็นที่พักของกระต่าย 2 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์เจอร์ซี่ วูลลี่ และสายพันธุ์แองโกร่า ที่มีความน่ารักและสวยงาม รวมทั้งยังมีกวางดาว เนื้อทราย และจากสาเหตุที่เป็นเกาะมีพื้นที่น้ำล้อมรอบ จึงเลี้ยงปลาไว้ในกระชังอีกจำนวนมาก เพื่อให้ผู้คนได้พักผ่อนอีกประเภทหนึ่ง โดยการให้อาหาร เช่น ปลาทอง ปลาคาร์ฟ ปลาสวายเผือก ฯลฯ ศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก เปิดทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.00-16.30 น. เสาร์-อาทิตย์ เวลา 08.00-18.00 น.

          6. ศูนย์รวมพันธุ์ไก่ และกรงสัตว์หายาก : เป็นสถานที่รวบรวมพันธุ์ไก่ชนิดต่าง ๆ ทั้งสวยงาม และหายาก เช่น ไก่ฟ้าหลังขาว ไก่ฟ้าสีทอง ไก่ฟ้าพญาลอ และสัตว์หายากอีกหลายชนิด

          ทั้งนี้ ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 5 บาท และสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ ศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก เปิดทุกวัน จันทร์-ศุกร์ 08-16.30 น. เสาร์-อาทิตย์ 08.00-18.00 น. โทรศัพท์ 0 3543 9206, 0 3543 9210 หรือสำนักงานเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงฉวาก โทรศัพท์ 0 3548 1250

บึงฉวาก

          7. อุทยานผักพื้นบ้านเฉลิมพระเกียรติ

          อยู่ในความดูแลของกรมส่งเสริมการเกษตร จัดตั้งขึ้นเพื่อสร้างจิตสำนึก ให้ประชาชนทั่วไปเห็นคุณค่าและอนุรักษ์ผักพื้นบ้าน โดยรวบรวมผักพื้นบ้านจากทั่วภูมิภาคของประเทศไทยกว่า 500  ชนิด มาปลูกไว้ในบริเวณเกาะกลางบึงฉวาก มีทั้งสมุนไพร ไม้ยืนต้น ไม้เลื้อย และไม้ชื้นแฉะที่น่าสนใจ ได้แก่ น้ำเต้าสี่เหลี่ยม บวบหอมขนาดใหญ่ อุโมงค์น้ำพุ และการจัดสวนไม้ประดับด้วยผักพื้นบ้าน นอกจากนั้นยังมีโรงปลูกพืชระบบระเหยน้ำ และสาธิตการปลูกพืชไร้ดินจัดแสดงให้ชมด้วย และมีห้องสมุดบริการคอมพิวเตอร์ สำหรับค้นคว้าข้อมูลพันธุ์ผักต่าง ๆ

          ห้องนิทรรศการแสดงผลผลิตทางการเกษตร ศูนย์บริการท่องเที่ยวเกษตรอุทยานผักพื้นบ้านฯ เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่ เวลา 08.30-18.00 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 08 9836 1358, 0 3543 0011 หรือสำนักงานเกษตรอำเภอเดิมบางนางบวช โทรศัพท์ 0 3554 5450, 0 3555 5455 (ชมฟรี)
 
          8. เรือจักรยานน้ำ สำหรับครอบครัวได้ออกกำลังกาย กับธรรมชาติที่สวยงามภายในบึง


การเดินทาง  

การเดินทางโดยรถยนต์

          เริ่มจากถนนสายตลิ่งชัน – สุพรรณบุรี (ทางหลวงหมายเลข 340) ระยะทางจากกรุงเทพฯ ประมาณ 160 กิโลเมตร เมื่อถึงอำเภอเดิมบางนางบวช สามารถเข้าได้ 2 ทาง คือ


          1. บนทางหลวงหมายเลข 340 กิโลเมตรที่ 147 ด้านซ้ายมือ จะมีป้ายทางเข้าบึงฉวากเฉลิมพระเกียรติ และทางเข้าวัดเดิมบาง ให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนนซอยข้างวัด ข้ามแม่น้ำแล้วตรงไปเรื่อย ๆ เมื่อถึงสามแยกตัดกับถนนเลียบคลองชลประทานให้เลี้ยวขวาไปตามถนน จนพบสะพานข้ามคลองชลประทานด้านซ้ายมือให้เลี้ยวซ้ายข้ามสะพานแล้ว ตรงไปเรื่อย ๆ จะถึงบึงฉวาก


          2. บนทางหลวงหมายเลข 340 กิโลเมตรที่ 151 ด้านซ้ายมือ จะมีป้ายทางเข้าบึงฉวากเฉลิมพระเกียรติ ให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนนข้าม สะพานบึงฉวากแล้วตรงไปเรื่อย ๆ เมื่อถึงสามแยกตัดกับถนนเลียบคลองชลประทาน ให้เลี้ยวขวาไปตามถนน จนพบสะพานข้ามคลองชลประทานซ้ายมือ ให้เลี้ยวซ้ายข้ามสะพานแล้วตรงไปเรื่อย ๆ จะถึงบึงฉวาก


การเดินทางโดยรถโดยสารประจำทาง


          สามารถขึ้นรถโดยสารสถานีหมอชิต – ท่าช้าง หรือสถานีรถสายใต้ – ท่าช้าง แล้วลงที่ อำเภอเดิมบางนางบวช จากนั้นต้องเหมารถไปที่บึงฉวากอีกต่อหนึ่ง

          
เอาล่ะ!! ได้เวลาเตรียมตัวจัดกระเป๋า สะพายกล้อง แล้วไปท่องธรรมชาติ ที่บึกฉวากกันแล้ว ยะฮิ้ว...


 


ขอขอบคุณข้อมูลจาก
  และ suphan.biz  

 

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
สะพายกล้อง ท่องธรรมชาติ ณ บึงฉวาก สุพรรณบุรี อัปเดตล่าสุด 14 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 19:07:25 6,315 อ่าน
TOP